ตอนที่ 158 เก็บเกาลัด
ฉินเหยารับหัวเสือมา แล้วแวะที่โรงเตี๊ยมเพื่อห่ออาหารกลับไปสองอย่าง ตั้งใจจะเอากลับไปกินที่บ้านให้หายอยาก
ซานหลางและซื่อเหนียงกลืนน้ำลายด้วยความคาดหวัง ตั้งแต่ท่านพ่อจากไป ที่บ้านก็แทบไม่ได้กินอาหารที่ครบทั้งสีสัน กลิ่นหอม และรสชาติอร่อยมานานแล้ว
บางครั้งที่ฉินเหยาทนต่อความอยากไม่ไหว นางก็จะซื้อเนื้อดีๆ มา จากนั้นแม่ลูกทั้งห้าคนก็จะทำหน้าหนาวิ่งไปที่เรือนเก่าเพื่อขอกินข้าวด้วย
คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ซานหลางและซื่อเหนียงก็นึกถึงท่านพ่อขึ้นมา เดินตามฉินเหยาไปพลางเอ่ยถามว่า
“ท่านแม่ ท่านพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่หรือ”
ฉินเหยาชะงักไปชั่วขณะ พ่ออะไร? พ่อของบ้านใดกัน
หันหลังกลับไปมองเด็กสองคน อ้อ หลิวจี้น่ะหรือ? เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่หนอ
“รอให้เสบียงส่งถึงชายแดนก็คงจะกลับมาแล้วกระมัง” ฉินเหยาคิดในใจ หรือควรเตรียมเสื่อห่อศพให้เขาล่วงหน้าดีนะ?
ซานหลางและซื่อเหนียงสบตากันโดยไม่พูดอะไร อารมณ์หม่นหมองลงเล็กน้อย
ฉินเหยาพาสองพี่น้องเดินวนตามร้านค้าทั่วเมือง ซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกเพิ่ม อีกทั้งยังต้องซื้อซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูเก็บไว้เป็นไห
ขณะเดินผ่านแผงขายเกลือเถื่อน นางก็อาศัยโอกาสซื้อเกลือมาอย่างลับๆ ห้าจินในราคาต่ำกว่าตลาดเพื่อเก็บไว้ใช้
ได้ยินมาว่าปีนี้ช่วงเดือนสิบสอง ชาวบ้านในหมู่บ้านมีแผนจะรวมเงินซื้อหมูตัวหนึ่งมาเชือดฉลองการเก็บเกี่ยว
เนื้อสดนั้นเก็บไว้นานไม่ได้ ฉินเหยาคิดว่าควรรีบทำเนื้อหมักเก็บไว้แต่เนิ่นๆ หากถนอมดีๆ ก็สามารถกินได้ทั้งปี
แต่การหมักเนื้อไม่ใช่งานถนัดของนางเหอและนางจาง ฉินเหยาจึงตั้งใจจะไปหาพี่สะใภ้โจว เพราะเนื้อหมักของนางนั้นยอดเยี่ยมที่สุด
เมื่อนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วต้มเป็นหม้อไฟ หรือผัดกับผักป่าต่างๆ ก็หอมยั่วน้ำลายยิ่งนัก
คิดถึงของอร่อยเหล่านี้ รวมถึงกลิ่นหอมของอาหารที่ห่อมาด้วย ฉินเหยาเผลอกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง
เมื่อซื้อของทุกอย่างครบ นำขึ้นรถม้าเรียบร้อย สามแม่ลูกก็ขับรถม้าคันใหม่กลับบ้านด้วยความยินดี
ซานหลางและซื่อเหนียงถือถังหูลู่คนละสองไม้ คอยยกขึ้นดมเป็นระยะ ทั้งคาดหวังและพึงพอใจ
แม้ปากจะพูดว่าไม่อยากสนใจพี่ชายทั้งสองอีก แต่ตอนซื้อขนมกลับไม่ลืมซื้อให้พวกเขาด้วย
