ของที่บ้านขาดมีมากมาย ตั้งแต่เข็มด้าย หม้อชาม ตะเกียงน้ำมันไปจนถึงโต๊ะ เก้าอี้ เตียง รวมถึงเสื้อผ้า ผ้านวม ข้าวสารและแป้ง ไม่มีเลยสักอย่าง ทุกอย่างล้วนต้องซื้อ
ฉินเหยาเดินทั่วทั้งอำเภอไคหยางรอบหนึ่ง ซื้อของที่ขาดไปจนครบถ้วน
ข้าวขาวสี่ร้อยจิน แป้งละเอียดหนึ่งร้อยจิน ถั่วเหลืองห้าสิบจินและข้าวฟ่างห้าสิบจิน รวมเป็นเสบียงทั้งหมดหกร้อยจิน เพียงพอสำหรับนางและเด็กอีกสี่คนกินได้สี่เดือนอย่างสบายในฤดูหนาวนี้
ข้าวขาว แป้งละเอียด และข้าวฟ่างเหล่านี้มีราคาสูงกว่าข้าวกล้องและแป้งหยาบถึงสองเท่า รวมแล้วหมดเงินไปสี่ตำลึงแปดเฉียน
แน่นอน สาเหตุหลักคือฉินเหยากินมากกว่าคนทั่วไปถึงห้าเท่า หากเป็นครอบครัวอื่น หกร้อยจินนี้สามารถต้มเป็นข้าวต้มกินได้เกินครึ่งปี
อย่าถามว่าเหตุใดนางไม่ประหยัดซื้อข้าวกล้องหรือแป้งหยาบแทน
เพราะของพวกนั้นนางกลืนไม่ลง
สิ่งที่เรียกว่าข้าวกล้อง น่าจะเรียกว่ารำข้าวจะเหมาะกว่าเพราะมีข้าวเพียงสี่ส่วน อีกหกส่วนเป็นรำข้าว
แป้งหยาบก็ไม่ต่างกัน เกือบครึ่งหนึ่งคือเปลือกข้าวสาลี เมื่อนำมาเติมน้ำแล้วนึ่งทำเป็นอาหารก็ทำให้ติดคอ
แม้ในวันสิ้นโลกจะขาดแคลนทรัพยากรอย่างรุนแรง แต่โครงสร้างการกินต่างจากสมัยโบราณ คนที่ยากจนจนไม่มีข้าวจะกินก็หมายความว่าไม่มีข้าวจะกินจริงๆ
หากมีอาหารก็จะเป็นของที่เก็บได้นาน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือคุกกี้ มิฉะนั้นก็เป็นธัญพืชที่ได้จากฐานเกษตรกรรม
รำข้าวสิ่งนี้ได้หายไปจากรายการอาหารของมนุษย์นานแล้ว
ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงข้าวกล้องหรือแป้งหยาบ แม้กระทั่งธัญพืชที่นิยมสำหรับลดน้ำหนัก ในยุคปัจจุบันกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกเหมือนเคี้ยวขี้ผึ้งแล้ว
ในเมื่อมีความสามารถ ฉินเหยาจึงไม่คิดจะทรมานกระเพาะของตัวเอง การไม่ได้กินข้าวดีๆ นั้นช่างทรมานยิ่งกว่าถูกซอมบี้กลายพันธุ์ไล่ล่าเสียอีก
เมื่อซื้อเสบียงเสร็จ ฉินเหยาก็ไปที่ร้านผ้าซื้อผ้านวมหนักสิบจินสามผืน ผ้าห่มบางสามผืน และเสื่อที่ทำจากเปลือกต้นจง[1]อีกสามผืน
นอกจากนี้ยังซื้อสำลีอีกห้าจิน ผ้าฝ้ายสีขาวราคาถูกที่สุดหนึ่งพับ ผ้าฝ้ายสีครามหนึ่งพับและผ้าหยาบสีแดงอีกหนึ่งพับ
สีแดงนั้นเก็บไว้ทำชุดใหม่สำหรับปีใหม่ เด็กๆ ในบ้านล้วนเหมือนบิดาพวกเขา เครื่องหน้าล้วนงดงาม หากแต่งตัวให้ดีหน่อยคงเจริญตาเป็นอย่างยิ่ง
ผ้าหนึ่งพับยาวสิบห้าเมตร กว้างประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร ผ้าจำนวนนี้เพียงพอสำหรับทำเสื้อผ้าสองชุดทั้งชุดด้านในและชุดด้านนอกสำหรับคนในครอบครัวทั้งห้าคนแล้วยังเหลืออีก
ฉินเหยาเย็บเสื้อผ้าไม่เป็นเลยสักนิด เมื่อซื้อเข็มด้ายมาเรียบร้อยแล้ว นางจึงตั้งใจจะกลับบ้านไปหาคนมาช่วยทำ
