ตอนที่ 157 มีรถม้าแล้ว
ยามเช้าตรู่ ฉินเหยายังคงฝึกวรยุทธ์อยู่ที่สวนหลังบ้าน ต้าหลางกับเอ้อร์หลางก็หิ้วตะกร้าไม้ไผ่วิ่งออกไปนอกเรือนแล้ว
ซานหลางกับซื่อเหนียงส่งเสียงโหวกเหวกอยู่ในห้อง พี่ชายทั้งสองเห็นว่าน่ารำคาญจึงแอบหนีพวกเขาออกไป ซื่อเหนียงโกรธจนใบหน้าน้อยๆ พองลมทั้งวัน ปากเล็กเชิดขึ้นอย่างไม่พอใจ ฉินเหยาจึงยื่นมือไปแตะเบาๆ “นี่ใช้แขวนกาน้ำมันได้แล้วกระมัง”
เด็กหญิงตัวน้อยร้องเสียงหลง อ้าปากหมายจะงับมือของนาง ทว่างับไม่ทันก็รีบโผเข้ามาเกาะติดอีกครั้งแล้วออดอ้อนบอกให้ฉินเหยาอย่าสนใจต้าหลางกับเอ้อร์หลางในคืนนี้
“เพราะเหตุใดเล่า” ฉินเหยาจงใจถาม
ซื่อเหนียงแค่นเสียงตอบ “ก็พวกเขาไม่พาข้ากับพี่ชายไปเล่นด้วยนี่นา!”
ฉินเหยามองดูท่าทางบึ้งตึงของเด็กหญิงแล้วเหลือบไปเห็นซานหลางที่นั่งอยู่บนธรณีประตูท่ามกลางลมหนาว ดวงตากลมโตจับจ้องไปทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน นางจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ เช่นนั้นพวกเราจะไม่เล่นกับพวกเขา พวกเราไปเที่ยวในเมืองกันแทนดีหรือไม่”
ซานหลางหันขวับมาทันที ดวงตาเปล่งประกายดุจเปลวไฟที่ลุกโชนในเตา
ซื่อเหนียงเองก็ตกตะลึงไป รีบถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านแม่จะพาพวกเราเข้าเมืองจริงหรือ”
ฉินเหยาพยักหน้ารับแล้วเหลือบมองท้องฟ้า เวลายังเช้าอยู่ แต่ละบ้านเพิ่งทานมื้อเช้ากันเสร็จ เวลายังเหลืออีกครึ่งค่อนวัน หากควบม้าไปก็สามารถกลับมาก่อนพลบค่ำได้
รถม้าที่สั่งทำไว้คราวก่อน รวมถึงหัวเสือที่ฝากเถ้าแก่ฟ่านจัดการล้วนเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางต้องไปรับกลับมา
ไหนๆ ก็ไปถึงในเมืองแล้ว คงต้องซื้อของใช้ประจำวันมาเก็บสำรองไว้ด้วย เพราะหลังจากนี้อากาศจะหนาวขึ้น หากเลี่ยงออกจากบ้านได้ก็ควรเลี่ยง
ฤดูหนาวก็ต้องจำศีล หากไม่หมกตัวอยู่เรือนแล้วจะเรียกว่าฤดูหนาวได้อย่างไร
ความตื่นเต้นมาเยือนอย่างไม่คาดคิด ซานหลางและซื่อเหนียงรีบกลับเข้าไปในบ้านเพื่อสวมเสื้อผ้าเพิ่มตามคำสั่งของฉินเหยาป้องกันมิให้หนาวจนจับไข้ระหว่างทาง
ฉินเหยาเองก็เตรียมผ้าห่มผืนบางมาหนึ่งผืน เพื่อให้เด็กน้อยทั้งสองใช้กันลมหนาวขณะเดินทาง ตอนขากลับมีรถม้าให้นั่ง นางจะปูผ้าห่มในรถให้พวกเขานั่งสบายขึ้น
ชายหนุ่มสองคนที่มาพักอาศัยในเรือนออกไปโรงโม่ตั้งแต่เช้ามืด ฉินเหยาสวมบังเหียนให้ม้า ลงกลอนประตูบ้าน อุ้มแฝดชายหญิงขึ้นไปบนหลังม้า จูงม้ามุ่งหน้าไปยังโรงโม่เพื่อแจ้งข่าวแก่สองคนนั้นพร้อมทั้งฝากกุญแจไว้ให้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย นางก็พลิกกายขึ้นหลังม้า ดึงผ้าห่มบางคลุมร่างเด็กน้อยสองคนที่กำลังตื่นเต้น จากนั้นสะบัดบังเหียนเบาๆ ทันใดนั้นเหล่าหวงที่ไม่ได้ออกวิ่งอย่างอิสระมาหลายวันก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วอันน่าตื่นเต้นทำให้เด็กสองคนบนหลังม้าร้องเสียงดังด้วยความหวาดหวั่นปนตื่นเต้น
ฉินเหยาดึงผ้าขนหนูตรงคอขึ้นมาปิดหน้า ซ่อนรอยยิ้มที่ยกขึ้นตรงมุมปากของนางไปด้วย
สามแม่ลูกควบม้าตะบึงไปตลอดทางจนมาถึงอำเภอไคหยาง ซานหลางและซื่อเหนียงที่ตื่นเต้นตั้งแต่ออกเดินทาง บัดนี้ดูเหมือนจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ฉินเหยาก้มมองใบหน้าน้อยๆ ที่โผล่ออกมาจากผ้าห่ม ดวงตากลมโตดุจองุ่นดำจ้องมองนางอย่างตื่นเต้นราวกับว่ายังไม่สะใจพอ
“ก้นพวกเจ้ายังไม่แหลกกันสินะ?” ฉินเหยาถามอย่างขำขัน
สองพี่น้องส่ายหน้า แทบจะตะโกนว่า “เอาอีก! เอาอีก!”