เมื่อผ่านหมู่บ้านเซี่ยเหอ ฉินเหยาก็หยุดรถม้าหน้าบ้านช่างตีเหล็ก
ดาบที่ใช้ฟันเสือคราวก่อนมีรอยบิ่นจนใช้การไม่ได้ ต้องนำมาให้ช่างตีเหล็กหลอมใหม่
หลังจากจ่ายเงินห้าร้อยเหวิน ฉินเหยาก็ได้รับดาบเล่มใหม่ นางใช้ผ้าพันใบดาบให้แน่นแล้ววางไว้บนเพลารถ จากนั้นก็ค่อยๆ ขับรถม้ากลับบ้าน
เพราะเป็นรถม้า ความเร็วจึงเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อน ตลอดทางที่เร่งเดินทางกลับมา ใช้เวลาสองชั่วยามซึ่งเร็วกว่าการเดินเท้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ระหว่างทาง ฝาแฝดนอนหลับไปหนึ่งตื่น ดีที่ฉินเหยารอบคอบนำผ้าห่มบางติดมาด้วย ไม่เช่นนั้นคงได้เป็นหวัดจากความหนาวเย็นแน่
เมื่อรถม้าแล่นเข้าสู่หมู่บ้านก็เรียกความสนใจจากชาวบ้านไม่น้อย เพราะในหมู่บ้านมักไม่มีเรื่องแปลกใหม่ใดๆ เมื่อมีความเคลื่อนไหวเพียงนิด ก็มักจะดึงดูดสายตาของทุกคนได้แล้ว
รอจนกระทั่งฉินเหยาเอ่ยทักทายชาวบ้านที่มาดูรถม้าทีละคนเสร็จและกลับถึงบ้าน ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ต้าหลางและเอ้อร์หลางกลับมาถึงก่อนแล้ว ทั้งสองเดินขึ้นเขาสองรอบ เก็บเกาลัดมาได้สี่ตะกร้า
ต้าหลางปีนต้นไม้เก่งกว่าเด็กคนอื่นในหมู่บ้านจึงไม่มีใครแย่งพวกเขาได้ แม้จะไปถึงช้าแต่ก็ยังเก็บได้มากมาย
เกาลัดป่าที่เก็บมาถูกเทลงบนพื้นห้องโถง ทั้งสองก่อไฟให้ความอบอุ่นไปพลาง ใช้คีมเหล็กค่อยๆ แกะเปลือกหนามออกไปพลาง
เปลือกแข็งนั้นเก็บไว้ใช้เป็นเชื้อไฟได้ดี
ชายหนุ่มสองคนที่มาพักอาศัยอยู่ในบ้านฉินเหยาก็ช่วยกันแกะด้วย สี่คนช่วยกันจนได้เกาลัดเต็มอ่างใหญ่ กินไปด้วยแกะไปด้วย
เกาลัดดิบมีรสหวานมาก เคี้ยวกรุบกรอบ
เอ้อร์หลางนั้นตะกละ ฝังเกาลัดลงในเตาถ่าน แต่เพราะลืมเจาะเปลือก เมื่อถูกความร้อน เกาลัดก็ระเบิด”ปัง ปัง ปัง” ส่งเถ้าถ่านกระจายไปทั่ว ทำให้เขาเลอะเทอะไปทั้งตัว
เพราะกลัวว่าจะถูกฉินเหยาดุ เอ้อร์หลางจึงรีบร้อนเก็บกวาดจนสะอาด
ขณะนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงรถม้าวิ่งเข้ามา สองพี่น้องตื่นเต้นจนลุกพรวด วิ่งออกไปดู
ซานหลางและซื่อเหนียงยื่นศีรษะออกมาจากตัวรถ เมื่อเห็นพี่ชายทั้งสอง ซานหลางก็ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจในตอนเช้าไปหมดสิ้น ตะโกนเรียกด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่! พี่รอง!”
ซื่อเหนียงเองก็ยกถังหูลู่ขึ้นสูง แกว่งไปมา “ดูสิ ท่านแม่ซื้อให้พวกเรา!”
ซานหลางเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงกล่าวเสริม “พี่ใหญ่ ท่านแม่ไปรับหัวเสือกลับมาแล้ว”
ต้าหลางดีใจมาก เดินขึ้นมาช่วยจูงบังเหียน ส่วนเอ้อร์หลางกระโดดพรวดขึ้นไปบนรถม้า เข้าไปดูแล้วอุทาน “ว้าว” เสียงดัง
ต้าหลางสุขุมกว่า ช่วยฉินเหยาจัดการหยุดรถม้าให้เรียบร้อยแล้วยกพวกเครื่องปรุงต่างๆ เข้าไปในบ้าน จากนั้นจึงเริ่มสำรวจภายในตัวรถม้า
เด็กหนุ่มแววตาเปล่งประกาย ลูบคลำดูไปทั่วอย่างพึงพอใจ
เห็นเอ้อร์หลาง ซานหลางและซื่อเหนียงกลิ้งไปมาในรถม้า ต้าหลางก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“พอได้แล้ว ลงมาเถอะ ให้เหล่าหวงได้พักบ้าง”
สามคนจึงค่อยๆ กระโดดลงมา ถือถังหูลู่ไว้แน่น รอให้พี่ใหญ่กับท่านแม่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วค่อยพากันเข้าบ้าน
เมื่อปลดรถม้าเสร็จ นำม้าไปยังคอก ให้น้ำและหญ้า คิดว่าวันนี้มันเหนื่อยมามากแล้ว ต้าหลางจึงเทข้าวฟ่างให้เพิ่มอีกหนึ่งชาม
ฉินเหยาลากรถม้าไปวางข้างกำแพงสวนหลังบ้าน คลุมด้วยเสื่อเพื่อกันฝน
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว แม่ลูกทั้งห้าคนจึงปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าบ้านไป
ในห้องโถงอบอุ่น ชายหนุ่มทั้งสองที่มาพักพิงรู้กาลเทศะ กลับเข้าห้องของตนเอง เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้อยู่กันตามลำพัง
เกาลัดย่างของเอ้อร์หลางยังวางอยู่บนโต๊ะ ฉินเหยาหยิบขึ้นมาแกะหนึ่งลูกแล้วโยนเข้าปาก มันสุกแค่ครึ่งเดียว ด้านหนึ่งกรอบ อีกด้านเหนียวนุ่ม ให้สัมผัสที่แปลกไปแต่กลับหวานอร่อย จากนั้นนางก็หยิบลูกที่สองขึ้นมากินต่อ
ต้าหลางอุ้มหัวเสือเดินวนไปมาในบ้าน ไม่รู้จะวางไว้ที่ไหนดี
“เอาไปเก็บในห้องเถอะ วางตรงนี้มันดูน่ากลัว” ฉินเหยากล่าว
หากวันใดหลิวเหล่าฮั่นผ่านมาเห็นเจ้าสิ่งนี้เข้าแล้วเกิดตกใจจนเป็นอะไรไป คงไม่ดีแน่
ต้าหลางคิดตามแล้วก็เห็นด้วย สี่พี่น้องจึงพากันมุดเข้าไปในห้องอีกครั้ง ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะกลับออกมา คงจะหาสถานที่เหมาะสำหรับวางหัวเสือได้แล้ว
ฉินเหยาแอบชำเลืองดู โอ้โห วางไว้บนหีบข้างเตียงตรงๆ เลย ไม่กลัวตื่นมากลางดึกแล้วตกใจบ้างหรือไร
ต้าหลางเองก็คงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าใดนัก คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง หาผ้าผืนหนึ่งมาคลุมหัวเสือเอาไว้
ฉินเหยาคิดในใจ หากมีฝาครอบแก้วสักอันก็คงดี
น่าเสียดายที่นางทำแก้วไม่เป็น
“พวกเจ้าหาเกาลัดกลับมาได้มากเท่าใดกัน” ฉินเหยามองดูเกาลัดเต็มอ่าง รวมถึงที่ยังไม่ได้แกะเปลือกหนามออกอีกมากจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เอ้อร์หลางตอบ “สี่ตะกร้าขอรับ! พรุ่งนี้ข้ากับพี่ใหญ่จะไปเก็บอีก เอากลับมาให้หมดเลย!”
พูดจบก็กัดถังหูลู่ไปคำหนึ่ง แม้มันจะแข็งมากจนเกือบหักฟัน แต่ก็ยังไม่คิดจะเอาไปอังไฟให้นิ่มก่อน
ซานหลางและซื่อเหนียงไม่รีบร้อนนัก พวกเขานำถังหูลู่ไปอังไฟบนเตาถ่านให้ละลายเล็กน้อยก่อนค่อยกิน แต่สุดท้ายก็กินเลอะเทอะไปหมด เศษน้ำตาลร่วงลงบนเสื้อ พอจะหยิบออกก็ดันติดมือเหนียวหนึบ
ฉินเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางนึกขึ้นได้ว่าตนเองเคยทำสบู่ก้อนแขวนไว้ที่คานในห้องเก็บของ ตอนนี้คงแห้งพอใช้งานได้แล้วกระมัง?
คิดได้ดังนั้น นางจึงลุกขึ้น เดินออกไปนำตะกร้าทั้งใบเข้ามาในห้องโถง เด็กทั้งสี่คนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยรีบล้อมเข้ามาดู
หลังจากผ่านการตากแห้งมาหนึ่งเดือน สบู่ก้อนที่เคยนุ่มนิ่มตอนนี้แข็งราวกับก้อนหิน
ซื่อเหนียงยื่นนิ้วเล็กๆ ไปจิ้มดูด้วยความตื่นเต้น นางเงยหน้ามองฉินเหยาอย่างตื่นตะลึง “ท่านแม่ มันแข็งเหมือนกับหินเลย!”
MANGA DISCUSSION