ในร้านมีเสื้อผ้าสำเร็จรูปขาย เป็นของมือสอง คาดว่าน่าจะเป็นของที่นำออกมาจากโรงรับจำนำ
ฉินเหยาเห็นว่าราคาคุ้มค่า เมื่อมองดูชุดผ้าหยาบเก่าๆ ของตัวเองที่สกปรกจนดูไม่ได้ นางจึงตัดสินใจเลือกชุดหนึ่งที่ตัวเองใส่ได้และซื้อเพิ่มอีกสี่ชุดให้เด็กทั้งสี่คนคนละชุด
รองเท้าก็ซื้อให้คนละคู่ ฉินเหยาเลือกรองเท้าหนังหุ้มข้อสำหรับตนเอง ส่วนของเด็กทั้งสี่เป็นรองเท้าผ้าหยาบ ล้วนเป็นมือสองทั้งหมด
รองเท้าของนางพอดีเท้า แต่รองเท้าของชาวบ้านทั่วไปมักจะนิยมความเรียบง่าย ขนาดก็ใหญ่กว่าปกติ รองเท้าสี่คู่ของเด็กๆ จึงไม่พอดีกับขนาดเท้าเท่าใดนัก
แต่เด็กๆ นั้นโตเร็ว สวมถุงเท้าและเสริมพื้นรองเท้าให้หนาอีกหน่อยก็น่าจะใส่ได้พอดี
ถุงเท้า แผ่นรองรองเท้า ผ้าโพกศีรษะและผ้าผูกผม ฉินเหยาก็ซื้อมาเล็กน้อย
ทั้งหมดนี้ใช้เงินไปสิบตำลึง
ตอนจ่ายเงิน ฉินเหยาถึงกับสูดหายใจเย็นเยียบ คิดว่าผ้าพวกนี้ช่างแพงจริง ไม่แปลกที่ทุกคนจะนิยมซื้อวัสดุกลับไปทำเองที่บ้าน
หลังจากออกจากร้านผ้า ฉินเหยาก็ไปร้านขายของชำเพื่อซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างพวกน้ำมัน เกลือ น้ำปรุงรส น้ำส้มสายชู หม้อ ชาม กระบวย อ่าง
แต่นางไม่พบร้านขายเครื่องเรือนสำเร็จรูป มีเพียงช่างไม้ที่รับทำเครื่องเรือนเท่านั้น เรื่องเครื่องเรือนจึงต้องพักไว้ก่อนกลับไปค่อยไปหาช่างไม้ใกล้หมู่บ้านมาช่วยทำ
เมื่อซื้อของครบแล้ว ฉินเหยาก็เช่ารถเทียมวัวริมประตูเมืองเหนือในราคาสามสิบเหวินพร้อมจ้างสารถีไปขนเสบียงที่ซื้อไว้ทั้งหมดขึ้นรถแล้วเดินทางกลับหมู่บ้านตระกูลหลิวพร้อมของเต็มคันรถ
รถเทียมวัวบรรทุกของจนเต็ม ไม่มีที่ให้นั่งได้ ฉินเหยาจึงเดินเท้าพร้อมสารถี
จากอำเภอไคหยางถึงเมืองจินสือล้วนเป็นถนนหลวง วันนี้อากาศแจ่มใส ถนนจึงนับว่าเดินได้สบาย
ฉินเหยาเดินพลางนับเงินที่เหลืออยู่ในมือ
ของทั้งหมดนี้ใช้เงินไปสิบแปดตำลึง ตอนนี้นางยังเหลือเงินอีกหกสิบเจ็ดตำลึงสามเฉียน
ฉินเหยาตั้งใจเก็บเงินห้าสิบตำลึงไว้เป็นเงินฉุกเฉิน ส่วนอีกสิบเจ็ดตำลึงกว่า นางวางแผนใช้ทำเครื่องเรือนดีๆ สักสองสามชิ้น ซ่อมแซมบ้านผุพังให้แข็งแรง เสริมความแข็งแรงให้กำแพง เพิ่มห้องอีกสองห้อง สร้างห้องอาบน้ำกับห้องครัวและสร้างรั้วรอบบ้าน
เรื่องกำแพงล้อมนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหากไม่มีกำแพงกั้นก็จะไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ของที่เก็บไว้ในบ้านก็ไม่อาจวางใจเพราะจะต้องคอยกังวลว่าจะมีคนมาขโมยไป
กำแพงบ้านยังช่วยป้องกันสัตว์ป่าที่ลงมาหาอาหารในฤดูหนาว ทำให้นอนหลับอย่างสบายใจได้มากขึ้น
