น้ำแกงหม้อหนึ่ง ฉินเหยาแบ่งออกเป็นห้าชามตามเคย ในชามของแต่ละคนมีไข่สามถึงสี่ชิ้น
เผือกถูกย่างไว้แล้ว ตอนทำอาหารก็ฝังไว้ในไฟล่วงหน้า เมื่อกับข้าวเสร็จ เผือกก็สุกพอดี
ผักเขียวที่เหลือจากเมื่อวานครึ่งกำมือ ฉินเหยาใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยผัดจนสุก ได้มาเป็นชามเล็กๆ แต่เขียวสดดูน่ากินมาก
อาหารที่มีน้ำมันและเกลือนั้นต่างออกไปจริงๆ เมื่อฉินเหยาพูดขึ้นว่า กินข้าวเถอะ ภายในห้องก็มีเพียงเสียงกินอาหาร ไม่มีเสียงอื่นอีก
เมื่อมื้อเย็นจบลง ต้าหลางก็เก็บชามและตะเกียบไปล้างจนสะอาดอย่างรู้งาน
ฉินเหยาขนเชือกหญ้าไปไว้ที่หน้าประตู อาศัยแสงจากคบไฟ สานรองเท้าฟางต่อ
เด็กๆ ในบ้านเลียคราบน้ำมันที่มุมปาก ช่วยกันทำสิ่งที่พวกตนสามารถทำได้ หวังว่าพรุ่งนี้จะได้กินอาหารดีๆ เช่นนี้อีก
ด้วยกำลังใจจากอาหาร ทุกคนจึงมีพลังทำงานเต็มเปี่ยม
เช้าตรู่ ฉินเหยาพาต้าหลางและเอ้อร์หลางขึ้นเขาไปตัดฟืนเพื่อเก็บสะสมไว้
ตอนเที่ยงนางอยู่บ้านสานรองเท้าฟาง พอตกบ่ายก็รอให้ชาวบ้านกลับจากงานในไร่แล้วนำรองเท้าฟางไปวางขายที่บ่อน้ำในหมู่บ้าน
สองวันถัดมา นางก็ไปที่เขาทางใต้เพียงลำพัง ขุดเผือกมาให้พอสำหรับสามวัน ที่เหลือก็ใช้เวลาไปกับการสานหรือขายรองเท้าฟาง
ลูกค้ากลุ่มแรกที่ซื้อรองเท้าฟางของฉินเหยาพบว่ารองเท้าของนางใส่สบายและทนทานจึงอยากซื้อเพิ่มให้คนในบ้าน แต่เพราะขนาดรองเท้าไม่พอดี พวกเขาจึงสั่งทำเพิ่ม
ด้วยแรงมือที่แข็งแรงของฉินเหยา เชือกที่นางสานจึงแน่นหนากว่าของคนทั่วไป และรองเท้าที่นางทำก็ใช้วัสดุมากกว่าจึงทนทานกว่า
พ่อค้าหาบเร่หลิวนำรองเท้าฟางสี่คู่ที่ฉินเหยาฝากขายไว้ไปขายในตัวเมือง มีชาวนาตาดีคนหนึ่งซื้อไปสองคู่ในทันที
รองเท้าคู่ละห้าเหวิน พ่อค้าหาบเร่หลิวได้กำไรครึ่งหนึ่ง คู่ที่เหลืออีกสองคู่เขาขายอย่างกระตือรือร้น ไม่นานก็ขายหมด
ยังมีคนซื้อไม่ได้ ถามเขาว่าเมื่อไหร่จะมาอีก พวกเขาเองก็อยากได้ด้วย
ดังนั้น ฉินเหยาจึงได้รับคำสั่งซื้อรองเท้าฟางเพิ่มอีกห้าคู่สำหรับบุรุษและสตรีจากพ่อค้าหาบเร่หลิว และได้รับเงินค่ารองเท้าสี่คู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งหมดเป็นสิบเหวิน
สองวันที่ผ่านมา การขายในหมู่บ้านก็ดีอยู่ ขายรองเท้าฟางไปได้สิบสองคู่ทั้งจากของพร้อมส่งและที่สั่งล่วงหน้า ได้กำไรมาสามสิบหกเหวิน
รวมกับสิบเหวินในครั้งนี้และอีกห้าเหวินที่เหลือจากก่อนหน้า ตอนนี้ฉินเหยามีเงินอยู่ในมือทั้งหมดห้าสิบเอ็ดเหรียญทองแดง
ห้าสิบเอ็ดเหรียญ ดูเหมือนจะไม่น้อยเลย แต่กลับซื้อผ้าห่มฝ้ายบางๆ สักผืนยังไม่ได้เลย
พ่อค้าหาบเร่หลิวเปิดเส้นทางการค้าได้สำเร็จ ฉินเหยาควรจะดีใจมาก แต่ความจริงคือ วัสดุที่เหลืออยู่ในมือนางตอนนี้พอแค่สำหรับทำรองเท้าตามคำสั่งซื้อสิบคู่นั้นเท่านั้น
