ตอนที่ 168 บนโลกนี้ไม่มีอาคมอยู่จริง
………………..
แน่นอนว่า การทะเลาะกันครั้งนี้สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ฉินเหยากวาดสายตามองอย่างเย็นชา เพียงเท่านี้ก็ได้ผลยิ่งกว่าสิ่งใด หลิวจี้รีบสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที ว่าง่ายขึ้นไม่น้อยเมื่อเทียบกับแต่ก่อน
หลิวเหล่าฮั่นมองฉินเหยาด้วยความชื่นชมปราดหนึ่ง นับว่าโชคดีที่นางสามารถใจแข็งได้ การที่ไปชายแดนครานี้ ดูเหมือนว่าเจ้าสามจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
นางจางเห็นสีหน้าของหลิวเหล่าฮั่นก็เข้าไปใกล้ด้านหลังเขาแล้วกระซิบอย่างภาคภูมิว่า
“เห็นหรือไม่ ข้าพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เหยาเหนียงจะไปทำร้ายเจ้าสามได้อย่างไร นางไม่ออกเงินให้เป็นแรงงานเกณฑ์ก็เพียงแค่ต้องการช่วยให้เจ้าสามเรียนรู้สิ่งที่ดีขึ้นเท่านั้น”
หลิวเหล่าฮั่นเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจึงพยักหน้ารับแล้วกล่าวซ้ำๆ ว่า “ใช่ๆๆ เจ้าพูดถูกทุกคำเลย”
นางจางเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ “มันก็แน่อยู่แล้ว~”
ฤดูหนาวฟ้ามืดเร็ว พอรับประทานอาหารเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดสนิทไปแล้ว
ฉินเหยาและครอบครัวทั้งหกคน จุดคบเพลิงหนึ่งดวงออกจากเรือนเก่า แล้วกลับไปยังบ้านของตน
ระหว่างทางเมื่อผ่านโรงโม่น้ำก็หยิบเอากล่องเงินติดมือกลับมาด้วย
อากาศเริ่มหนาวขึ้น วันนี้ยังมีหิมะตกปรอยๆ ตลอดครึ่งวัน ผู้คนหวาดกลัวความหนาว โรงโม่น้ำจึงแทบไม่มีใครแวะมา เอ้อร์หลางเขย่ากล่องเงินเบาๆ ได้ยินเสียงกระทบกันเบาบางแค่สองสามครั้ง
พอกลับถึงบ้าน เปิดออกดูก็พบว่ามีเพียงสามเหรียญทองแดงเท่านั้น
ฉินเหยาหยิบสมุดบัญชีของบ้านออกมา เอ้อร์หลางเองก็รู้ดีว่าต้องลงบัญชีรายได้ของโรงโม่น้ำประจำวันลงไป จากนั้นก็นำเหรียญทองแดงโยนลงในไหดินในตู้ของห้องโถง
ตามปกติ เขากับต้าหลางต้องหยิบเงินจากที่นี่ออกไปซื้อของใช้ในครัวเรือนทุกวัน แล้วจดบันทึกรายจ่ายในสมุดบัญชีทุกครั้ง
เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ให้ยุ่งยาก เป็นเพราะเมื่อฉินเหยายุ่งอยู่ที่โรงงาน ก็แทบไม่มีเวลาดูแลเรื่องอาหารสามมื้อของบ้านเลย
แต่ทุกครั้งที่ต้องการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องไปขอเงินจากนาง ฉินเหยารู้สึกว่ายุ่งยากไม่น้อย จึงตัดสินใจตั้งไหเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันขึ้นมาใหม่ แยกส่วนรายได้ของโรงโม่น้ำออกมาใช้เฉพาะสำหรับเรื่องในบ้าน
เดิมทีหน้าที่นี้เป็นของหลิวจี้ แต่พอกลับมาถึงบ้าน กลับพบว่าอำนาจการดูแลเงินถูกเอ้อร์หลางยึดไปเสียแล้ว ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
เอ้อร์หลาลงกลอนตู้เก็บเงินอย่างแน่นหนาแล้วนำกุญแจร้อยเข้ากับเชือกคล้องไว้ที่คอ จะถอดออกก็ต่อเมื่ออาบน้ำเท่านั้น
