บทที่ 81 โดนกรรโชกทรัพย์
เวลาหลายวันผ่านไป หลี่เฟยฮวาก็กลับเข้าสู่ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เธอตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนเรื่องอาหารการกิน หวงหมิงลู่ก็จะเป็นคนจัดการให้เสียส่วนใหญ่
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ หลี่เฟยฮวาสังเกตเห็นคือ ทุกครั้งที่หวงหมิงลู่กลับบ้าน เสื้อผ้าของเขาจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับผ่านสมรภูมิมาอย่างหนักหน่วง แม้จะไม่ได้เอ่ยถาม แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาทำงานหนักเกินไป
และแล้ววันส่งต้นฉบับงานแปลก็มาถึง เธอทำงานเสร็จตรงเวลาตามกำหนด นี่อาจเป็นงานแปลงานสุดท้ายของปีนี้ เพราะหลังจากนี้ไป ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
อู่เล่อเถียนรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก แต่ก็อดเสียดายไม่ได้
“ได้ยินเรื่องของคุณจากหลิวเฉิงกงมาบ้างแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ ฝีมือแปลของคุณเยี่ยมยอดมาก เล่มแรกก็ขายดิบขายดี ได้ยินมาว่ายอดขายก็ไม่เลว ถ้าแปลต่อไป อาจจะดังเป็นพลุแตกก็ได้”
อู่เล่อเถียนพูดไปบ่นไป แต่ลึก ๆ แล้ว เขาก็แค่อยากรั้งตัวหลี่เฟยฮวาเอาไว้ เพราะเธอถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งในวงการแปลวรรณกรรมเด็ก งานแปลเล่มแรกของเธอสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักพิมพ์อย่างมาก
หลี่เฟยฮวายิ้มบาง ๆ ให้กับความหวังดี เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้อำนวยการสำนักพิมพ์ดี จึงพูดปลอบใจ “อีกเดือนเดียวฉันก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คงไม่มีเวลาว่างมากนัก แต่ถ้ามีโอกาสฉันสัญญาว่าจะกลับมาร่วมงานด้วยอีกแน่นอนค่ะ”
เมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว ก็คงได้แต่ยอมปล่อยตัวไป “งั้นก็ตามนั้น ยินดีต้อนรับเสมอ!”
หลี่เฟยฮวาไม่เคยทำงานช้า ส่งต้นฉบับตรงเวลาเสมอ ทำให้อู่เล่อเถียนพอใจมาก จึงจ่ายเงินค่าจ้างอย่างไม่อั้น
หญิงสาวรับซองเงินมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอเปิดออกดูด้วยความสงสัย และก็ต้องตกตะลึง เมื่อข้างในอัดแน่นไปด้วยธนบัตรใบละสิบหยวน อย่างน้อยก็ต้องเป็นเงินหลายร้อยหยวน
“ทำไมเยอะจังคะ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็ฝีมือคุณมันสมราคาค่าตัวนี่ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นโบนัสพิเศษ” อู่เล่อเถียนยิ้มกว้าง
หลี่เฟยฮวายิ้มกว้าง เธอซาบซึ้งใจในตัวผู้อำนวยการสำนักพิมพ์อย่างมาก “ขอบคุณมากนะคะ ถ้ามีโอกาส ฉันจะกลับมาร่วมงานด้วยอีกแน่นอน”
อู่เล่อเถียนหัวเราะ “ได้เลย ยินดีต้อนรับ เสียดายจริง ๆ ที่ต้องปล่อยเพชรเม็ดงามแบบนี้ไป แต่ก็นะ เธอมีความสามารถรอบด้านขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เป็นนักแปลก็อาจจะประสบความสำเร็จในด้านอื่น ๆ มีชื่อเสียง มีคนติดตามมากมายแน่ ๆ”