ต้องส่งของก่อนแล้วค่อยรับเงินแล้วนางยังต้องรอให้พ่อค้าหาบเร่หลิวขายของได้ก่อนถึงจะชำระเงินให้นาง
จากหมู่บ้านตระกูลหลิวไปจนถึงเมืองจินสือที่ใกล้ที่สุด แม้เดินเท้าอย่างเร็วก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามสำหรับการไปกลับ หากนางนำของไปขายเองที่เมืองก็จะต้องเสียเวลาไปทั้งวัน
เมื่อชั่งน้ำหนักทั้งสองทางก็ทำได้เพียงยอมให้ผู้อื่นได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
หลังจากส่งพ่อค้าหาบเร่หลิวไปแล้ว ฉินเหยาก็แบ่งเงินหกเหวินส่งให้เอ้อร์หลาง “พ่อค้าหาบเร่หลิวกลับมาแล้ว เจ้าไปบ้านเขาซื้อข้าวกล้องมาสองจินนะ”
อาหารจะดีขึ้นอีกแล้วหรือ?!
สายตาของพี่น้องทั้งสี่มองมาพร้อมกัน เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เอ้อร์หลางรับเงินไปด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบวิ่งตรงไปยังบ้านพ่อค้าหาบเร่หลิว
“หยุดก่อน!” ฉินเหยาตะโกนเรียกไว้
หม้อดินยังไม่ได้เอาไป คิดจะใช้มืออุ้มข้าวกลับมาหรือไร
นางส่งสายตาให้ต้าหลาง ต้าหลางรีบหยิบหม้อดินสำหรับใส่น้ำใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้กับน้องชาย
ท้ายที่สุดเขายังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หันกลับไปมองฉินเหยาแล้วถามเสียงเบา “ท่านน้า ข้าขอไปกับเอ้อร์หลางด้วยได้หรือไม่”
ฉินเหยาโบกมือกล่าว “รีบไปรีบกลับ”
ซานหลางและซื่อเหนียงนั่งอยู่บนท่อนไม้ที่ฉินเหยาใช้ผ่าฟืน สองมือเท้าคาง มองตามแผ่นหลังของพี่ชายทั้งสองที่กำลังจากไปพร้อมเลียมุมปากอย่างเฝ้ารอ
พวกเขาสองคนอายุยังน้อย ดูแล้วตัวเล็กกว่าที่ควรจะเป็น ฉินเหยาไม่ให้พวกเขาทำงานก็เพื่อหวังจะเลี้ยงดูให้พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นบ้าง
หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย นางก็อยากดูแลต้าหลางและเอ้อร์หลางให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ เงื่อนไขในปัจจุบันไม่อำนวยเลย
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางต้องขอบคุณเจ้าตัวน้อยสองคนนี้ที่ช่วยเหลือนางจนไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกและไม่มีใครให้ปรึกษาเลย
ต้าหลางและเอ้อร์หลางซื้อข้าวกล้องเสร็จอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องรีบวิ่งกลับบ้านมาอย่างตื่นเต้น ช่วงสองสามวันที่ได้กินอิ่มเพราะฉินเหยา สีหน้าของพวกเขาจึงดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่หลิวไป่พาบุตรชายหลิวจินเป่ากลับมาจากนา เมื่อเห็นสองพี่น้องวิ่งสวนมาจึงแทบจำไม่ได้
เขาลองเรียกดูเบาๆ ว่า “ต้าหลาง เอ้อร์หลาง?”
