บทที่ 73 ความทรงจำเก่าที่พร่าเลือน
หลังจากที่ทั้งคู่ทานพออิ่มแล้วทั้งคู่ก็เดินเล่นกันในหมู่บ้านครอบครัวทหารอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น หวงหมิงลู่ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้หลี่เฟยฮวาจะไปซื้อเสื้อผ้า จึงรีบควักเงินในกระเป๋าออกมา
หลี่เฟยฮวาเห็นดังนั้นก็ตกใจ “คุณมีเงินเก็บส่วนตัวด้วยเหรอ?”
หวงหมิงลู่ชะงักไปเล็กน้อย ใบหูเริ่มแดงระเรื่อ รีบอธิบายเสียงเบา “เปล่าหรอก พอดีช่วงก่อนหน้านี้ฉันให้เพื่อนทหารยืมเงินไป พอดีพวกเขาเพิ่งเอาเงินมาคืนน่ะ”
หลี่เฟยฮวาไม่ได้พูดอะไร แต่แอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเบาลงกว่าเดิม ราวกับกำลังเขินอาย
“ฉันแค่หยอกคุณเล่นเองน่า” หลี่เฟยฮวา ทนเห็นท่าทีแบบนั้นไม่ไหว จึงหัวเราะออกมา “ปกติฉันไม่ค่อยได้ใช้เงินอะไร คุณจะให้ฉันทำไมกัน”
“ฉันก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน” หวงหมิงลู่ยังคงอธิบายต่อ ปกติเขาแทบไม่มีค่าใช้จ่าย อาหารการกินก็กินที่โรงอาหาร อีกอย่างเขายังได้รับเงินช่วยเหลือ พอคิดดูแล้ว แทบไม่มีอะไรต้องใช้เงินเลย
หลี่เฟยฮวารู้ดีว่าหวงหมิงลู่เป็นคนประหยัด เธอเหลือบมองเงินในมืออีกฝ่าย เห็นธนบัตรที่มีมูลค่ามากที่สุดคือใบละสองหยวน คาดว่าทั้งหมดน่าจะไม่เกินยี่สิบหยวน
“ไม่ต้องให้ฉันหรอก จริงๆ นะ หลังจากไปทำงานที่สถาบันวิจัย ผู้อำนวยการเหวินเทียนให้เงินเดือนฉันด้วยนะ มากกว่าตอนอยู่บริษัทแปลภาษาตั้งเยอะ”
จริง ๆ แล้วหวงหมิงลู่รู้เรื่องเงินเดือนของหลี่เฟยฮวาดี แต่เขาแค่อยากให้หญิงสาวใช้เงินก้อนนี้เท่านั้น
“เงินของเธอ เธอก็เอาไปใช้สิ เอาไปซื้อชุดสวยๆ ใส่เยอะๆ นะ” พูดจบหวงหมิงลู่ก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยลงเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นหลี่เฟยฮวา ใส่ชุดกระโปรงฤดูร้อนเลยสักครั้ง
เธอเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างดี แม้จะสูงแค่ร้อยหกสิบกว่า ๆ แต่ขายาวเอวคอด ถ้าได้ใส่ชุดกระโปรงคงจะสวยมากแน่ ๆ
เห็นหวงหมิงลู่ยืนกรานหลี่เฟยฮวาจึงตอบตกลง “งั้นฉันรับไว้ก็ได้”
หลี่เฟยฮวา แอบมองชายหนุ่มข้างกาย เห็นเขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่เธอตอบตกลง ทำให้เธออดขำไม่ได้ จึงแกล้งถามออกไป “แค่ฉันรับเงิน คุณก็ดีใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
หวงหมิงลู่พยักหน้ารับ แต่ก็ยังกำชับด้วยความเป็นห่วงว่า “แค่เธออย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็พอ”
เขายังจำเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อนได้ดี หลี่เฟยฮวาซื้อเสื้อผ้าไปเยอะ แล้วยังเอาจักรยานไปขายอีก แม้เรื่องสินสอดจะเป็นการตัดสินใจของหลี่เฟยฮวา เอง แต่การใช้เงินแบบนั้นก็ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
