ตอนที่ 144 ผงสบู่
ตอนออกจากโรงเตี๊ยม ฟ้ายังไม่มืด
ฉินเหยาพาต้าหลางไปยังตลาดตะวันตกเพื่อตั้งแผงขายกระรอกขนขาว
ของแบบนี้ถือเป็น ‘ของเล่นของพวกไม่แสวงหาความก้าวหน้า’ คนธรรมดาทั่วไปไม่แม้แต่จะชายตามอง
ฉินเหยาหวังเพียงว่าจะโชคดีพบพวกพ่อบ้านตระกูลใหญ่ที่ออกมาซื้อของแล้วเกิดถูกใจกระรอกของนางอยากซื้อไปเอาใจคุณชายน้อยและคุณหนูในจวนอะไรพวกนั้น
ที่กระรอกไม่ยอมกินอะไรนั้นเป็นเพราะอาหารที่ต้าหลางให้มันเมื่อวานไม่ถูกปาก
ฉินเหยาซื้อถั่วลิสงหนึ่งกำมือจากหญิงชราแผงข้างๆ ในราคาสองเหวิน กระรอกตัวน้อยที่เดิมหมดแรง พริบตาดวงตาก็เปล่งประกาย หากไม่ติดว่ามีเชือกปอผูกข้อเท้าไว้ มันคงกระโดดเข้าหาฉินเหยาเพื่อแย่งถั่วแล้ว
ต้าหลางปล่อยมันลงพื้น รับถั่วลิสงจากฉินเหยามาป้อนให้ กระรอกน้อยคว้าไปกอดไว้แล้วกินทันที ท่าทางตอนมันกำลังแทะอาหารนั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ
ต้าหลางมองดูแล้วก็รู้สึกอาวรณ์
แต่เขาก็เข้าใจดีว่าสภาพที่บ้านตอนนี้ไม่เหมาะจะเลี้ยงมัน หวังเพียงแค่จะเจอคนดีๆ ที่สามารถดูแลมันได้
เจ้ากระรอกที่กลับมาร่าเริงอีกครั้งดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย เมื่อเห็นที่หัวมุมถนนมีเหล่าพ่อบ้านและบ่าวเฒ่าเดินผ่านมา ฉินเหยาก็รีบร้องขายทันที
นางไม่รู้สึกเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย เสียงเร่ขายของของนางดังก้องไปทั่วทั้งถนน ต่อให้ไม่อยากเป็นจุดสนใจก็ยาก
พ่อบ้านคนหนึ่งกับบ่าวน้อยที่ออกมาซื้อข้าวของเดินเข้ามาถามราคาด้วยความสงสัย ฉินเหยาชูหกนิ้ว “หกร้อยเหวิน”
ทั้งสองได้ยินแล้วถึงกับสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นี่มันอะไรกัน จะแพงเกินไปแล้ว!
เห็นเสื้อผ้าของสองแม่ลูกที่ดูเหมือนขอทานก็ไม่ปาน บ่าวรับใช้ที่มาซื้อของก็ส่ายหัวอย่างรังเกียจแล้วเดินจากไป พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ยังหันกลับมาถากถางว่า
“เนื้อแค่สองเหลี่ยงก็ยังไม่มี ยังกล้าขายตั้งหกร้อยเหวิน คิดแต่จะหาเงินจนบ้าไปแล้วหรือไร!”