เขาไม่คิดเลยว่า คำพูดของตัวเองในวันนั้นจะกลายเป็นจริงในอนาคต
หลี่เฟยฮวาเดินออกมาจากสำนักพิมพ์ด้วยความรู้สึกโล่งอก เธอมองซองเงินในมือด้วยแววตาเป็นประกาย 500 หยวน นี่มันมากกว่าเงินเดือนคนทั่วไปทั้งปีเสียอีก
เธออยากจะเอาเงินไปฝากในสมุดบัญชีของสามี แต่ดันลืมเอามาด้วย คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจจะเก็บไว้เป็นเงินสำรองส่วนตัว
แต่เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จ หลี่เฟยฮวาจึงซื้อเป็ดปักกิ่งกลับไปกินกับหวงหมิงลู่
เป็ดปักกิ่งที่นี่ขึ้นชื่อลือชา หนังกรอบ เนื้อนุ่ม ห่อกับต้นหอมและแตงกวา อร่อยล้ำเลิศกว่าอาหารใด ๆ ในโลก
เธอหมุนตัวเตรียมเดินไปที่ร้านของเกาเย่ซิง เพื่อซื้อเป็ดปักกิ่งครึ่งตัว กับกับข้าวอีกสองอย่าง
แต่ทันใดนั้น เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“นี่เธอ!”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปตามเสียง และก็ต้องพบกับสวี่เฟิงหลินกับฉือซินอี๋ คู่รักตัวแสบที่ตามราวีเธอไม่เลิก
ทั้งคู่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะสวี่เฟิงหลินที่จ้องมองซองเงินในมือเธอตาเป็นมัน
“มีอะไรรึเปล่า” หลี่เฟยฮวาถามเสียงเรียบ
“ฉันให้เธอเลือกเอา ระหว่างยอมจ่ายเงินให้ฉัน 5,000 หยวน กับปล่อยให้สามีของเธอรู้ความจริง” สวี่เฟิงหลินพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่
หลี่เฟยฮวายังคงนิ่งเงียบ แฟนเก่าของร่างเดิมที่เห็นดังนั้นจึงตอกย้ำ “เธอคงไม่อยากให้หวงหมิงลู่รู้เรื่องอดีตของเธอกับฉันหรอกนะ”
หลี่เฟยฮวานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ”
สวี่เฟิงหลินชะงัก ฉือซินอี๋ที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ รีบพูดขึ้น “ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอความจำเสื่อม จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้แล้ว”
หลี่เฟยฮวาหันไปมองอดีตเพื่อนรัก ก่อนจะพูดอย่างรู้ทัน “เลิกโกหกกันได้แล้ว”
ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างรู้ทัน พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันมาตลอด แต่ในเมื่อโดนจับได้แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป
ฉือซินอี๋กัดริมฝีปากแน่น วันนี้เธอแต่งตัวสวยหวาน ใส่ชุดเดรสสีขาวแขนยาว ถักเปียสองข้าง สวมที่คาดผมสีแดงลายจุด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่เฟยฮวากลับรู้สึกด้อยค่าอย่างประหลาด จึงพยายามรวบรวมสติ
“หลี่เฟยฮวา! อย่ามาใส่ร้ายคนอื่น ที่จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นคนตามตื๊อสวี่เฟิงหลินไม่เลิก!”
“ฉือซินอี๋ถ้าตอนนั้นเธอกับสวี่เฟิงหลินพูดความจริงกับฉันสักคำ ฉันคงไม่โง่ตามตื้อเขาแบบนั้นหรอก พวกเธอเห็นฉันเป็นต้นไม้ที่งอกใบเป็นเงินหรือไง?!”
