ตอนที่ 100 ข้าจะนับถึงสาม
ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มกว่าฉินเหยาจะทำให้เด็กสี่คนที่เปรอะเปื้อนฝุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าสะอาดเรียบร้อย
บรรยากาศหม่นหมองจากการทะเลาะวิวาทจางหายไป เด็กทั้งสี่หัวเราะคิกคักวิ่งวนอยู่ในโถงบ้าน ฉินเหยาได้แต่นวดขมับ เริ่มรู้สึกปวดหูเพราะเสียงเจื้อยแจ้ว
ในลานบ้าน หลิวจี้อาบน้ำล้างหน้าสะอาดเรียบร้อย กำลังจะกลับเข้าห้อง
แต่พอหันหลังเตรียมก้าวเดิน ฉินเหยาก็เอ่ยเรียกเขาเอาไว้
“เอามา”
“อะไรหรือ” หลิวจี้ทำหน้าตาใสซื่อ
ฉินเหยาเอ่ยว่า “เงิน”
หลิวจี้ทำหน้างุนงง “เงินอะไรหรือ เมียจ๋า ข้ามีเงินที่ไหนกัน เงินก็อยู่ในมือเจ้าหมดแล้วไม่ใช่รึ”
ฉินเหยายกมือขึ้น ชูสามนิ้ว “ข้าจะนับถึงสาม หนึ่ง… สอง…”
“โธ่เอ๊ย! ข้าลืมไปเสียสนิทเลย!”
“นี่เป็นค่ายาที่หลิวฟาไฉจ่ายชดเชยให้ลูกๆ ของเรา ข้ากะจะเอาให้เมียจ๋าเก็บไว้อยู่แล้ว แต่พอกลับถึงบ้านก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด ถ้าเมียจ๋าไม่เตือน ข้าคงนึกไม่ออก”
ฉินเหยานับเหรียญในมือ มีเพียงสิบแปดเหรียญเท่านั้น นางหัวเราะเสียงเย็น เคาะนิ้วลงบนโต๊ะสองครั้ง
หลิวจี้จึงรีบล้วงไปในอกเสื้ออีกครั้ง สีหน้าดูยินดี “เอ๋? ยังมีอีกสองเหรียญร่วงอยู่ตรงนี้!”
รวมแล้วมีทั้งหมดยี่สิบเหรียญ เขาแบมือออกอย่างบริสุทธิ์ใจ มองฉินเหยาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “หมดแล้วจริงๆ หกเหวินไว้ซื้อลูกชู่จวีให้ลูกๆ สิบสี่เหวินเป็นค่ายา”
ฉินเหยาเงยหน้ามองเขา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง กล่าวด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า
“ยังมีอีกสิบเหวินเป็นค่าความเสียหายทางจิตใจ”
นางยืนอยู่หน้าศาลบรรพชนได้ยินชัดเจนทุกคำยังคิดจะเล่นตุกติกกับนางอีกหรือ เบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม!
หลิวจี้เบิกตาโต ทั้งๆ เขาพูดเรื่องเงินเบาเสียขนาดนั้น นางยืนอยู่นอกศาลบรรพชนได้ยินได้อย่างไร
“เมียจ๋า เจ้ามีหูทิพย์รึ” หลิวจี้ยิ้มแหยพลางพูดเอาใจ มือกุมอกแน่น หวังว่าจะรอดพ้นไปได้
ฉินเหยาลุกพรวดขึ้นมา หลิวจี้รีบยกมือขึ้นปิดหน้าทันที แต่สุดท้ายก็ป้องกันแค่ใบหน้าได้อย่างเดียว เงินที่ซุกอยู่ในอกเสื้อกลับถูกฉินเหยาล้วงออกมาจนหมด
ไม่เพียงแต่เสียเงินไป พอเขาตกใจลดมือลงหวังจะแย่งคืน ฉินเหยาก็ตบเข้าที่กะโหลกด้านหลังเขาเสียงดัง เพียะ!
หลิวจี้มองเห็นดาวระยิบระยับตรงหน้า โซเซไปสองสามก้าวก่อนร้องเสียงโหยหวน พิงข้างประตูก่อนทรุดลงไปกองกับพื้น นั่งมึนอยู่นาน
เจ็บ! เจ็บเกินไปแล้ว!
