ตอนที่ 163 กลุ่มสามคนที่หลงทาง
………………..
เว้นเสียแต่…ในกองทัพข้าศึกจะมีผู้ที่มีฝีมืออยู่ระดับเดียวกันกับนาง ไม่เช่นนั้น ในการต่อสู้ตัวต่อตัว คงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าหลิวจี้ได้
แต่เขาเป็นเพียงแค่แรงงานพลเมืองต่ำต้อย ไม่มีค่าให้ศัตรูต้องล้อมจับ
เช่นนั้น สาเหตุที่อาจทำให้เขาตายก็เหลือเพียงสองข้อเท่านั้น
หนึ่ง ถูกลงโทษประหารชีวิตเพราะอู้และละเมิดกฎทหาร
แต่ในรายชื่อผู้ตายไม่มีชื่อของเขา ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นไปไม่ได้
เพราะแรงงานพลเมืองที่ถูกประหารเนื่องจากละเมิดกฎทหาร จะต้องมีการบันทึกไว้ในเอกสารเสมอ หากเป็นกรณีร้ายแรงก็อาจจะถูกประหารทั้งสามโคตร
แต่ในตอนนี้ คนในตระกูลหลิวก็ยังปลอดภัยดีทุกคน
สอง ร่างกายอ่อนแอจนตายเอง
อาจเป็นเพราะติดหวัดจากฝนตก ได้รับบาดเจ็บจนติดเชื้อ หรือเป็นบาดทะยักแล้วเสียชีวิต
แต่หลิวจี้หลอกเอาเงินเก็บของเอ้อร์หลางไป มีถึงสามร้อยเก้าสิบแปดเหวิน เงินจำนวนนี้สามารถใช้จ่ายค่ายารักษาไข้หวัดธรรมดาได้สบายๆ
ส่วนบาดทะยักนั้น หากคำนวณดูแล้ว โอกาสที่จะถึงแก่ชีวิตก็ยังไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์
“ชิ~” ฉินเหยานวดหว่างคิ้ว นางไม่อยากจะวิเคราะห์กับผู้ใหญ่บ้านอีกต่อไปแล้วจึงลุกขึ้นขอตัวกลับ
ผู้ใหญ่บ้านมองตามหลังนางที่เดินจากไป ร่างกายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะจากการวิเคราะห์ของฉินเหยา ทำให้เขาได้รู้ว่าหลิวจี้เตรียมตัวไปดีมาก ดังนั้นหลิวฉีก็คงอยู่กับหลิวจี้แน่นอน เช่นนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป
ฉินเหยาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแคบๆ ในห้องเดี่ยวของโรงเตี๊ยม มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงความมืดมิดของรัตติกาล นางขมวดคิ้วแน่นด้วยความฉงน หากหลิวจี้ยังไม่ตาย เช่นนั้น ตอนนี้เขาอยู่ที่ใดกันแน่
…
“ฮัด…ชิ่ว!!!”
บนทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้าง หลิวจี้ซึ่งกำลังป่วยหนักเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตระหนก ก่อนจามออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีน้ำมูกสองสายพุ่งออกมาอย่างแรงโดยไม่ตั้งใจและตกลงไปบนหน้าของหวังอู่และหลิวฉีที่นอนอยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี
หวังอู่ “…”
หลิวฉี “…”
หลิวจี้ยกหลังมือขึ้นเช็ดปลายจมูกแล้วเช็ดมือลงบนเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นห่อตัวให้แน่นขึ้นด้วยเสื้อผ้าฝ้ายหนาแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ จึงพบว่า กองไฟที่เคยลุกโชติช่วงนั้นมอดดับไปแล้ว
เขาจึงลุกขึ้นจุดไฟขึ้นมาใหม่ นั่งมองเปลวไฟที่ไหวระริกอยู่ตรงหน้า ดวงตาพร่ามัวราวกับเห็นภาพซ้อนหลายชั้น เขาสูดหายใจเข้าลึกแต่จมูกกลับอุดตัน ทำให้ต้องอ้าปากกลืนเอาความหนาวเหน็บเข้าไปแทนจนสำลักไอเบาๆ สองครั้ง
หวังอู่และหลิวฉีเห็นเขาไม่ได้เป็นอะไรมากจึงเช็ดน้ำมูกบนใบหน้าออกอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะห่อตัวด้วยเสื่อหญ้าแล้วหลับต่อไป
ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องการซุ่มโจมตีของข้าศึกอีกแล้ว เพราะแคว้นม่อเป่ยและแคว้นเซิ่งได้เจรจาสงบศึกกันแล้ว บุตรีขององค์หญิงใหญ่ท่านหญิงฮุ่ยหยางได้เสนอตัวแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ทำให้การสู้รบยุติลงโดยสมบูรณ์
บนทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ มีเพียงแสงไฟจากพวกเขาเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่ ณ ที่แห่งนี้ รอบด้านมืดสนิทชวนให้ขนลุก ทว่าทั้งสามคนต่างก็ชินเสียแล้ว
เพราะพวกเขาหลงทางอยู่บนทุ่งหญ้าแห่งนี้มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ และวันนี้เพิ่งเดินทางมาถึงบริเวณประตูเมืองด่านเสวียนเยว่
หากจะกล่าวถึงการเดินทางของเหล่าชาวบ้านในครั้งนี้ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
แม้พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่และภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีภายใต้การนำของซ่างกวนเลี่ย
แถมทันทีที่ภารกิจเสร็จสิ้น แคว้นม่อเป่ยกับแคว้นเซิ่งก็ประกาศสงบศึกและทำข้อตกลงกัน ทำให้ภารกิจลำเลียงเสบียงที่เหลือถูกยกเลิกทั้งหมด
ทว่าการที่ภารกิจถูกยกเลิกก่อนกำหนด ส่งผลให้ค่าตอบแทนในการเดินทางกลับบ้านที่พวกเขาควรจะได้รับถูกตัดออกไปโดยสิ้นเชิง
สุดท้ายแล้วแต่ละคนจึงได้รับเพียงถุงเสบียงติดตัวและต่างคนต่างก็พากันเดินทางกลับบ้านไปตามลำพัง
ในตอนแรกเริ่ม พวกหลิวจี้สามคนติดตามกองทัพใหญ่จากไปด้วยกัน ใครจะคิดว่าระหว่างทางกลับพบกับฝูงหมาป่า ทุกคนกระจัดกระจายหนีเอาชีวิตรอด วิ่งไปวิ่งมากลับพลัดหลงจากกันเสียแล้ว
ชายสามคนผู้โชคร้ายติดอยู่ในทุ่งหญ้าที่ไม่คุ้นเคยเป็นเวลาหนึ่งเดือน
แต่โชคดีที่มีก่อนหน้านี้ได้หมดไปตั้งแต่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว พวกเขาออกจากทุ่งหญ้ามาได้อย่างยากลำบาก แต่กลับมาไม่ทันเวลาเปิดประตูเมือง จึงทำได้เพียงพักแรมใต้กำแพงเมืองหนึ่งคืน รอให้รุ่งเช้าค่อยเข้าไป
ไม่คาดคิดว่าหลิวจี้ผู้ที่ติดอยู่ในทุ่งหญ้ามาหนึ่งเดือนโดยไม่เป็นอะไรเลย จู่ๆ กลับเกิดมีไข้สูงขึ้นมา
เขาสลบไสลไปตลอดช่วงบ่าย มีเพียงหลิวฉีและหวังอู่คอยดูแล จนกระทั่งดึกดื่น หลิวจี้ถูกความหนาวเย็นปลุกให้ตื่นขึ้น แต่ไข้ที่สูงจัดกลับไม่มีทีท่าว่าจะลดลง มิหนำซ้ำจมูกยังถูก ‘โคลน’ อุดตันจนหายใจไม่ออก ทั้งหนาว ทั้งหิว ทั้งมึนงงจนแทบอยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ก่อนหน้านี้ หลิวจี้ยังมีความหวังจะได้กลับบ้านอยู่บ้าง
ทว่าในตอนนี้ ความหวังเพียงน้อยนิดนั้นถูกความจริงโบยตีจนพังทลาย ในสมองเหลือเพียงความคิดเดียว…ออกจากทุ่งหญ้าให้ได้
กลางเดือนสิบของแคว้นม่อเป่ย อากาศยามค่ำคืนสามารถแช่แข็งคนให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลิวจี้เร่งก่อไฟให้โหมกระพือแรงที่สุด อีกทั้งยังห่อตัวด้วยเสื้อผ้าฝ้ายแน่นหนา แต่ก็ยังหนาวจนสั่นสะท้านแทบหมดสติ
พวกเขาติดอยู่ในทุ่งหญ้าถึงหนึ่งเดือน เสบียงที่ได้รับมาตั้งแต่แรกหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ถึงขั้นต้องกัดกินเปลือกหญ้าประทังชีวิต
หลิวจี้มีเงินติดตัวตั้งสามร้อยเก้าสิบสามเหวินเลยทีเดียว แต่ถึงอยากจะใช้ จะมีที่ไหนในทุ่งหญ้าที่จะให้เขาใช้เงินซื้อของกินกันเล่า?