ฉินเหยาได้แต่กำชับให้พวกเขานั่งดีๆ ก่อนพลิกตัวลงจากหลังม้า แล้วจูงม้าเข้าสู่ตัวเมือง
เมื่อถึงจุดพักม้า นางก็อุ้มเด็กทั้งสองลงแล้วจูงมือพวกเขาพาเดินไปยังโรงไม้ที่สร้างตัวรถม้า
ตัวรถม้าถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้ไม้เนื้อแข็งที่แข็งแรงที่สุดจึงทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก
ซานหลางฉวยโอกาสขณะที่ผู้ใหญ่กำลังสนทนากัน ยื่นมือน้อยๆ ของตนไปลองยกขอบตัวรถม้าขึ้น ใช้แรงทั้งหมดที่มีถึงขนาดร้องฮึบออกมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง แต่กลับไม่อาจขยับตัวรถม้าได้แม้แต่น้อย
ซื่อเหนียงเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น รีบเข้ามาลองด้วย ทั้งสองพี่น้องช่วยกันออกแรงจนสุดกำลัง ทว่ารถม้ากลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
สองพี่น้องคิดว่าการกระทำของตนไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ทว่าไม่รู้เลยว่าเหล่าผู้ใหญ่เห็นหมดแล้ว ทุกคนเพียงรู้สึกว่าท่าทางของพวกเขาน่ารักและน่าขบขันยิ่งนัก แต่ไม่มีใครกล่าวเปิดโปงออกมา
ฉินเหยาตกลงกับเถ้าแก่ร้านเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงให้เด็กฝึกงานช่วยลากตัวรถม้าไปยังจุดพักรถที่ประตูเมืองและติดตั้งเข้ากับโครงม้า
เหล่าหวงรู้สึกไม่คุ้นชินอย่างมาก มันย่ำกีบเท้าไปมาอย่างกระสับกระส่าย ไม่ชอบที่ต้องมีของหนักเช่นนี้ติดอยู่บนตัว
แต่สุดท้าย ภายใต้การปลอบโยนของฉินเหยา มันก็สงบลงแต่โดยดี ยอมให้เด็กฝึกงานติดตั้งอานบรรทุกโดยไม่มีการขัดขืน
ฉินเหยามองดูรถม้าที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ก็พยักหน้าติดกันหลายครั้ง “ไม่เลว ไม่เลว”
เด็กฝึกงานเสร็จสิ้นหน้าที่ของตนแล้วจึงขอตัวจากไปก่อน
ฉินเหยาพาซานหลางและซื่อเหนียงขึ้นไปนั่งบนรถม้าเพื่อทดลองดู ภายในตัวรถมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก ไม่ถึงสองตารางเมตร
ทั้งสามด้านของตัวรถทำเป็นที่นั่ง โดยด้านหลังเป็นที่นั่งแบบติดตาย อีกทั้งยังมีพื้นที่สำหรับเก็บของ ส่วนที่นั่งด้านซ้ายและขวาเป็นแบบพับเก็บได้ สามารถยึดเก็บไว้ที่ข้างตัวรถ ทำให้พื้นที่ภายในรถดูกว้างขึ้น
หากมีผู้โดยสารมากขึ้น สามารถปูเสื่อบนพื้น เพื่อให้มีที่นั่งมากขึ้นได้
ตรงกลางตัวรถม้ามีโต๊ะเก็บของเล็กๆ ซึ่งฉินเหยาสั่งทำเป็นพิเศษ
เช่นเดียวกับแผ่นไม้ทรงมุมฉากด้านซ้ายและขวา โต๊ะตัวนี้สามารถพับเก็บได้ เมื่อพับเก็บแล้ว ส่วนกลางของตัวรถจะนูนขึ้นเพียงห้าเซนติเมตรเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้พื้นที่ราบทั้งหมด
หากกางออกมา จะกลายเป็นโต๊ะเล็กสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างและยาวสามสิบเซนติเมตร ด้านบนมีฝาปิด เมื่อเปิดออก จะสามารถเก็บข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ช่างไม้ยังมอบฐานรองเพิ่มให้อีกหนึ่งชิ้น สามารถใช้วางเตาถ่านได้ แผ่นกั้นสี่ด้านถูกแกะสลักเป็นลวดลายโปร่ง เพื่อช่วยระบายความร้อนและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ไฟ
ฉินเหยามองแล้วรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก นางพับเก็บโต๊ะกลางและที่นั่งทั้งสองข้างจนเรียบ จากนั้นก็นอนเหยียดตัวลงไป เมื่อรวมความยาวของคานลากรถแล้ว ก็พอดีกับร่างของนางที่สามารถนอนราบลงได้อย่างสบาย
“ซานหลาง ซื่อเหนียง เป็นอย่างไร ชอบหรือไม่” ฉินเหยาถามด้วยรอยยิ้ม
สองคนเลียนแบบนาง กลิ้งไปมาบนพื้นรถม้าที่ปูด้วยผ้าห่มบางสองรอบแล้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างตื่นเต้น “อืม อืม” พวกเขาชอบมันมากจริงๆ!