แววตาหลี่เฟยฮวามืดครึ้ม “อยากได้เงินเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
พูดจบก็หมุนตัวเตรียมเดินหนี
“หลี่เฟยฮวา! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้อะไรเลย ฉันจะไปบอกหวงหมิงลู่เอง ว่าภรรยาแสนดีของเขา เคยตามตื๊อผู้ชายคนอื่นมาก่อน!” สวี่เฟิงหลินตะโกนไล่หลัง
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยสนใจชีวิตของเธอเลย แต่เพื่อเงินจึงยอมสืบประวัติของเธอ และก็ต้องตะลึง เมื่อรู้ว่าหวงหมิงลู่มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตในกองทัพ อายุแค่ 27 ปีก็ได้เป็นถึงผู้กองแล้ว คนแบบนี้ทั้งประเทศหาได้ยากมาก
สวี่เฟิงหลินอิจฉามาก ทำไมเธอถึงโชคดีแบบนี้ แม้แต่พ่อของเธอก็มีอำนาจ แถมยังหาสามีที่เพียบพร้อมขนาดนี้ได้
หลี่เฟยฮวาหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมาด้วยแววตาเย็นชา “แกต้องการอะไร”
สวี่เฟิงหลินยิ้มเยาะ เพราะมั่นใจมากว่าตัวเองจับจุดอ่อนของเธอได้แล้ว “5,000 หยวน”
หลี่เฟยฮวากัดริมฝีปากแน่น น้ำเสียงของเธออ่อนลง “ถ้าฉันให้เงิน 5,000 หยวน แกจะไม่บอกหวงหมิงลู่ใช่ไหม”
สวี่เฟิงหลินหัวใจเต้นแรงด้วยความดีใจ เขาพยักหน้ารัว ๆ “ใช่”
หลี่เฟยฮวาทำท่าทางเหมือนคนกำลังร้องไห้ เธอก้มหน้าพึมพำ “แต่ฉันไม่ได้เอาสมุดบัญชีธนาคารมา พรุ่งนี้ได้ไหม”
พอคิดว่าเงิน 5,000 หยวน ลอยอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตอบตกลง “ได้ พรุ่งนี้เช้า 10 โมง ฉันจะรออยู่ที่หน้าธนาคาร”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับแสร้งทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น สวี่เฟิงหลินไม่รอช้า รีบจูงมือฉือซินอี๋ออกไปทันที
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ทันทีที่ทั้งคู่ออกไป หลี่เฟยฮวาก็เงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ไม่ไกล
หลี่เฟยฮวาเดินเข้าสถานีตำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย สถานีตำรวจในยุค 70 ดูเก่าและหม่นหมองในสายตาของเธอ อาคารทรงสี่เหลี่ยมสีขาวซีดตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ธงแดงปลิวสะบัดอยู่หน้าอาคาร ประกาศถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่
ขณะที่เดินผ่านประตูไม้เก่าเข้ามา ความทรงจำของร่างเดิมก็ผุดขึ้นในความคิด
ภาพของหญิงสาวที่ถูกคนรักและเพื่อนสนิทหลอกลวง วันที่เธอมอบสินสอดให้สวี่เฟิงหลินด้วยความไว้ใจ เพียงเพื่อจะพบว่าเขาและฉือซินอี๋หายตัวไปพร้อมกับเงินทั้งหมด ความเจ็บปวดและอับอายที่ร่างเดิมต้องแบกรับทำให้หัวใจของหลี่เฟยฮวาหนักอึ้ง
ภายในสถานีตำรวจ กลิ่นหมึกและกระดาษอบอวลในอากาศ ผสมกับกลิ่นไม้เก่าของเฟอร์นิเจอร์ เสียงพิมพ์ดีดดังแผ่วเบาเป็นจังหวะ สลับกับเสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเป็นระยะ
บนผนังปูนสีขาวซีดมีโปสเตอร์รณรงค์และภาพผู้นำประเทศติดอยู่ ทุกอย่างสะท้อนความเคร่งขรึมของสถานที่ราชการในยุคนี้
“สวัสดีค่ะ ฉันมีเรื่องจะแจ้งความ” หลี่เฟยฮวาเอ่ยทักตำรวจหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้สีน้ำตาลเข้ม
“เชิญนั่งก่อนค่ะ” ตำรวจหญิงผายมือเชิญ รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าที่ผ่านประสบการณ์มามาก “มีเรื่องอะไรให้ช่วยคะ?”
“ฉันถูกข่มขู่กรรโชกทรัพย์ค่ะ” หลี่เฟยฮวาตอบ พลางล้วงกระเป๋าหยิบเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กออกมา
ตำรวจหญิงขมวดคิ้วมองเครื่องมือในมือหลี่เฟยฮวาด้วยความสนใจ “นั่นคือ…”
“เครื่องบันทึกเสียงค่ะ ฉันมีหลักฐานการข่มขู่บันทึกไว้” หลี่เฟยฮวาอธิบาย พลางนึกถึงวันที่ได้รับเครื่องบันทึกเสียงนี้มาจากผู้อำนวยการเหวินเทียน ตอนที่เธอทำงานในโครงการเครื่องบินรบล่องหน E-101
MANGA DISCUSSION