บทที่ 92 จะเอามาเทียบกันได้ยังไง
การรินน้ำครั้งนี้ช่างยาวนานยิ่ง หลี่เฟยฮวานอนรออยู่บนเตียง รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แล่นริ้วอยู่บนแก้ม จนไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจว่าเขาจะหายไปนานเท่าใดแล้ว
หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไปอย่างน่าอาย ใจหนึ่งก็อยากจะย้อนเวลากลับไปได้ แต่คำพูดที่หลุดปากชวนหวงหมิงลู่ขึ้นเตียงไปแล้ว จะให้ทำยังไงได้
บรรยากาศในห้องคล้ายจะร้อนขึ้นภายใต้แสงเทียนสลัว หลี่เฟยฮวานอนมองเพดานอย่างเลิ่กลั่ก เห็นแต่จุดดำ ๆ วิ่งวนไปมาเต็มไปหมด ความง่วงที่เคยมีหายไปจนสิ้น
“หายใจเข้าลึก ๆ ท่องบทสวดสงบจิตสงบใจ” หลี่เฟยฮวาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมสติตัวเอง แต่ท่องได้เพียงสองสามบรรทัด หวงหมิงลู่ก็เดินถืออ่างน้ำเข้ามาเสียแล้ว
“ฉันรู้ว่าเธอรักสะอาด” หวงหมิงลู่พูดพลางวางแก้วน้ำลง ที่แท้เขาก็เตรียมพร้อม นำเอาแก้วน้ำติดมาด้วย
หวงหมิงลู่วางแก้วน้ำลงตรงหน้าหลี่เฟยฮวาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน “น้ำในกาอาจจะร้อนไปหน่อย ผมเลยผสมน้ำเย็นให้อุ่นพอดีแล้ว”
หลี่เฟยฮวาแอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใครจะไปคิดว่าคุณชายเย็นชาเช่นเขาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้
เอาเถอะ หิวน้ำจะแย่ เธอหยิบแก้วน้ำที่หวงหมิงลู่เป็นคนยื่นให้ขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเล
หวงหมิงลู่ยืนมองเงียบ ๆ จนกระทั่งเห็นว่าน้ำในแก้วลดลงไปจนเกือบหมด จึงค่อย ๆ หยิบแก้วไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง “ถ้ากลางดึกหิวน้ำอีก จะได้หยิบได้สะดวก นอนเถอะ”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้ารับเบา ๆ แปลกที่ครั้งนี้พอเห็นหวงหมิงลู่ขึ้นไปนอนบนเตียงอีกฝั่ง เธอกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับความกังวลที่เคยเกาะกินหัวใจอยู่ก่อนหน้าได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น
จะเป็นเพราะตื่นเต้นกับครั้งแรก แล้วเลยชินชาในครั้งที่สองหรือเปล่านะ? หลี่เฟยฮวาคิดวนไปเวียนมา แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลี่เฟยฮวาหลับสบายจนลืมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันใหม่ แต่พอหันไปมองคนข้าง ๆ ก็พบว่าหวงหมิงลู่ตื่นมานานแล้ว ไม่รู้กี่ชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
พอหลี่เฟยฮวาลุกขึ้นนั่ง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัว ทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
หลี่เฟยฮวากำลังปวดหัวคิดไม่ตกว่าจะออกไปเผชิญหน้ากับคนอื่นยังไงดี ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของเหอม่านชิงดังลอยมาจากหน้าประตู แถมยังดูเหมือนจะแอบนินทาเธออยู่ด้วย
“หวงหมิงลู่ นี่เคยเห็นลูกสะใภ้บ้านไหนขี้เกียจเท่าหลี่เฟยฮวาบ้างไหม ดูสิ นี่มันสายป่านนี้แล้ว คนอื่นเขาออกไปทำงาน ไปหาแต้มกันหมด เหลือแต่หล่อนคนเดียวนี่แหละ นอนตีพุงอยู่ได้ แล้วยังมีหน้ามาแย่งกินข้าวอีกเหรอ?”
โชคดีที่หวงหมิงลู่ออกโรงปกป้องเธอทัน “โถ่ แม่ครับ หลี่เฟยฮวาเขาเดินทางมาตั้งสองวัน นอนพักนานหน่อยก็ไม่แปลกหรอกครับ อีกอย่าง วันนี้หวงหมิงเจ๋อก็ยังไม่ตื่นเลย นี่ครับ”
เหมือนเหอม่านชิงจะติดอ่างเล็กน้อย ก่อนจะเถียงกลับอย่างรวดเร็วว่า “นั่นมันน้องชายแก! จะเอามาเทียบกันได้ยังไง!”
