ตอนที่ 174 อาหารค่ำวันส่งท้ายปีที่อุดมสมบูรณ์
………………..
วันส่งท้ายปีมาถึงแล้ว
ปีนี้ไม่มีโจรภูเขามาก่อกวน พวกแรงงานเกณฑ์ก็กลับมากันหมด อีกทั้งฤดูเก็บเกี่ยวก็ยังได้ผลผลิตดีเป็นพิเศษ ในหมู่บ้านมีโรงโม่น้ำเพิ่มขึ้นอีกแห่ง ทำให้หลายคนมีรายได้จากการทำงาน
เมื่อตอนเดือนสิบสอง ทุกคนในหมู่บ้านช่วยกันซื้อหมูมาเชือดแล้วเก็บไว้จนถึงวันส่งท้ายปี ในที่สุดก็ไม่ต้องอดทนรออีกต่อไป ทุกบ้านต่างนำเนื้อดีและอาหารอร่อยออกมาปรุง กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วหมู่บ้าน เด็กๆ ถึงกับกลืนน้ำลายไม่หยุด
จินเป่าและจินฮวานำเต้าหู้มาให้ที่บ้านฉินเหยาแต่เช้าตรู่ เป็นเต้าหู้ที่ทำโดยนางเหอและนางจาง ใช้ถั่วเหลืองที่เก็บเกี่ยวได้ในปีนี้ กลิ่นหอมของถั่วเหลืองช่างเข้มข้นยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้หลิวจี้ให้ต้าหลางไปซื้อเต้าหู้มา แต่รสชาติเทียบไม่ได้กับที่เรือนเก่าทำเองเลย
เช้ามืดวันนี้ แม่สามีอย่างนางจางและลูกสะใภ้ทั้งสองลุกขึ้นมาทำเต้าหู้แล้วให้จินเป่าใช้ชามครอบเอาไว้ ห่อด้วยผ้าขาวบางก่อนอุ้มมาส่ง หลิวจี้เปิดชามออก ควันร้อนๆ ยังลอยขึ้นมาอยู่เลย
“ต้าหลาง เอ้อร์หลาง ซานหลาง ซื่อเหนียง ไปกินเต้าฮวยกับข้ากันเถอะ!” จินเป่าตะโกนเรียกเสียงดังลั่นอยู่ในลานบ้าน
จินฮวาเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยความรังเกียจ รู้สึกว่าเขาเสียงดังเหมือนที่ท่านย่าพูดไว้ไม่มีผิด หนวกหูเสียเหลือเกิน!
เด็กสาวรีบมุดเข้าไปในห้องโถง ฉินเหยาเพิ่งตื่นได้ไม่นาน กำลังล้างหน้าอยู่ บนโต๊ะมีชามเกี๊ยวน้ำไส้เนื้อที่หลิวจี้ยกมาให้ นางยื่นหน้าเข้าไปดม กลิ่นหอมทำให้ดวงตาของนางเป็นประกาย
“ท่านอาสะใภ้สาม พวกท่านกินเกี๊ยวน้ำเป็นอาหารเช้าหรือ” เด็กสาวเดินมาอยู่ข้างหลังฉินเหยาถามด้วยความใคร่รู้ แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่สายตากลับจับจ้องไปที่ชามเกี๊ยวบนโต๊ะแบบไม่ละสายตา
ฉินเหยาจะไม่รู้ทันนางได้อย่างไร
นางวางผ้าซับหน้าลงแล้วหมุนตัวไปจิ้มหน้าผากเด็กสาวเบาๆ “อยากกินก็กินเถอะ”
จินฮวายิ้มกว้างทันที “ขอบคุณอาสะใภ้สาม แต่ข้ากินอาหารเช้ามาแล้ว ข้าแค่จะชิม ขอชิมแค่ชิ้นเดียว”
นางยื่นนิ้วชี้ออกมาแสดงให้เห็นว่าตัวเองแค่จะชิมจริงๆ
เมื่อเห็นฉินเหยาพยักหน้า นางจึงนั่งลงที่โต๊ะด้วยความยินดี ใช้ช้อนตักเกี๊ยวขึ้นมาหนึ่งชิ้น เป่าให้เย็นสักหน่อย ก่อนจะอ้าปากกลืนเข้าไป ดวงตาพริ้มลงด้วยความสุข “อร่อยเกินไปแล้ว!”
