ตอนที่ 143 ขายเสือ
หลังจากพักในถ้ำหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเหยาและต้าหลางก็แยกทางกับสองพ่อลูกหยางต้า
สองพ่อลูกยังต้องอยู่ล่าสัตว์ในป่าต่อ รอจนหยางซวี่สามารถล่าสัตว์ได้ก่อนจึงจะลงจากเขา
ก่อนจากไป ฉินเหยาบอกสภาพพื้นที่ที่นางสำรวจไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วให้แก่หยางต้า พื้นที่แถบนี้แทบไม่มีสัตว์ร้าย ถ้ำเองก็ค่อนข้างปลอดภัย พวกเขาสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้อย่างวางใจ
“พวกเจ้าระวังตอนลงเขาด้วยนะ ทางลื่น” หยางต้ากำชับ
สองแม่ลูกพยักหน้ารับ ก่อนจะออกเดินทางลงจากเขาพร้อมกับเหยื่อ
ฉินเหยาลากซากสัตว์เดินนำหน้า ส่วนต้าหลางสะพายถุงผ้ากระสอบของตน มือก็อุ้มเจ้ากระรอกน้อยที่ยังดิ้นรนจะกัดคนตามหลังฉินเหยาไป
ทั้งสองไม่ได้ย้อนกลับทางเดิม แต่เดินเลียบเชิงเขามุ่งหน้าไปยังอำเภอไคหยาง
เป็นเส้นทางเก่าที่คุ้นเคย ยิ่งเดินยิ่งชำนาญ อีกทั้งคราวนี้ร่างกายแข็งแรงมาก แม้ต้องลากสัตว์หนักกว่าหกร้อยจินก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าเท่าใดนัก
แต่กลับต้องคอยระวังต้าหลางที่เดินตามหลังไปตลอด ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจมากกว่า
เด็กเดินช้า นางจึงเดินเร็วไม่ได้
หากทางลาดชันเกินไปก็ให้เขานั่งบนรถลากแล้วลากทั้งคนทั้งซากสัตว์ขึ้นเนินไปพร้อมกัน
หากด้านข้างเป็นหน้าผา นางต้องผูกเชือกกับตัวเขา กันไม่ให้เดินพลาดแล้วตกลงไป
ด้วยเหตุนี้ เส้นทางที่ปกตินางสามารถเดินถึงอำเภอได้ก่อนค่ำกลับต้องล่าช้าออกไปอีกหนึ่งคืน
ต้องพักในป่าเพิ่มอีกคืน กว่าจะเห็นประตูเมืองอำเภอไคหยางก็เป็นเวลาเที่ยงของวันถัดมา
โชคดีที่อุณหภูมิในป่าค่อนข้างต่ำ อีกทั้งฉินเหยาก็รักษาสภาพของเหยื่อได้ค่อนข้างดี ซากเสือไร้หัวและกวางลายจุดจึงยังคงความสดใหม่อยู่
ราคาของเนื้อนั้นคงขายได้ไม่สูงนัก ตรงกันข้าม หนังเสือกลับยังมีช่องให้ต่อรองราคาได้อยู่
ครั้งนี้ฉินเหยานำบทเรียนจากปีที่แล้วมาใช้ นางใช้กิ่งไม้ปกคลุมเหยื่อไว้จนมิด ไม่ให้ใครเห็นว่านางล่าอะไรมา
จ่ายค่าผ่านประตูสำหรับสองคนแล้ว สองแม่ลูกก็เข้าเมืองไปอย่างเงียบๆ
วันนี้ไม่มีตลาดนัด ผู้คนบนถนนจึงไม่มากนัก ฉินเหยานึกถึงเถ้าแก่ฟ่าน จึงพาต้าหลางตรงไปยังประตูหลังของโรงเตี๊ยม
“ท่านน้า เหตุใดพวกเราต้องเข้าทางประตูหลังหรือ” ต้าหลางถามด้วยความสงสัย
ฉินเหยา “เข้าประตูหน้าจะรบกวนการค้าของผู้อื่น”
ต้าหลางพยักหน้า ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกแล้ว
เจ้ากระรอกนั้นหมดฤทธิ์แล้ว มันซบร่างตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนเขา อาจเป็นเพราะหิวมาแล้วสองวันเต็ม
ต้าหลางพยายามให้มันกินผลไม้ที่เด็ดมาจากต้น แต่มันไม่แตะเลย ดื่มแต่น้ำเท่านั้น จะเอาแรงที่ไหนมาอาละวาดอีก
ฉินเหยาวางเหยื่อลงกับพื้น ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าอันยุ่งเหยิงแล้วรวบผมที่ยุ่งราวกับรังนก จากนั้นจึงเดินไปข้างหน้า เคาะห่วงทองเหลืองที่ประตู
รออยู่ครู่ใหญ่จึงมีคนมาเปิดประตู เป็นศิษย์น้อยของพ่อครัวใหญ่นั่นเอง
“ฉินเหนียงจื่อ?” ศิษย์น้อยตกตะลึงแทบไม่เชื่อสายตา หากไม่ใช่เพราะจำฉินเหยาได้ เขาคงนึกว่ามีขอทานสองคนมาขอของกินเป็นแน่
ฉินเหยากวักมือเรียกให้เขาออกมาอย่างจนใจ “มา ข้าจะให้เจ้าดูของดี!”