เจ้าตัวน้อยเดินอย่างเคร่งขรึมมายังระเบียงแล้วกล่าวกับหลิวจี้ ซึ่งกำลังเติมถ่านลงในกระทะรมเนื้อ
“ท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่า ช่วงที่ท่านอยู่บ้าน ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอาหารสามมื้อของบ้าน ดังนั้นหากท่านต้องการใช้เงินก็ให้มาหาข้า”
หลิวจี้เบิกตากว้าง ตกใจเสียจนเกือบถูกถ่านลวกมือ เขารีบดึงมือกลับพลางสูดลมหายใจเย็น แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“นี่ข้าต้องไปขอเงินจากลูกชายรึ”
เอ้อร์หลางกวาดตามองคนในบ้านแล้วชี้ไปรอบๆ ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน บ้านเราทุกคนล้วนต้องมาขอเงินจากข้า”
ฉินเหยาซึ่งกำลังนั่งกินถั่วลิสงคั่วอยู่ในห้องก็พยักหน้าเห็นด้วย “ตอนนี้เอ้อร์หลางเป็นผู้ดูแลบ้าน”
ฉินเหยาคิดว่า เด็กควรจะเรียนรู้เรื่องบัญชีง่ายๆ ไว้บ้าง จะได้ฝึกฝนความสามารถด้านการเงิน ไหนๆ เอ้อร์หลางก็ไม่ชอบฝึกยุทธ์ก็ให้เขาดูแลเงินแทนแล้วกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เงินก็ไม่ได้มีมากนัก หากทำหายก็ไม่เสียหายอะไร นางจะได้สบายขึ้นเสียอีก
เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินเหยาซื้อเนื้อหมูส่วนเล็กๆ มาจากคนฆ่าสัตว์ในตัวเมืองแล้วให้นางเหอกับนางจางช่วยกันหั่นเป็นเส้น หมักเกลือ และทำเป็นเนื้อรมควันได้สิบสองเส้น
ตอนนี้ใช้แผ่นไม้กั้นลมตรงระเบียงหน้าห้องโถง จุดเตาถ่านเผาไฟแล้วกลบด้วยขี้เถ้า ค่อยๆ รมเนื้อไปทีละน้อย
หลิวจี้ปิดแผ่นไม้กั้นลมเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะสั่งให้เอ้อร์หลางไปตักน้ำมาให้เขาล้างมือ
มือของเขาเปื้อนถ่านจนดำเหมือนเพิ่งออกมาจากเหมืองถ่านหิน
เตาถ่านในห้องโถงยังคงลุกโชนอยู่ ด้านบนมีน้ำร้อนที่ต้มจนเดือด เอ้อร์หลางเห็นแก่ว่าท่านพ่อเพิ่งกลับมาจึงก้าวขาออกไป ตักน้ำร้อนมาให้หนึ่งกะละมังแล้วยื่นสบู่ก้อนหนึ่งให้
หลิวจี้รับสบู่มา มองเอ้อร์หลางด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร”
“สบู่ ใช้ล้างหน้า ล้างมือ อาบน้ำ ซักผ้า ได้หมด มันมีฟองด้วยนะ ท่านพ่อลองดูสิ” เอ้อร์หลางพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ เหมือนจงใจจะดูท่าทีไร้ความรู้ของท่านพ่อ
พอเห็นหลิวจี้เริ่มถูสบู่จนเกิดฟอง เอ้อร์หลางก็รีบคว้าสบู่คืน แล้วนำไปวางไว้บนแท่นหินข้างประตูครัว
หลิวจี้ล้างมือจนสะอาดแล้วลองดมดู ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดมือเลย สบู่นี้ใช้ได้ดีทีเดียว
“ไปซื้อมาจากที่ไหน” หลิวจี้เทน้ำสกปรกทิ้งแล้วกระซิบถามเอ้อร์หลาง
เอ้อร์หลางเองก็ลดเสียงลงตอบกลับไป “ท่านแม่เสกขึ้นมา นางเก่งมาก มีอาคมด้วย!”
มุมปากของหลิวจี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย หญิงผู้นี้อีกแล้ว หลอกเด็กอีกแล้ว บนโลกนี้ไม่มีคาถาอาคมอยู่จริงเสียหน่อย!