พูดจบก็คิดว่าสองแม่ลูกคงทำหน้าปั้นยาก
แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะไม่ได้เหลือบมองมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยยังคงตั้งใจป้อนอาหารให้กระรอก ส่วนผู้ใหญ่นั้นพูดคุยกับพ่อบ้านเฒ่าอยู่
ได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า “ขนขาวเป็นพันธุ์หายาก ร้อยปีถึงจะเจอสักตัว อีกทั้งยังเชื่องเกอเอ๋อร์กับเจี่ยเอ๋อร์เห็นแล้วต้องชอบแน่นอน”
“กระรอกขนแซมขาวชนิดนี้ รูปหน้าดูน่ารัก หากไม่เข้าป่าลึกไม่มีวันหาเจอ แค่หกร้อยเหวินเท่านั้น ท่านซื้อไปได้กำไรแน่นอน” ฉินเหยากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
พ่อบ้านเฒ่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจแล้วกล่าวว่า “อย่างนั้นข้าซื้อ”
บ่าวรับใช้ที่เดินไปได้ไม่ไกลถึงกับชะงัก รีบเดินกลับมาเพราะอยากซื้อเช่นกัน
“ขออภัย มีเพียงตัวเดียว ใครซื้อก่อนก็เป็นของผู้นั้น” ฉินเหยาส่งสายตาดูแคลนสื่อว่า เจ้าช่างไม่รู้จักของดี ก่อนจะยิ้มพลางวางเจ้ากระรอกตัวน้อยลงในตะกร้าที่พ่อบ้านเฒ่าสะพายอยู่
“มันจะไม่หนีไปใช่หรือไม่”
“ไม่หนีหรอก” ฉินเหยาดึงพ่อบ้านเฒ่าไปด้านข้างแล้วสอนเคล็ดลับในการฝึกสัตว์เล็กให้
ซื้อของแล้วยังมีบริการดูแลหลังการขายอีกด้วย พ่อบ้านเฒ่ามองกระรอกขนขาวที่กำลังแทะถั่วในตะกร้า ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ
ฉินเหยาไปหาโรงไม้ในเมือง สั่งทำตัวรถม้าหนึ่งคัน
ตัวรถม้าจะเสร็จประมาณกลางเดือนสิบ แต่ฉินเหยาสามารถรอได้ เพราะนางออกแบบให้มันไม่ใช่รูปแบบทั่วไป ค่อนข้างซับซ้อน
ฉินเหยาสั่งให้ติดตั้งโต๊ะแบบถาวรในตัวรถ ดีที่สุดควรเป็นแบบพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน และสามารถกางออกตั้งขึ้นได้เมื่อจำเป็น อีกทั้งต้องมีพื้นที่เก็บของในตัว
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เพราะพื้นที่ภายในตัวรถมีขนาดเล็ก ฉินเหยาจึงยังไม่มีข้อกำหนดเพิ่มเติม
ในใจนางคิดไว้ว่า หากในภายหน้ามีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับเพลาของรถม้า นางอยากจะสร้างรถม้าสี่ล้อขึ้นมา
แต่หากหาโลหะผสมที่เหมาะสมไม่ได้ ความคิดนี้ก็คงเป็นไปได้ยาก
หากจะต้องทำให้เป็นรถม้าสี่ล้อที่ขาดความคล่องตัว สู้สองล้อที่ใช้อยู่ตอนนี้ยังจะดีกว่า
ตัวรถต้องใช้วัสดุคุณภาพดี บวกกับล้อที่ครอบโลหะ รวมๆ แล้วต้องใช้เงินถึงห้าตำลึงเงิน
ต้าหลางเดินตามแม่เลี้ยงอยู่ด้านหลัง พอเห็นนางยื่นเงินห้าตำลึงให้ช่างโดยไม่กะพริบตา เด็กชายที่ไม่เคยเห็นเงินมากเพียงนี้มาก่อนถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย
แต่พอได้ยินฉินเหยาบอกว่าสั่งทำตัวรถนี้เพื่อใช้สำหรับส่งพวกเขาไปสำนักศึกษาในปีหน้า เขาก็รู้สึกซาบซึ้งสุดจะบรรยาย
ซาบซึ้งจนต้าหลางลืมไปเลยว่าตนเองยังมีท่านพ่ออยู่ที่สำนักศึกษาในเมืองด้วย
ฉินเหยาซื้อผ้าและพื้นรองเท้าเพิ่มพร้อมทั้งขนมสองจินและเนื้ออีกห้าจิน
หลังจากซื้อของเสร็จ นางก็เดินผ่านร้านขายของเบ็ดเตล็ด จึงนึกขึ้นได้ว่าอยากหาสิ่งของทำความสะอาดสำหรับอาบน้ำจึงอยากลองดูว่ามีจ้าวเจี่ยวขายหรือไม่
เป็นไปตามคาด ไม่มีขาย สิ่งที่มีคือผงทำความสะอาดอย่างหนึ่ง เรียกว่าผงสบู่ เมื่อโดนน้ำจะเกิดฟอง บอกว่าเคี่ยวมาจากตับอ่อนของหมู
ฉินเหยาสนใจอยู่บ้างจึงถามราคาขึ้นมา
เจ้าของร้านมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นคันธนูสะพายอยู่ด้านหลังกับดาบที่พันด้วยผ้าก็ข่มกลั้นความรังเกียจแล้วตอบว่า “ยี่สิบเหวินต่อหนึ่งเหลี่ยง”
“หนึ่งเหลี่ยง ?” ฉินเหยาสงสัยว่าตนเองคงได้ยินผิด ไม่ใช่หนึ่งจินแน่หรือ?
เจ้าของร้านทำหน้าราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายต้องถามเช่นนี้แน่ เขาตอบเสียงหนักแน่นว่า “ก็หนึ่งเหลี่ยงนั่นแหละ!”