เมื่อได้ยินฉินเหยาบอกว่าปีหน้าจะใช้รถม้าคันนี้ส่งพวกพี่ชายไปเรียน ซื่อเหนียงก็อิจฉาไม่น้อย นางกอดแขนท่านแม่ พลางเบะปากถอนหายใจราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย “เหตุใดซื่อเหนียงถึงไปสำนักศึกษาไม่ได้กันเล่า?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเหยาค้างไปเล็กน้อย
นั่นสิ เหตุใดสตรีจึงไม่อาจเข้าสอบเคอจวี่ได้กัน?
“แค่กๆ!” ฉินเหยากระแอมสองครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กน้อย “ไปเถอะ พวกเราจะไปรับหัวเสือมิใช่หรือ? พวกเจ้าไม่ใช่ว่าร่ำร้องอยากดูมาตลอดหรืออย่างไร”
เด็กเล็กนั้นเปลี่ยนความสนใจได้รวดเร็ว ซื่อเหนียงกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง รีบจูงมือพี่ชายแล้วตามท่านแม่ไปเอาหัวเสือ
ฉินเหยาไม่เคยเห็นตัวอย่างสัตว์สตัฟฟ์ในยุคนี้มาก่อนจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก
แต่ไม่คาดคิดว่า เถ้าแก่ฟ่านจะทำให้นางประหลาดใจ
หัวเสือที่นางมอบให้เถ้าแก่ฟ่านในตอนแรกเป็นเช่นไร ตอนนี้เถ้าแก่ฟ่านก็ส่งคืนมาในสภาพเช่นนั้น ไม่เหมือนซากสัตว์สตัฟฟ์เลย แต่กลับคล้ายเพิ่งถูกตัดออกมาใหม่ๆ ราวกับมีชีวิต
ยกเว้นเพียงบริเวณรอยตัดที่คอและศีรษะ ซึ่งถูกปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งพิเศษและเสริมฐานไม้ที่ด้านล่างเพื่อให้สามารถตั้งบนพื้นราบได้
เมื่อซานหลางและซื่อเหนียงเห็นหัวเสือที่ใหญ่กว่าหัวของพวกเขารวมกันเป็นครั้งแรกก็ทั้งหวาดกลัวและตกตะลึง รีบหลบไปอยู่หลังฉินเหยาไม่กล้าเข้าใกล้
ฉินเหยาเอ่ยกระตุ้นให้พวกเขาลองเข้ามาสัมผัสดู ซานหลางกลับส่ายหน้ารัวราวกับกลองป๋องแป๋ง เกือบจะร้องไห้ออกมา
ซื่อเหนียงกล้าหาญกว่านิดหน่อย แต่ก็ทำได้แค่เดินเข้าไปมองใกล้ๆ ไม่กล้าแตะต้อง
เถ้าแก่ฟ่านผู้มี ‘จิตใจชั่วร้าย’ แกล้งส่งเสียงขึ้นมา ทำให้เด็กหญิงตกใจสะดุ้งสุดตัว รีบถอยกรูดไปซ่อนหลังท่านแม่ แล้วเอาใบหน้าซุกติดอยู่ที่สะโพกของนาง ตัวสั่นระริกไปหมด
ฉินเหยาส่งสายตาไม่สบอารมณ์ไปทางเถ้าแก่ฟ่านทันที เถ้าแก่ฟ่านก็ได้แต่ลูบจมูกอย่างเขินๆ “ข้าจะไปหาถุงมาคลุมไว้สักหน่อย จะได้ไม่ไปทำให้ใครตกใจระหว่างทาง”
แต่ก่อนจะหมุนตัวไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกครั้ง “เจ้าจะไม่ขายหัวเสือนี่จริงๆ หรือ มีคนให้ราคาสูงนะ เจ้าไม่คิดจะปล่อยหรือ”
ฉินเหยามีสีหน้าแน่วแน่ “ไม่ขาย”
เถ้าแก่ฟ่านถอนหายใจอย่างเสียดาย “ก็ได้”
MANGA DISCUSSION