ฉินเหยาร้อยเหรียญเงินสามสิบเหวินเข้าด้วยกันก่อนยัดลงกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็พยักเพยิดคางส่งสัญญาณให้ต้าหลางและพี่น้อง เด็กๆ รีบเข้าแถวกลับห้องกันทันที ไม่มีใครกล้ามองพ่อแท้ๆ ของตนแม้แต่แวบเดียว
“ต้าหลาง เอ้อร์หลาง ซานหลาง ซื่อเหนียง!” หลิวจี้กุมศีรษะที่ยังมึนงงพยายามเรียกลูกๆ เอาไว้ แต่ไม่มีใครหันกลับมาสักคน
ฉินเหยาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ร้องอะไร หากไม่เห็นว่าเจ้าทำตัวดีวันนี้ ข้าคงจับเจ้าไปถ่วงน้ำให้ปลากินไปแล้ว! ลุกขึ้นไปดับไฟนอนได้แล้ว ขืนร้องอีกคำ ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง!”
หลิวจี้กัดปากแน่น รู้สึกน้อยใจเสียจนอยากตาย!
เห็นฉินเหยาเข้าห้องไปแล้ว หลิวจี้จึงค่อยกล้าบ่นเบาๆ “ฉินเหยา! เจ้าใช้กำลังแก้ปัญหา เจ้าทำผิด!”
แต่ไฟในห้องกลับดับลงทันที ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้แต่น้อย
หลิวจี้ชกอากาศไปทีหนึ่ง ขบกรามแน่นลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าอย่างหัวเสีย ก่อนเดินกลับห้องด้วยความไม่พอใจ
คืนนี้พอคิดถึงเงินสามสิบเหวินที่สูญไป เขาก็นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาจนถึงเช้า แถมยังต้องลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าอีก
“เนื้อ เนื้อ เนื้อ คิดแต่จะกินเนื้อทั้งวัน ทำไมเจ้าไม่กินให้ตายไปเลยเล่า…” เขาบ่นงึมงำไปพลาง สับเนื้อไปพลาง
เสียงขยับตัวจากห้องใหญ่ดังขึ้น ทันใดนั้นในห้องครัวก็เงียบกริบ เหลือเพียงเสียงฟืนแตกเปรี๊ยะๆ ในเตาไฟ
ฉินเหยาเปิดประตู เดินไปทางห้องครัวขณะใช้ผ้ามัดผมที่ไม่ยาวมากขึ้นเป็นหางม้าสูง
นางตักน้ำล้างหน้า พอเห็นโอ่งน้ำเกือบจะแห้งแล้วจึงกำชับว่า “อีกเดี๋ยวอย่าลืมเติมน้ำให้เต็มล่ะ”
ล้างหน้าเสร็จ นางก็หยิบไม้กวาดมากวาดฝุ่นในลานบ้านแล้วไปให้อาหารไก่ กลิ่นหอมของแป้งทอดไส้เนื้อลอยมาจากห้องครัว ฉินเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก “หอมจริงๆ~”
หลิวจี้ยกกล่องอาหารกลางวันที่เตรียมเอาไว้พร้อมกับแป้งทอดไส้เนื้อสองชิ้นออกมาให้ ฉินเหยากินเสร็จอย่างรวดเร็ว หยิบเครื่องมือกับอาหารกลางวันแล้วออกไปเริ่มงานของวัน
ตั้งแต่ขนหินไปจนถึงขัดหินให้เป็นโม่ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวันครึ่ง ตอนนี้แผ่นโม่หินทั้งหมดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้ฉินเหยาและสามพี่น้องหลิวไป่จะต้องขนแผ่นหินโม่ที่ขัดเสร็จและแผ่นหินบดไปส่งที่หมู่บ้านเซี่ยเหอล่วงหน้า
โม่หินนั้นหนักมาก สามคนช่วยกันแบกยังได้แค่คนละชิ้นต่อรอบ เครื่องโม่สองเครื่องมีหินสี่ชิ้น พอดีกับพวกฉินเหยาสี่คน คนละชิ้น แบกเพียงรอบเดียวก็ส่งถึงที่หมายได้
ขากลับ ทั้งสี่คนช่วยกันกลิ้งแผ่นบดหินที่มัดด้วยเชือกปอไปยังหมู่บ้านเซี่ยเหอ ใช้เวลาทั้งเช้า ในที่สุดภารกิจขนส่งก็เสร็จสมบูรณ์
โรงโม่ของหมู่บ้านเซี่ยเหอสร้างไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดคือการยกพื้นสูงซึ่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว โครงสร้างตั้งอยู่เหนือสระน้ำ มีเสาหินสูงหนึ่งเมตรสี่ต้นรอบด้าน ส่วนกลางที่ต้องเหยียบผ่านน้ำก็เสริมด้วยเสาไม้หลายต้น รับน้ำหนักได้ไม่มีปัญหา