สายตาของเขาจับจ้องไปที่กำแพงเมืองด่านเสวียนเยว่ คาดหวังเพียงให้ฟ้าสางโดยไว ประตูเมืองจะได้เปิดออก ให้ตนเข้าไปซื้อยาเพื่อรักษาอาการไข้
ด้วยแรงใจเพียงหนึ่งเดียว หลิวจี้อดทนเฝ้ากองไฟโดยไม่ได้นอนเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งรุ่งสางมาถึง
ทันทีที่เห็นทหารปรากฏตัวบนกำแพงเมืองด่านเสวียนเยว่ เขาก็รีบปลุกหวังอู่และหลิวฉี ทั้งสามคนที่มีสภาพไม่ต่างจากขอทานเร่ร่อนพากันวิ่งไปยังประตูเมือง
โชคดีที่เอกสารแสดงตัวตนยังอยู่จึงสามารถยืนยันตัวตนของพวกเขาและผ่านเข้าประตูเมืองได้โดยราบรื่น
จากด่านเสวียนเยว่เดินเข้าไปอีกสามลี้ ในที่สุดก็เห็นร่องรอยของผู้คน
ร่างกายของหลิวจี้ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาควักพวงเหรียญเงินที่ซ่อนอยู่ในเสื้อตัวในออกมายัดใส่มือของหลิวฉี จากนั้นก็ล้มลงไปทันที
หลิวฉีร้องลั่น “อาสามอย่าตายนะ! ถ้าท่านตายไป ข้าจะอธิบายกับอาสะใภ้สามอย่างไร!”
หวังอู่มองเหรียญในมือของหลิวฉีด้วยความตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าหลิวจี้ยังมีเงินเหลืออยู่
เมื่อหลิวจี้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคืออารามเต๋าเก่าทรุดโทรม ข้างกายมีไฟกองหนึ่ง ส่วนหวังอู่และหลิวฉีกำลังนอนพักอยู่บนกองฟาง
กลิ่นขมของยาสมุนไพรตลบอบอวลไปทั่วอาราม ยาต้มในหม้อดินกำลังเดือดปุดๆ เอ่อขึ้นมา
หลิวจี้รู้ทันทีว่า ตนเองรอดชีวิตมาได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับไร้เรี่ยวแรง พยายามเปล่งเสียงเรียกหลิวฉี แต่คาดไม่ถึงว่าเสียงจะพร่าจนแทบเปล่งออกมาไม่ได้ ร้องอาอาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่สามารถปลุกใครได้ สุดท้ายจึงคว้าก้อนหินเล็กข้างตัว ขว้างไปทันที!
“โอ๊ย!” หลิวฉีร้องด้วยความเจ็บก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นหลิวจี้ลืมตาอยู่ เขาก็อุทานอย่างดีใจ “อาสาม! ท่านรอดแล้ว!”
หลิวจี้กลอกตาอย่างจนคำพูด ก่อนจะเบนสายตาไปยังหม้อดินที่เดือดพล่าน หลิวฉีมองตามสายตาของเขา แล้วจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ายาเดือดล้นออกมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นทันที
หวังอู่ถูกความวุ่นวายปลุกให้ตื่น เมื่อเห็นว่าหลิวจี้ฟื้นแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
แต่หลังจากที่หลิวจี้ดื่มยาจนหมดแล้ว ทั้งสามคนกลับต้องเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม…ไม่มีเงินกลับบ้าน
ที่นี่อยู่ห่างจากอำเภอไคหยางอย่างน้อยครึ่งเดือนหากใช้การเดินเท้า ค่าใช้จ่ายสำหรับกินอยู่ตลอดครึ่งเดือนนี้เป็นเงินไม่น้อยเลย
หวังอู่ล้วงกระเป๋าเสื้อของตน ปรากฏว่ามันว่างเปล่า
หลิวฉีสะบัดตัวแรงๆ สิ่งที่ร่วงลงมากลับเป็นดาบบิ่นเล่มหนึ่ง แม้จะเอาไปจำนำ แต่โรงรับจำนำก็ยังไม่รับ
หลิวจี้แอบเหลือบมองที่อกเสื้อตัวเอง เขายังมีเงินเหรียญอยู่สองพวง ถ้าจะเช่ารถม้าก็ยังเพียงพอ
ช่วยหลิวฉีก็พอทำเนา สองคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน บรรพบุรุษยังมีสายสัมพันธ์กันอยู่บ้าง อย่างน้อยกลับไปแล้วยังไปขอเบิกคืนจากผู้ใหญ่บ้านได้
แต่เขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องช่วยออกเงินให้หวังอู่?
………………..
MANGA DISCUSSION