รองลงมาคือการซ่อมแซมโครงสร้างหลักของบ้าน หลังคามุงจากหญ้าคาที่ลมพัดมาแรงทีก็ปลิวไปได้ตลอด จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นกระเบื้องที่แข็งแรงและกันน้ำได้
ฉินเหยาคิดถึงค่าใช้จ่าย พลางจินตนาการว่าฤดูหนาวนี้นางจะได้นอนในบ้านที่แข็งแรง บนเตียงที่กว้างขวางและอบอุ่น มุมปากของนางยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เดินไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า
สารถีเดินตามไม่ทันจึงตะโกนเรียก นางถึงได้สติและชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย
เมื่อคืนวานนางทั้งกินอิ่มหลับสบาย วันนี้ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านสวมรองเท้าหนังหุ้มข้อที่ทนทานใส่สบาย ทั้งร่างมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าสลายหายไปจนหมด สะพายคันธนูและถือมีด ดูแล้วคล้ายจอมยุทธ์หญิงในยุทธภพอยู่หลายส่วน
สารถีเป็นคนพูดน้อย แต่ฉินเหยาอยากรู้จักพื้นที่นี้ให้มากขึ้นจึงชวนเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย
จนกระทั่งได้รู้จากปากเขาว่า อำเภอไคหยางนี้ยังมีพวกกบฏจากราชวงศ์ก่อนที่กลายเป็นโจรภูเขา มักลงมาปล้นชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง
ทางการในพื้นที่ไร้ความสามารถ พ่อค้าผู้มั่งคั่งและชนชั้นสูงล้วนลำบากเกินพรรณนา
เมื่อฉินเหยาได้ยินดังนั้น จู่ๆ ก็เริ่มเป็นกังวลกับสินค้าบนรถเทียมวัวของตนเองขึ้นมา
สารถีสังเกตเห็นความกังวลของนางจึงพูดขึ้นว่า “แม่นางน้อยอย่าได้ตกใจไป พื้นที่ทุรกันดารห่างไกลอย่างพวกเรา พวกเขาไม่ชอบมาหรอก”
สารถีพูดต่อ “พวกโจรเหล่านี้ชอบไปที่เมืองข้างเคียง ที่นั่นถนนหลวงเชื่อมต่อกับเมืองหลวง มีพ่อค้าเดินทางมากมาย พวกเขาอยากได้เงินทองก็ต้องไปที่นั่น”
“แต่ว่าแม่นางน้อย เวลาออกเดินทางคนเดียว ควรระวังตัวไว้มากๆ จะดีกว่า”
เขาได้ยินมาว่าหญิงสาวตระกูลดีไม่น้อยถูกลักพาตัวขึ้นไปบนภูเขา ถูกโจรเหล่านี้ทรมานและขืนใจสารพัดจนถึงแก่ความตายจึงเอ่ยเตือนฉินเหยาด้วยความหวังดี
“ขอบคุณที่เตือน ข้ารู้แล้ว” ฉินเหยาพยักหน้าขอบคุณสารถี นางจะระวังตัวให้มากขึ้น
ดูเหมือนความปลอดภัยในยุคโบราณจะไม่ได้ดีไปกว่าวันสิ้นโลกเท่าไหร่นัก
การเดินทางของทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่น ยกเว้นล้อรถที่ติดหล่มอยู่หลายครั้ง แต่เพราะมีฉินเหยาอยู่จึงดันออกได้ทุกครั้ง เมื่อถึงช่วงเย็น ทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลหลิวอย่างปลอดภัย
ฉินเหยาคิดถึงเด็กน้อยสี่คนที่บ้านจึงรีบกลับบ้านไปอย่างว่องไว
แต่ไม่คาดคิดว่า พอเข้าหมู่บ้าน นางกลับรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกประหลาดบางอย่าง
[1] ต้นจง หรือ ต้นปาล์ม
MANGA DISCUSSION