หลังจากนัดหมายเวลากับหวังอวี่และพวกเกี่ยวกับการขนส่งและติดตั้งกังหันน้ำ ฉินเหยาก็นำพี่น้องหลิวไป่สามคนกลับหมู่บ้านตระกูลหลิว
นางจ่ายค่าจ้างให้ทั้งสามคนทันที รวมเวลาทำงานทั้งหมดแปดวัน คนละสามสิบห้าเหวินต่อวัน แต่ละคนได้ไปสองร้อยแปดสิบเหวิน รวมเป็นแปดร้อยสี่สิบเหวิน
พี่น้องหลิวไป่ถือเงินค่าจ้างอยู่ในมือ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเมื่อรวมกันแล้วจะได้เงินเยอะขนาดนี้
หากไม่ได้น้องสะใภ้สามยินดีให้งานพวกเขาทำ ปกติออกไปหางานรับจ้างระยะสั้นทำ ต่อให้ทำงานทั้งเดือนก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินเยอะขนาดนี้
หลิวไป่ชวนฉินเหยาไปกินข้าวที่บ้าน แต่นางโบกมือปฏิเสธ บอกว่ายังต้องไปหาช่างไม้หลิว ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
สามพี่น้องมองส่งฉินเหยาจากไปพลางกำเงินสองเฉียนกับอีกแปดสิบเหวินไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
แต่ไรมานางจางและหลิวเหล่าฮั่นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับค่าจ้างที่ได้มาจากงานรับจ้างระยะสั้นของพวกเขา เว้นแต่หลิวเฝยที่ยังไม่ได้แต่งงานจึงต้องนำเงินไปให้ ส่วนหลิวไป่และหลิวจ้งนั้นจะนำเงินทั้งหมดไปให้ภรรยาดูแล
นางเหอพอเห็นเงินก็ยิ้มแฉ่งจนหน้าบาน
นางชิวเองก็เช่นกัน นางยังตั้งครรภ์อยู่ เงินทองยิ่งขัดสน พอได้เงินกว่าสองเฉียนมาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นไม่น้อย
นางจางได้รับเงินค่าจ้างที่หลิวเฝยนำมาให้ก็ยิ้มแล้วนับแปดสิบเหวินแยกไว้ให้เขาเก็บไว้ซื้อของเองตามใจชอบ
หลิวเฝยรับเงินไปพร้อมรอยยิ้ม ยังมีความเป็นเด็กอยู่ไม่น้อย เขาหลอกล่อจินเป่ากับจินฮวา ก่อนพาพวกเขาไปซื้อขนมจากพ่อค้าหาบเร่หลิว
ยามเย็น นางจางไปซื้อลูกไก่ตัวเล็กห้าตัวจากบ้านยายหวังกลับมา ทั้งที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลอะไร แต่กลับเชือดแม่ไก่แก่ที่ไม่ออกไข่แล้วมาทำอาหารมื้อพิเศษให้ทุกคน
นางยังเหลือน้ำแกงไก่ตุ๋นข้นๆ ไว้หนึ่งชามให้นางชิว บอกให้นางดื่มเยอะๆ ดีต่อร่างกาย
นางเหอเห็นแล้ว แม้ในใจจะอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มออกมา เพราะตอนที่นางตั้งครรภ์ แม่สามีก็เคยเก็บอาหารดีๆ ไว้ให้ตนเช่นกัน
นางไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีอะไรให้กิน แค่กังวลว่าสองผู้เฒ่าจะลำเอียง แต่ตราบใดที่ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม นางก็ไม่มีอะไรจะพูด
นางชิวให้หลิวจ้งไปหยิบถ้วยเล็กมาอีกสองใบแล้วแบ่งน้ำแกงไก่ครึ่งหนึ่งให้เด็กสองคนในบ้าน
จินเป่าดีใจจนเนื้อเต้น ยกถ้วยขึ้นซดคำโต ก่อนหันมายิ้มแป้นให้มารดา “ท่านแม่ หากได้กินน้ำแกงไก่ทุกวันก็คงดี!”
นางเหอหัวเราะเบาๆ แล้วเคาะหัวเขาอย่างแผ่วเบา “เจ้าฝันไปเถอะ มีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว”
จินเป่ารับคำเสียงหนึ่ง จากนั้นก็จิบน้ำแกงไก่ที่เหลือทีละนิด ให้รสชาติหอมอร่อยอยู่กับเขานานขึ้นอีกหน่อย
MANGA DISCUSSION