เมื่อนางเปิดกิ่งไม้ที่คลุมเหยื่อออกก็เผยให้เห็นขนสีทองอร่าม ศิษย์น้อยเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้งด้วยความตื่นเต้นจนพูดไม่ออก ได้แต่ทำมือบอกให้ฉินเหยารอก่อน เขาจะรีบไปตามเถ้าแก่มา
ไม่นาน เถ้าแก่ฟ่านกับพ่อครัวใหญ่ก็เดินมาด้วยกัน พอเห็นซากเสือบนรถลาก ทั้งสองก็สะดุ้งจนถอยหลังไปสองก้าว
ทั้งสองมองไปที่ฉินเหยาอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเห็นนางโบกมือบอกว่าเสือตายสนิทแล้วจึงกล้าเข้าไปใกล้เพื่อสำรวจหนังเสืออย่างละเอียด รวมถึงลำคอที่เปรอะเลือดและเนื้อฉีกขาด ตรวจดูว่าเนื้อยังสดอยู่หรือไม่
เพราะล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน ฉินเหยาไม่คิดปิดบังว่าสัตว์ที่ล่ามาตายเมื่อใดจึงกล่าวตามจริง
“ตายช่วงโพล้เพล้เมื่อวานซืน ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วยาม ข้าทาเกลือตรงแผลไว้ชั้นหนึ่ง จัดการได้ดีอยู่ หากทำอาหารก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ เนื้อยังอร่อยแน่นอน”
พ่อครัวใหญ่ถามอย่างสงสัย “ฉินเหนียงจื่อ แล้วหัวเสือไปอยู่ที่ใดเล่า”
ต้าหลางที่สะพายถุงผ้ากระสอบถอยหลังไปหลบด้านหลังฉินเหยาอย่างกระสับกระส่าย กลัวว่าพวกเขาจะรู้ว่าหัวเสืออยู่กับตนแล้วคิดจะซื้อต่อไป
น่าเสียดาย เขาเพิ่งขยับตัว พวกนั้นก็สังเกตเห็นแล้ว
ตอนเข้าประตูเมืองเมื่อครู่ ทหารเฝ้าประตูสองนายก็เห็นถุงผ้าที่เปื้อนเลือด จึงไม่อาจเลี่ยงการตรวจสอบได้
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
กลัวว่าพวกเขาจะขวางไว้ ฉินเหยาจึงให้เงินเพิ่มไปสิบเหวินต่อคนจึงผ่านเข้าเมืองมาได้อย่างราบรื่น
เมื่อเห็นว่าพวกเขาพบหัวเสือแล้ว ฉินเหยากล่าวตรงๆ “หัวนี้ข้าจะนำกลับบ้าน ไม่ขายหรอก”
อย่างไรก็ไม่ได้กระทบกับการขายหนังเสืออยู่แล้ว
แต่ราคาย่อมถูกกดลงหน่อย เถ้าแก่ฟ่านจึงเสนอราคาที่เก้าสิบตำลึงเงิน
เมื่อไม่มีหัว ซากเสือที่เหลือมีเพียงเนื้อหนักสี่ร้อยแปดสิบกว่าจิน ส่วนกวางลายจุดก็หนักราวร้อยยี่สิบจิน เถ้าแก่ฟ่านคร้านจะจะชั่งน้ำหนัก เพราะอย่างไรก็เป็นเพียงของแถมติดไปกับเสือตัวนั้นเท่านั้น
เห็นฉินเหยาไม่ค่อยพอใจกับราคา เถ้าแก่ฟ่านก็หัวเราะฝืดฝืนพลางอธิบาย
“หากเจ้านำมาแต่เมื่อวานโพล้เพล้ ข้ายังสามารถเพิ่มราคาเนื้อให้ได้อยู่บ้าง แต่เจ้านำมาเป็นซากไร้หัวเช่นนี้ พวกข้าจะขายหนังเสือก็คงหาผู้ซื้อยากเข้าไปอีก”
ฉินเหยาไม่อยากพูดอะไรอีก หากไม่ใช่เพราะต้าหลาง เสือตัวนี้คงไม่ได้ถูกล่าด้วยซ้ำ
“เอาเถอะ เอาตามนี้แหละ ข้าจะช่วยพวกท่านยกเข้าไป”
เถ้าแก่ฟ่านกำชับด้วยความยินดี “อย่าลืมช่วยข้าถลกหนังออกให้ด้วยล่ะ”
พ่อครัวใหญ่พูดอย่างตื่นเต้น “ทำเสร็จแล้ว ข้าจะทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้พวกเจ้าสองแม่ลูกด้วยเลย เมื่อเช้ายังมีน้ำพะโล้เหลืออยู่พอดี นี่ใส่เครื่องเทศชั้นดีเชียวนะ ราคาแพงไม่น้อยเลย!”