หลี่เฟยฮวาไม่ตอบอะไร แต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องเสื้อผ้าที่เธอซื้อไป พูดตามตรงว่ามันก็แพงอยู่เหมือนกัน แถมเธอยังซื้อมาเยอะมาก แต่หวงหมิงลู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังดูยินดีที่เธอจะใช้เงินซื้อของอีกต่างหาก
“แล้วก็… สมุดบัญชีเงินฝากฉันเก็บไว้ในตู้นะ ถ้าเธอต้องใช้เงินด่วนก็หยิบไปใช้ได้เลย” ปกติแล้ว หลี่เฟยฮวาไม่มีสมุดบัญชี เงินเดือนครึ่งหนึ่งเธอรับเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็ฝากไว้ในบัญชีของหวงหมิงลู่
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันใต้แสงไฟสลัวริมถนน เสียงจักจั่นร้องระงมคลอไปกับสายลมอ่อนๆ ราวกับโลกนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขา
หลี่เฟยฮวาเหลือบมองหวงหมิงลู่ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจมานาน “หวงหมิงลู่ คุณไม่อยากรู้บ้างเหรอ ว่าทำไมฉันถึงไปทำงานที่สถาบันวิจัยนั่น ทำไมถึง…”
ที่ผ่านมาเธอเล่าแค่เรื่องทั่ว ๆ ไปให้หวงหมิงลู่ฟังเท่านั้น ส่วนเรื่องงานวิจัย เธอไม่เคยเล่ารายละเอียดอะไร พอหวงหมิงลู่ได้ยินว่าเธอจะไปทำงานวิจัย เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก แค่บอกให้เธอรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีก็เท่านั้น
แต่ด้วยนิสัยของหวงหมิงลู่ เธอมั่นใจว่าเขาต้องสงสัยเรื่องนี้แน่ ๆ
ทันใดนั้นหวงหมิงลู่ก็หยุดเดิน หันมาเผชิญหน้ากับเธอ “เมื่อก่อนเธอเรียนเก่งมาก คนรอบข้างเธอก็ล้วนแต่เป็นคนเก่ง ๆ ตอนนั้นฉันเคยไปบ้านเธอ แต่เธออาจจะจำไม่ได้ ตอนนั้นเธอมัวแต่อ่านหนังสืออยู่ ดูเหมือนจะเป็นหนังสือฟิสิกส์เล่มหนา ๆ ”
“หา?” คราวนี้เป็นหลี่เฟยฮวา ที่ทำหน้าสงสัย
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอพยายามหาคำอธิบายเรื่องนี้ให้หวงหมิงลู่ มาโดยตลอด เธอเตรียมใจยอมรับความจริงทุกอย่างแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าหวงหมิงลู่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้
ในวินาทีนั้นเองเธอก็นึกขึ้นได้หวงหมิงลู่ พูดถึงตัวเธอในวัยเด็กซึ่งแตกต่างจากหลี่เฟยฮวา
ตัวจริงในช่วงสามปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลายโดยสิ้นเชิง
เมื่อคิดได้แบบนั้น หัวใจของเธอก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณหมายความว่า นิสัยของฉันเปลี่ยนไปมากงั้นเหรอ? แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”
หวงหมิงลู่เองก็ไม่คิดว่าหญิงสาวจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันไม่ค่อยได้เจอเธอ ส่วนใหญ่ที่ฉันไปกินข้าวบ้านเธอก็ไม่ค่อยเจอเธอหรอก”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วแน่น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวในอดีตของเจ้าของร่างเดิม แต่กลับไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำใดได้เลย มันเหมือนกับตอนที่เธอเพิ่งมาอยู่ในร่างนี้ใหม่ ๆ