เสียงของเหอม่านชิงค่อย ๆ ห่างออกไป แต่ดูเหมือนหวงหมิงลู่จะแอบเถียงต่ออีกสองสามประโยค เสียดายที่หลี่เฟยฮวาฟังไม่ค่อยถนัดนัก
ประตูห้องถูกเปิดผ่างในเสี้ยววินาทีต่อมา หลี่เฟยฮวาก็เงยหน้าจากเตียงขึ้นมาเจอหน้าหวงหมิงลู่ที่ถือชามโจ๊กอุ่น ๆ กับหมั่นโถวน่าลิ้มลองมายั่วน้ำลาย
“ตื่นแล้วเหรอ” หวงหมิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงแฝงความแปลกใจ เห็นทีภรรยาคนสวยคงตื่นเพราะเสียงเอะอะของเขากับเหอม่านชิงแน่ ๆ
สายตาของหวงหมิงลู่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “อย่าไปถือสาคำพูดแม่ฉันเลยนะ พูดจาไม่ดีเอาซะเลย”
สิ่งที่ทำให้หลี่เฟยฮวาประทับใจคือหวงหมิงลู่ไม่เหมือนคนอื่น ตรงที่กล้าที่จะตำหนิแม่ตัวเองเวลาทำผิด ใครผิดว่าไปตามผิด ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก แค่โดนว่านิดหน่อยเอง ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด”
หวงหมิงลู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดว่า “แม่ไม่ชอบฉันน่ะ ก็เลยพาลไม่ชอบเธอไปด้วย วันนี้เราย้ายออกไปอยู่กันเองเลยดีไหม?”
หลี่เฟยฮวายังไม่ทันได้เอ่ยตอบ หวงหมิงลู่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เอาเป็นว่ามากินข้าวเช้าก่อนดีกว่า”
มื้อเช้าของบ้านหวงหมิงลู่ในสายตาของหลี่เฟยฮวานั้นเรียบง่ายเหลือเกิน มีเพียงโจ๊กจืด ๆ ชามเดียวกับหมั่นโถวนิ่ม ๆ อีกหนึ่งลูก เทียบกับอาหารการกินในหมู่บ้านครอบครัวทหารแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่เอาเถอะ หลี่เฟยฮวาไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องกินอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่อยากออกไปกินข้างนอก จึงตัดสินใจนั่งกินบนเตียงอย่างเงียบ ๆ
หวงหมิงลู่มองเห็นภรรยาที่ทานอาหารเช้าอย่างไม่ค่อยมีความสุข เลยเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “หรือว่า…ให้ฉันไปทอดไข่ให้สักฟองดีไหม?”
หวงหมิงลู่คิดถึงหมู่บ้านของตัวเองที่อยู่ไกลจากตัวเมืองลิบลับ หรือว่าพรุ่งนี้เขาควรจะลองแวะเข้าเมืองไปสักหน่อยดีไหม? เผื่อจะเจออะไรอร่อย ๆ ที่หลี่เฟยฮวาชอบ จะได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับมาแก้เลี่ยนเสียหน่อย
หลี่เฟยฮวาเอ่ยขึ้นทั้งที่ในมือยังถือหมั่นโถวอยู่ครึ่งลูก “ไม่ต้องหรอก ฉันอิ่มแล้ว”
หมั่นโถวไส้หวานนั่นชวนให้นึกถึงรสชาติหวานจืดจาง ไม่ใช่ความหวานละมุนของน้ำตาลทรายขาวคุณภาพดี ก็ยุคนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าน้ำตาลทรายขาวเป็นของหายาก ใครจะไปหาซื้อได้ง่าย ๆ แบบน้ำตาลเทียม
ถึงน้ำตาลเทียมจะให้รสหวาน แต่มันเทียบกับความหอมหวานละมุนละไมของน้ำตาลทรายขาวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
หวงหมิงลู่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เมื่อเห็นว่าหลี่เฟยฮวาทานเหลือ เขาก็จัดการหมั่นโถวที่เหลืออย่างรวดเร็ว
หวงหมิงลู่ทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ล้างจานเท่านั้น
ในวันนี้ หลี่เฟยฮวาแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เธอสวมชุดกระโปรงยาวชีฟองสีขาวบริสุทธิ์ ตัดกับเข็มขัดหนังนิ่มสีน้ำตาลที่รัดรอบเอวบาง ยิ่งขับให้รูปร่างของเธอดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลยิ่งนัก