ฉินเหยาตอบจากลานหลังบ้าน “ได้ อย่าลืมทำให้ข้าห้าชามด้วย ค่าชำแหละเสือ ข้าจะไม่คิดเงินแล้วกัน!”
พ่อครัวใหญ่ทำหน้าเคือง “เกือบลืมไปว่าเจ้ากินจุ”
พอหันกลับมาเห็นต้าหลางยังยืนอยู่หน้าประตูก็โบกมือเรียกให้เขาเข้ามาพร้อมปิดประตูหลังเพื่อไม่ให้โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามรู้ข่าว
วันนี้ พวกเขาจะทำให้ฝั่งตรงข้ามตั้งตัวไม่ทัน!
นี่คือเนื้อเสือเชียวนะ ในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ หลายสิบปียังไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้กินสักครั้ง
ฉินเหยาเปิดซากสัตว์ออก สั่งให้ศิษย์น้อยนำรถลากออกไป จากนั้นเดินเข้าครัวเลือกมีดที่ถนัดมือแล้วถลกหนังเสือออกมาอย่างสมบูรณ์
เห็นเถ้าแก่ฟ่านทำท่าจะหยิบไปทันที ฉินเหยานึกถึงหัวเสือของตนจึงรีบถามว่า “เถ้าแก่ฟ่าน พวกท่านส่งหนังไปให้ใครทำหรือ”
รู้ว่านางคิดจะทำอะไร เถ้าแก่ฟ่านจึงกวักมือเรียกต้าหลางที่นั่งยองๆ อยู่ริมประตูให้เข้ามาหา “เอาหัวเสือมาเถอะ ข้าจะให้คนทำไปพร้อมกันเลย ครั้งหน้าเจ้าเข้าเมืองก็ตรงมาหาข้าเพื่อรับไปได้เลย”
ฉินเหยาถาม “เท่าไหร่หรือ”
“ห้าร้อยเหวิน ข้าจะหักจากเงินที่ต้องจ่ายเจ้าแล้วกัน” พูดจบ เขาก็คว้าหนังเสือกับหัวเสือแล้วรีบเดินจากไป
จัดการกับหนังเสือผืนนี้เสร็จ เขายังต้องรีบเอาป้ายเชิญชวนว่ามีเนื้อเสือของวันนี้ออกไปแขวนอีก
ขณะที่ฉินเหยาจัดการซากสัตว์ ต้าหลางก็นั่งกอดเจ้ากระรอกน้อยอยู่ในลานหลังบ้านอย่างว่าง่าย
พอฉินเหยาทำเสร็จ พ่อครัวใหญ่ก็ยกบะหมี่เนื้อตุ๋นออกมาพอดี เป็นอ่างใหญ่หนึ่งอ่างพร้อมเรียก “รีบกินตอนร้อนๆ เถอะ!”
กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นอบอวลไปทั่วลานหลังบ้าน กลบกลิ่นคาวเลือดไปจนหมด หมูสามชั้นที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ถูกเคี่ยวในน้ำพะโล้จนมันวาวเป็นประกาย วางเรียงอยู่บนเส้นบะหมี่ขาว ตกแต่งด้วยต้นหอมซอย ให้สีสัน กลิ่น และรสชาติที่ลงตัว
ต้าหลางที่หิวจนท้องร้องมานานถึงกับตาลุกวาว
ฉินเหยาสีหน้าสงบ แต่มือกลับขยับว่องไว นางหยิบถ้วยดินเผาจากครัว ตักบะหมี่ให้ต้าหลางเต็มชาม “รีบกิน”
จากนั้นก็ยกอ่างบะหมี่ขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อย
ลานหลังบ้านเล็กๆ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของบะหมี่เนื้อตุ๋นและเสียงสูดเส้นบะหมี่ที่เต็มไปด้วยความสุข ของสองแม่ลูก
เมื่อทานบะหมี่หมด เถ้าแก่ฟ่านก็นำเงินมามอบให้ ถือเป็นการปิดฉากการเดินทางฝึกฝนของสองแม่ลูกลงอย่างสมบูรณ์
MANGA DISCUSSION