เธอรู้แค่ว่าเจ้าของร่างเดิมเกเรจนคนในหมู่บ้านเอือมระอา ย้อนไปก่อนหน้านั้น เธอจำได้ลาง ๆ ว่าเจ้าของร่างเดิมถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ภาพเหล่านั้นก็ยังคงพร่าเลือน
“เป็นอะไรไป?”หวงหมิงลู่สังเกตเห็นสีหน้าของ หลี่เฟยฮวาไม่สู้ดีนักจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
หลี่เฟยฮวา ส่ายหน้า “เปล่าหรอก แค่รู้สึกแปลกๆ … ไปเถอะ กลับบ้านกัน” พูดจบเธอก็จับแขนเสื้อของหวงหมิงลู่ เดินกลับบ้านพัก
แม้จะเริ่มเข้าหน้าร้อนแล้ว แต่อากาศในยามค่ำคืนก็ยังคงเย็นสบาย บนถนนมีทหารมากมายเดินสวนกันไปมา บ้างก็เป็นคู่รัก บ้างก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่เดินโอบไหล่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
แต่ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้นหลี่เฟยฮวากับหวงหมิงลู่ ก็ยังคงโดดเด่นสะดุดตาหวงหมิงลู่มีรูปร่างสูงโปร่ง เกือบจะแตะหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมาก ใบหน้าคมคาย ดวงตาคมกริบราวกับพญาเหยี่ยว
แม้จะไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ
ส่วนหลี่เฟยฮวาก็ไม่ต้องพูดถึง เธอเป็นสาวสวยสะดุดตาจนภรรยาของทหารคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านไม่ค่อยชอบหน้าเธอ
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันราวกับคู่รักในจินตนาการหวงหมิงลู่ถูกหลี่เฟยฮวาดึงแขนเสื้อเดินไปเรื่อยๆ ดวงตาคมลึกมองนิ้วมือเรียวบางของภรรยาอย่างหลงใหล
…
เช้าวันใหม่ในอำเภอต้าชิงลมเย็นพัดโชยปลุกให้ หลี่เฟยฮวาตื่นขึ้นมาพบกับอาหารเช้าฝีมือหวงหมิงลู่ที่เตรียมไว้เสร็จสรรพ
หลี่เฟยฮวาสวมเสื้อคลุมตัวอุ่นเดินออกมาจากห้อง ยิ่งเห็นว่าเสี่ยวหลงเปาวางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาก็เป็นประกายวิบวับ
หลี่เฟยฮวาสวมเสื้อคลุมตัวอุ่นเดินออกมาจากห้อง ใบหน้าฉายแววสดใส เมื่อมองเห็นเสี่ยวหลงเปาที่วางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาก็เป็นประกายระยิบระยับทันที ราวกับเด็กน้อยที่ได้พบของโปรด
หวงหมิงลู่ยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาแอบสังเกตภรรยาของตัวเองมานาน จนรู้ใจดีว่าเธอชอบอะไรบ้าง วันนี้เขาถือถ้วยโจ๊กเดินมาวางที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ฉันซื้อมาจากโรงอาหาร แล้วนี่ก็โจ๊กที่ทำเอง หวังว่าจะถูกใจนะ”
หลี่เฟยฮวาหยิบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมากัดคำโต รสชาติของเนื้อหมูสับนุ่มละมุน ผสมกลมกลืนกับความเผ็ดร้อนจากพริกแดงสด ทำให้เธอแทบไม่อาจวางมือลงได้ จากนั้นจึงตักโจ๊กเข้าปากตามไปอีกคำ ความนุ่มละมุนของโจ๊กที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน สร้างความรู้สึกที่อบอุ่นและแปลกใหม่ในลิ้น
“อร่อยมากจริง ๆ ” หลี่เฟยฮวาพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข ทำให้หวงหมิงลู่ยิ่งรู้สึกพอใจที่เห็นภรรยามีความสุขเช่นนี้
MANGA DISCUSSION