นางพูดว่ากินแค่ชิ้นเดียวก็แค่ชิ้นเดียวจริงๆ จากนั้นก็วางช้อนลง ลุกขึ้นหลีกทางให้ฉินเหยา แล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปเรียกซื่อเหนียงมากินเต้าฮวยที่บ้าน อาสะใภ้สามท่านอยากกินด้วยหรือไม่”
ฉินเหยาโบกมือ “ไม่ต้อง พวกเจ้ากินเถิด ข้าไม่ชอบกิน”
“ข้าชอบกิน!” หลิวจี้กล่าวขึ้นขณะรีดแป้งแผ่น อีกมือหนึ่งก็กำลังห่อไส้เกี๊ยวอยู่ ไส้เกี๊ยวนี้มีเนื้อวัวตุ๋นสับละเอียด เมื่อเอาไปต้มในหม้อ กลิ่นหอมนั้นช่างยั่วน้ำลายยิ่งนัก
แม่ลูกในบ้านได้กินกันหมดแล้ว เหลือเพียงเขาที่เป็นคนทำอาหารเท่านั้นที่ยังไม่ได้กิน
แต่การได้กินทีหลังก็มีข้อดีอยู่ นั่นก็คือเขาสามารถเอาไส้เนื้อทั้งหมดที่เหลือมาห่อให้ตัวเองได้เต็มที่ และยังสามารถใส่ผักเพิ่มได้อีกด้วย
ฉินเหยาเองก็ได้รับชามพิเศษเช่นกัน หลังจากกินชิ้นแรกไป นางก็ตักชิ้นที่สองเข้าปากต่อทันที อร่อยจนหยุดไม่อยู่
“จินฮวา อาของเจ้าชอบกินเต้าฮวยแบบหวาน ต้าหลาง เจ้าไปตักมาให้พ่อหนึ่งชาม!” กล่าวจบก็ชี้ไปที่ตู้ ให้ต้าหลางไปหยิบชามมาใส่
ใบหน้าของจินเป่าที่เต็มไปด้วยความสุขกลับกลายเป็นแข็งทื่อ เพราะท่านย่าเหลือเต้าฮวยไว้ให้พวกเขาเพียงกะละมังเล็กๆ เท่านั้น บอกว่าให้เด็กๆ กินกัน อาสามกลับจะเอาชามใหญ่ๆ แบบนี้ไปตัก พวกเขาก็ไม่เหลือกินกันพอดี!
ดังนั้นระหว่างทางไปเรือนเก่า จินเป่าจึงกำชับเอ้อร์หลางตลอดทาง “ของพวกเราเองก็กินไม่พอ อย่าไปตักให้อาสาม บอกไปว่าไม่มีเหลือแล้ว หมดแล้ว”
เอ้อร์หลางหัวเราะคิกคัก “ได้เลย!”
“พวกเราจะได้กินกันเยอะๆ” ซานหลางกล่าวเสริม พอนึกถึงเต้าฮวยที่เนื้อนุ่มละมุน ก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก
จินเป่าเห็นท่าทางหิวกระหายของเขาก็อดบ่นไม่ได้ “พวกเจ้ากินเกี๊ยวน้ำตอนเช้า เหตุใดไม่มาเรียกข้าด้วย”
ซานหลางเบิกตากว้างใสซื่อ เอ่ยอย่างไร้เดียงสา “พี่จินเป่า ข้าลืมไป”
จินเป่าโกรธจนอยากจะเคาะศีรษะเขาสักที แต่กลับถูกต้าหลางยกมือขึ้นกันไว้เสียก่อน ทำให้ตีไม่โดน
“เจ้าเข้าข้างเขา!” จินเป่าจ้องต้าหลางเขม็งด้วยความโมโห แต่เพราะสู้ไม่ไหวจึงได้แต่หันไปหาเอ้อร์หลางแทน
ต้าหลางกำชับพวกเขาให้ดูทางด้วย อย่าหกล้มจนทำให้เสื้อผ้าใหม่เปรอะเปื้อน
ทุกคนขานรับ ซื่อเหนียงกับจินฮวาย่างก้าวอย่างระมัดระวัง พลางมองลายปักบนรองเท้าที่เหมือนกันเปี๊ยบแล้วก็หัวเราะคิกคักอย่างโง่เขลา
“เต้าฮวยล่ะ เต้าฮวยหวานของข้าเล่า” หลิวจี้ถามด้วยความตกตะลึง
ต้าหลางยัดถั่วเหลืองใส่มือเขา เอ้อร์หลางปาดเต้าฮวยที่ติดมุมปากออกพลางพูดจาไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่พอขอรับ ท่านย่าก็เลยให้ถั่วเหลืองมาครึ่งชามและบอกว่าหากท่านอยากกินก็ทำเอง”
“อ้อ จริงสิ ใส่ลงไปในน้ำแกงกระดูกเป็นฐานน้ำแกงก็ดีนะ ตอนเย็นพวกเราก็จะกินหม้อไฟกันอยู่แล้วนี่ ท่านพ่อใส่ไปในน้ำแกงเลยสิ อร่อยแน่นอน” เอ้อร์หลางกล่าวเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลิวจี้มองถั่วเหลืองในชามแล้วก็เหลือบมองพวก ‘ลูกกตัญญู’ สี่คนตรงหน้า แทบอยากจะฟาดก้นต้าหลางกับเอ้อร์หลางคนละที
แต่เพราะฉินเหยาเอนกายย่อยอาหารอยู่ด้านหลัง เขาจึงไม่อาจโวยวายได้ ได้แต่คว้าตัวเด็กโตสองคนไปที่ห้องครัว ให้พวกเขาช่วยงานเตรียมอาหารมื้อค่ำสำหรับคืนส่งท้ายปี
พวกลูกชิ้นเนื้อทอดเสร็จตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เต้าหู้ก็มีอยู่แล้ว แต่ต้องหั่นเป็นชิ้นแล้วทอดน้ำมันเสียก่อน จะได้ไม่เละง่ายตอนต้มและจะทำให้รสชาติดีขึ้น