เขายังคิดจะถามต่อว่าสบู่ทำมาจากอะไร แต่เอ้อร์หลางกลับบ่นว่าอากาศข้างนอกหนาว แล้ววิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องเสียก่อนแล้ว
หลิวจี้ได้แต่ปล่อยผ่านแล้วหันไปมองสบู่ก้อนเล็กสีขาวนวลบนแท่นหิน ดูคุ้นตาชอบกล
อ้อ นึกออกแล้ว! ก่อนหน้านี้ ฝานซิ่วไฉเคยพูดถึงเรื่องนี้ บอกว่าตาเฒ่าของเขาตั้งใจซื้อ “อี๋จื่อ” มาหนึ่งห่อจากเขตซุ่นเทียนทางตอนใต้ ใช้สำหรับล้างมือและอาบน้ำโดยเฉพาะ ทำให้เกิดฟอง และมีกลิ่นหอม ใช้งานดีกว่าสบู่ผงนับร้อยเท่า
แต่ของที่บ้านนี้กลับไม่มีกลิ่น คาดว่าคงไม่ได้ใส่เครื่องหอมราคาแพง
“เมียจ๋า สบู่ที่เจ้าทำนี่ราคาไม่ถูกเลยใช่หรือไม่”
พอเดินเข้าห้องโถง หลิวจี้ก็ลองถามหยั่งเชิงดู
ฉินเหยารับคำเบาๆ ของที่มาจากหมูไม่มีอะไรถูกหรอก จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ต้าหลางยกเชิงเทียนให้สูงขึ้น ขณะที่มือของนางยังคงถือบัญชีอยู่และกำลังอ่านบัญชี
หลิวจี้อยากจะแอบดูสักนิด แต่ฉินเหยาก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาตื่นตัวทันที เขาจึงทำได้เพียงนั่งลงตรงข้ามนางอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็หยิบตำราออกมาจากกระเป๋าผ้า ทำท่าขะมักเขม้นอ่านเบาๆ ให้ดูเหมือนกำลังตั้งใจศึกษา
ต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่ใช้กะละมังเดียวกันล้างเท้า เสร็จแล้วก็สวมรองเท้าฟาง แล้วแบ่งถ่านจากเตาถ่านออกเป็นก้อนๆ ใส่ลงในเตาเล็กของแต่ละคน จากนั้นก็พากันกลับห้องไปพักผ่อน
เตาถ่านเล็กนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ฉินเหยาพบมันจากร้านขายชามดินเผาในตัวเมือง ลักษณะคล้ายโอ่งปากกว้าง แต่แท้จริงแล้วเป็นชามดินเผาที่ทั้งหนาและแข็งแรงมาก
นางซื้อมันมาแล้วให้ช่างไม้หลิวช่วยทำปลอกไม้ไผ่หุ้มรอบตัวชาม จากนั้นก็ใส่ด้ามจับที่ปลายทั้งสองข้าง ทำให้สามารถถือได้โดยไม่ร้อนมือ
ทำมาทั้งหมดสามใบ นางใช้เองหนึ่งใบ ส่วนต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่ใช้ร่วมกันสองคนต่อหนึ่งใบ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
• ………………..จะเป็นการตั้งค่ารายเรื่อง และปิดโหมด อัตโนมัติเมื่อออกจากหน้าการอ่านนิยายเรื่องนั้น
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของฤดูหนาว ให้นำถ่านใส่ลงในชามเล็กก่อน จากนั้นปิดฝาที่ทำจากไม้ไผ่แล้วนำไปวางในผ้าห่มเพื่ออุ่นเตียงให้ร้อนก่อนเข้านอน เท่านี้ก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
ในความทรงจำของต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่ ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป ฤดูหนาวมีทั้งเตาถ่าน บ้านที่ไม่มีลมพัดผ่าน มีผ้าห่มที่นุ่มสบายให้ห่ม และเตาถ่านอุ่นเล็กๆ นอนซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่นสบายจนไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลย
เตาถ่านเล็กยังสามารถวางบนตักเพื่ออุ่นมือได้อีกด้วย เวลาหนาวจนมือแข็งตอนเขียนตำรา ก็เพียงเอามือไปแตะเท่านั้น
คุณสมบัตินี้คล้ายกับเตาอุ่นมือทองแดงของพวกคนร่ำรวย แม้จะไม่หรูหราเท่า แต่ราคาถูกและใช้งานได้ดีเยี่ยม
เพียงแต่คุณภาพของชามดินเผาอาจจะทนใช้ได้ไม่นานนัก ปีหน้าคงต้องเปลี่ยนใหม่
ความคิดหลักแหลมเหล่านี้ของฉินเหยา ล้วนได้รับอานิสงส์จากโลกก่อนที่เครือข่ายข้อมูลเจริญก้าวหน้า ของดีจากทั่วทุกสารทิศล้วนสามารถพบเห็นได้ผ่านโลกออนไลน์
ตอนนั้นอาจจะเพียงมองดูขำๆ แล้วผ่านไป แต่พอนึกย้อนกลับมา กลับสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของนางได้มากมาย
หลิวจี้มองเตาเล็กที่หุ้มด้วยปลอกไม้ไผ่บนตักของฉินเหยาด้วยความอิจฉา แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามเรื่องสบู่ต่อ
ฝานซิ่วไฉเคยบอกว่าสิ่งนี้เป็นของใช้ดีมีคุณค่า เช่นนั้นย่อมต้องเป็นของราคาแพง หากสามารถทำได้มากขึ้นแล้วนำไปขาย จะไม่กลายเป็นช่องทางร่ำรวยหรอกหรือ
สายตาอันร้อนแรงของเขานั้น ฉินเหยาไม่อาจมองข้ามได้
เรื่องที่เขาคิด นางเคยคิดมาก่อนแล้ว ไหนเลยจะไม่รู้ว่าในใจของหลิวจี้กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่?
………………..
MANGA DISCUSSION