“ช่างเถอะ ไปกันเถอะต้าหลาง” ฉินเหยาหันหลังแล้วเดินจากไป ซื้อไม่ไหวแล้วจะทำเองไม่ได้หรืออย่างไร
ขอบคุณร้านขายของเบ็ดเตล็ดที่ให้แรงบันดาลใจ นางจึงนึกขึ้นได้ว่าเคยเรียนวิธีทำสบู่ในชั้นมัธยมต้น
ดังนั้น นางจึงวกกลับไปที่ร้านขายเนื้อเพื่อซื้อมันหมู
น่าเสียดาย เวลาล่วงเลยไปมากแล้ว บนแผงเนื้อแทบไม่เหลืออะไร ฉินเหยาหาได้เพียงสี่จิน
มันหมูราคาแพงกว่าหมูสามชั้น ตกจินละยี่สิบห้าเหวิน รวมแล้วหนึ่งร้อยเหวินพอดี
มันหมูสองจินคั้นน้ำมันออกมาได้หนึ่งจิน สี่จินก็จะได้น้ำมันสองจิน เพียงพอให้ทำสบู่ได้สิบก้อน
หลังจากซื้อของทั้งหมดนี้ เงินที่เถ้าแก่ฟ่านให้มาจึงเหลือเพียงแปดสิบเอ็ดตำลึง รวมกับเงินเก็บเดิมของนางแล้ว เหลือหนึ่งร้อยแปดสิบสี่ตำลึง
ใครจะคิดว่าออกไปฝึกฝนในภูเขาครั้งหนึ่ง ยังจะได้โชคเช่นนี้กลับมา
เมื่อคิดว่าสามารถซื้อที่ดินดีๆ เพิ่มได้อีกหลายหมู่ ฉินเหยาก็อารมณ์ดีขึ้นจนความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง
แต่ต้าหลางเห็นได้ชัดว่าไม่อาจทนไหว ตอนที่ทั้งสองนั่งเกวียนวัวกลับบ้าน เขาก็หลับมาตลอดทาง
ตอนแรกเอนตัวพิงรั้วเกวียน พอหลับไปศีรษะก็ค่อยๆ เอนลงมาซบหลังฉินเหยา
เมื่อถึงหมู่บ้านเซี่ยเหอและสารถีหยุดรถ ร่างของเขาก็เอนนอนพาดตักฉินเหยาไปทั้งตัว
ตอนที่ฉินเหยาปลุกเขาให้ตื่น ต้าหลางถึงกับหน้าแดงก่ำทันที
ดวงอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า ต้องรีบเดินทางกลับหมู่บ้านตระกูลหลิว ฉินเหยาสะพายอาวุธไว้บนหลัง มือทั้งสองข้างถือของเต็มไปหมด
ต้าหลางสะพายห่อผ้าของตนเองพร้อมอาวุธ มือก็กอดขนมหอมๆ สองจินไว้แน่น
บะหมี่เนื้อตุ๋นที่ทั้งสองกินกันเมื่อตอนเที่ยงตอนนี้ย่อยหมดแล้ว กลิ่นหอมของขนมลอยมาแตะจมูกเป็นระยะ ทำให้ต้าหลางต้องต่อสู้ระหว่างเหตุผลกับความอยากไปตลอดทาง จนการเดินของเขาดูยากลำบากเหลือเกิน
โชคดีที่ก่อนค่ำ ทั้งสองก็กลับถึงหมู่บ้านตระกูลหลิวได้ทันเวลา
แม่ลูกคู่นี้ออกเดินทางในป่าหลายวัน ไม่ได้สระผม ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ดูแทบไม่ต่างจากขอทาน
ชาวบ้านที่นั่งพักผ่อนใกล้บ่อน้ำในหมู่บ้านต่างจำแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้ จนกระทั่งได้ยินเอ้อร์หลางและพี่น้องทั้งสามคนตะโกนด้วยความดีใจว่าท่านแม่ พี่ใหญ่แล้ววิ่งเข้าหา คนในหมู่บ้านจึงหันมองด้วยความตกตะลึง ขอทานที่เห็นอยู่นี้คือฉินเหนียงจื่อ!
จินฮวากับจินเป่าวิ่งนำเข้าไปในบ้าน ก่อนจะตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “อาสะใภ้สามกลับมาแล้ว!”
ในบ้าน หลิวเหล่าฮั่นกับคนอื่นๆ กินอาหารค่ำเสร็จแล้ว กำลังซ่อมแซมเครื่องมือเกษตรและพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงนี้ทุกคนก็หันขวับ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาพร้อมกัน
MANGA DISCUSSION