หลิวจี้ลากแพะป่าที่ผูกอยู่ข้างคอกม้าเข้ามาพร้อมกับถือมีดไว้ในมือ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ได้แต่มองไปรอบๆ อย่างลำบากใจ
แพะตัวนั้นเองก็มองกลับมาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือชวนเวทนา ฉินเหยาสงสารจึงลุกขึ้นเดินเข้ามาแล้วโบกมือสั่ง “ไปเอากะละมังมา ต้มน้ำให้เดือดแล้วถอนขนซะ”
จากนั้นก็หันไปกำชับพี่น้องฝาแฝดที่กำลังเกาะประตูมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เข้าไปข้างในเสีย ปิดประตูให้ดี เด็กเล็กไม่ควรดูภาพนองเลือดแบบนี้ เดี๋ยวจะฝันร้ายเอา”
ซานหลางกับซื่อเหนียงรับคำอย่างว่าง่ายแล้วรีบหลบเข้าห้องไป
เมื่อคราวก่อนตอนหมู่บ้านเชือดหมู เด็กๆ พากันวิ่งไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ฉินเหยาเผลอไปนิดเดียว พอกลับมาก็พบว่ามีเด็กสามในสี่คนฝันร้ายกันถ้วนหน้า
นางจางรู้เรื่องนี้เข้าก็ดึงตัวฉินเหยาไปโดยไม่พูดอะไรแล้วพาไปยังหมู่บ้านข้างๆ หาหญิงตาบอดคนหนึ่งแล้วซื้อไข่สามฟองกลับมา บอกว่าให้เด็กกินแล้วจะไม่ฝันร้ายอีก
ตอนแรกฉินเหยายังไม่เชื่อ แต่พอเด็กๆ กินไข่เข้าไป วันรุ่งขึ้นเอ้อร์หลางกับฝาแฝดก็นอนหลับสนิท ไม่มีใครฝันร้ายอีกเลย
นางจางพอใจมาก “เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าหญิงตาบอดผู้นั้นศักดิ์สิทธิ์สุดๆ แต่เจ้าดันไม่เชื่อมาเถียงข้า”
ฉินเหยาได้แต่พูดไม่ออก เรื่องแบบนี้ต้องพึ่งศาสตร์เร้นลับสินะ โบราณว่าไว้ไม่ผิดจริงๆ!
ต้าหลางกับหลิวจี้ยังคงอยู่ในลานบ้าน มองดูฉินเหยาลงมีด สังหารแพะด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
น้ำร้อนพร้อมแล้ว พ่อกับลูกชายรับหน้าที่ถอนขน พอทำความสะอาดเสร็จ ฉินเหยาก็รับหน้าที่ผ่าท้องควักเครื่องใน
นางฉุกคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน อยากกินเนื้อแพะแล่บางๆ แต่สวรรค์ไม่เป็นใจ ไม่มีหิมะตก จึงไม่มีตู้เย็นตามธรรมชาติให้แช่แข็ง เนื้อสดนิ่มๆ จะแล่ให้บางเป็นแผ่นกระดาษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ด้วยแรงขับเคลื่อนจากความอยากอาหาร ฉินเหยาก็ยังคงชักกริชเหล็กกล้าของนางออกมา แล่เนื้ออย่างช้าๆ บนเขียงไม้
แม้จะแล่ได้ไม่บางเท่ากระดาษในยุคปัจจุบัน แต่ให้บางเท่ากระดาษเหลืองที่ใช้กันทั่วไปที่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ภายในครัวเล็กๆ ที่มีเพียงแสงจากเชิงเทียน เงาสะท้อนของคมมีดวูบวาบไปมาแทบจะทำให้หลิวจี้กับต้าหลางตาพร่า
ช่วงที่นองเลือดที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว เอ้อร์หลาง ซานหลาง และซื่อเหนียงได้รับอนุญาตให้เข้าครัว
พวกเขามองดูหม้อน้ำแกงกระดูกแพะที่ท่านพ่อกำลังเคี่ยวอยู่ ประเดี๋ยวก็หันไปดูถาดเนื้อแพะแล่บางเฉียบที่ท่านแม่หั่นเสร็จอีกทีหนึ่ง กลืนน้ำลายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว
ในที่สุด ฉินเหยาก็จุดประทัดหนึ่งพวงแล้วโยนลวกๆ ลงไปในลานบ้าน ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่นจนไก่กระเจิงม้าตื่นนั้น อาหารมื้อค่ำส่งท้ายปีก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ
หกชีวิตในครอบครัว ได้ลิ้มรสมื้อค่ำวันส่งท้ายปีที่สมบูรณ์แบบและอุดมสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
………………..
MANGA DISCUSSION