หลี่เฟยฮวาเดินออกมาจากห้อง ก็เกือบจะชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องข้าง ๆ พอดี
สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน ในเสี้ยววินาทีนั้น บรรยากาศราวกับหยุดนิ่ง ทั้งหลี่เฟยฮวาและหวงหมิงเจ๋อก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
นี่มันอะไรกัน! หลี่เฟยฮวาไม่เคยคิดว่าการเจอหน้าน้องชายของสามีเป็นครั้งแรกจะเป็นแบบนี้ บ้านเขาก็ไม่ได้มีคนเยอะ แยกแยะง่ายอยู่แล้ว คนที่ออกมาจากห้องข้าง ๆ นอกจากน้องชายแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครได้อีก
แต่สายตาของหลี่เฟยฮวาค่อย ๆ มองลงไปด้านล่าง คิ้วเรียวของเธอขมวดมุ่นเข้าหากันทันที
ทำไมนายใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวล่ะ แล้วเสื้อล่ะ ช่วงนี้อากาศร้อนจัด ที่หมู่บ้านเธอก็มีคนแก่ชอบเปลือยอกโชว์พุงอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็อยู่ในบ้านตัวเองทั้งนั้น แล้วพี่สาวเขาก็โตเป็นสาวแล้วด้วย ไม่อายบ้างหรือไง?!
แต่งสิ่งที่ทำให้ทนไม่ไหวที่สุดก็คือสายตาแบบนั้น นายกำลังจ้องฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วแน่น ถามเสียงเข้ม “นายมองฉันทำไม”
หวงหมิงเจ๋อได้สติขึ้นมาทันที แต่สายตาเจ้ากรรมกลับจ้องเธอไม่วางตา
ไม่นานนัก เขาก็เริ่มประมวลผล และพูดอย่างติดอ่างว่า “เดี๋ยวก่อน…เธอ…เธอคือ…”
ทันใดนั้น ราวกับมีแสงสว่างวาบขึ้นในหัว เขาอุทานด้วยความตกใจ “เธอคือหลี่เฟยฮวา!”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ
“ใช่! พี่สะใภ้นายไง จะเป็นใครได้อีก?” เสียงเข้ม ๆ ของหวงหมิงลู่ดังขึ้นจากทางประตู
หวงหมิงเจ๋อหันขวับไป สีหน้าซีดเผือดลงฉับพลัน ริมฝีปากสั่นระริก “พี่…พี่รอง?”
หวงหมิงลู่มองน้องชายด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่รอง? ไม่แน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ? กล้าให้แม่มาขอเงิน แต่ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกพี่รองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?”
คำพูดของพี่ชายไม่เกรงใจน้องชายเลยสักนิด ทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริก พูดอะไรไม่ออก
แต่ดูเหมือนหวงหมิงลู่ยังไม่จบแค่นั้น สายตาคมกริบของเขากลับไปจับจ้องที่น้องชายอีกครั้ง
หวงหมิงเจ๋อที่ตัวสั่นเทา ก้มหน้าหลบคำต่อว่าทันที
“นายเป็นอะไรของนาย รีบไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!”
น้องชายแก้ตัวเสียงอ่อย “ผมแค่จะไปเข้าห้องน้ำ…”
แต่ดูเหมือนคำแก้ตัวจะไม่ช่วยอะไร หวงหมิงลู่ยังคงขมวดคิ้วแน่น “แล้วการไปเข้าห้องน้ำทำให้นายใส่เสื้อผ้าไม่ได้งั้นเหรอ!? อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบกว่าแล้วนะ ตื่นสายแล้วยังจะอายเรื่องอะไรอีก”
หวงหมิงเจ๋อได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงสักคำ
หลี่เฟยฮวาเพิ่งจะลืมตาตื่นอย่างเต็มตา ก็ได้ยินเสียงบ่นแผ่ว ๆ “หลี่เฟยฮวาก็เพิ่งตื่นเหมือนกันนี่?”
แหม…ประโยคคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินจากปากแม่ไม่มีผิด
หวงหมิงลู่เห็นท่าทางเอื่อยเฉื่อยของน้องชาย ก็อดดุไม่ได้
“ไปเทียบกับพี่สะใภ้นายได้ที่ไหน รีบไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้!”
หลี่เฟยฮวาได้แต่นิ่งอึ้งในใจ
นี่มันบทของแม่ชัด ๆ
MANGA DISCUSSION