สองพี่น้องหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมามอง เอ้อร์หลางถึงขั้นกอดหม้อดินในอ้อมแขนแน่นขึ้นด้วยท่าทีระแวดระวัง
เมื่อเห็นว่าเป็นท่านลุงใหญ่ ทั้งสองจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลิวไป่เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา อีกสองวันฝนจะตกแล้ว ข้าวสาลีในบ้านหว่านเสร็จหรือยัง”
สองพี่น้องไม่พูดอะไรสักคำ เพียงมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหลิวจินเป่าแล้วหันหลังวิ่งหนีไป
หลิวไป่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาอยากจะช่วยดูแลหลานที่น่าสงสารสองคนนี้ แต่พอเห็นท่าทีเงียบขรึมของทั้งสองก็รู้สึกเหมือนความพยายามช่างเปล่าประโยชน์จนพาลไม่สบอารมณ์ไปด้วย
ช่างเถอะ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ขนาดพ่อแท้ๆ ของพวกเขายังไม่ดูแลเลย
หลิวจินเป่าถามว่า “ท่านพ่อ พรุ่งนี้พวกเราไม่ต้องไปที่นาแล้วใช่ไหม”
หลิวไป่พยักหน้า “ไม่ต้องแล้ว หว่านเสร็จแล้ว หลังจากยุ่งมานานก็คงได้พักหายใจกันเสียที”
หลิวจินเป่าดีใจสุดขีด ในที่สุดก็ไม่ต้องลงนาแล้ว!
พ่อลูกช่วยกันทำงานในนามาทั้งวัน แม้ว่าหลิวจินเป่าจะเพียงช่วยหยิบจับ แต่กำลังหลักคือพ่อของเขา อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่ง นี่ก็ค่อนข้างใช้พลังงานไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งสองกลับมาบ้านด้วยท้องที่ร้องโครกคราก เหล่าสตรีในบ้านเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว พวกที่ไปยังนาอีกแปลงอย่างหลิวเหล่าฮั่น หลิวจ้งและหลิวเฝยเองก็กลับมาถึงพอดี ไม่พูดอะไรให้มากความ ครอบครัวใหญ่ก็หยิบชามข้าวขึ้นมาและเริ่มกินทันที
ขณะกำลังกินอยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเคาะ
เมื่อเห็นคนที่มา คนในตระกูลหลิวก็พากันตกตะลึง
ฉินเหยายืนอยู่ที่หน้าประตู นางดันต้าหลางและเอ้อร์หลางที่หลบอยู่ข้างหลังออกมาแล้วตบหลังพี่น้องทั้งสองเบาๆ “เรียกสิ”
พี่น้องทั้งสองจำต้องเอ่ยทักทายทุกคน ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่ ท่านลุงรอง ท่านป้ารอง ท่านอาเล็ก พี่จินเป่า น้องจินฮวา ล้วนถูกเรียกครบทุกคน
คนในตระกูลหลิวที่กำลังกินข้าวอยู่เพิ่งตั้งตัวได้ก็พากันลุกขึ้นพร้อมกัน
นางจางเอ่ยถามอย่างลังเล “ภรรยาเจ้าสาม พวกเจ้ากินข้าวแล้วหรือยังล่ะ”
ฉินเหยาตอบ “กินแล้วเจ้าค่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังขึ้น
ไม่ใช่มาขออาหารเย็นก็ดีแล้ว
ฉินเหยาใช้โอกาสนี้จำหน้าคนแปลกหน้าที่อยู่ในเรือนจนครบถ้วน
หญิงใบหน้ากลมร่างเตี้ยคือนางเหอพี่สะใภ้ใหญ่ หญิงใบหน้าเรียวร่างสูงคือนางชิวพี่สะใภ้รอง
ส่วนสตรีวัยกลางคนที่เพิ่งถามคำถามเมื่อครู่ คงเป็นนางจางแม่สามี
ฉินเหยาพาเด็กทั้งสองเดินเข้ามา ยิ้มให้ทุกคนที่โต๊ะอาหาร “พวกท่านกินต่อเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องสนใจข้า ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านพ่อท่านแม่หน่อย พูดเสร็จก็จะไปแล้ว”
สองผู้อาวุโสรู้สึกตื่นเต้นในใจ ภรรยาเจ้าสามในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าจะมายืมเงินไถ่ตัวคนแล้วหรือ
สองผู้อาวุโสแสร้งทำสีหน้าแปลกใจ ส่งสัญญาณให้คนในบ้านกินข้าวต่อแล้วเรียกฉินเหยาพร้อมเด็กสองคนเข้าไปในห้องโถง
แต่คาดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่ฉินเหยาพูดออกมากลับเป็น “ข้าอยากซื้อเมล็ดข้าวสาลีสองหมู่จากพวกท่านเจ้าค่ะ”
สองผู้อาวุโสถึงกับอึ้งไปพร้อมกัน เจ้าสามนี่ไม่คิดจะช่วยแล้วหรือ
MANGA DISCUSSION