บทที่ 71 ถูกจองตัว
เห็นท่าทางไม่มั่นใจของหลี่เฟยฮวา เหวินเทียนเลยให้กำลังใจ “ทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง ลองเอาคำแนะนำของผมไปคิดดูนะ การเข้ามหาวิทยาลัยจะทำให้ชีวิตคุณเปิดกว้างมากขึ้น”
เหวินเทียนนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวแต่งงานแล้ว เลยถามต่อ “หรือว่า… สามีคุณไม่ยอมให้คุณออกไปไหนรึเปล่า?”
หลี่เฟยฮวาทำหน้างง เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับหวงหมิงลู่ด้วยเนี่ย!
หลี่เฟยฮวารีบส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้วค่ะ ไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นอน”
เหวินเทียนหรี่ตามองหญิงสาวราวกับกำลังถามเธอว่า ‘แน่ใจนะ?’
หลี่เฟยฮวาอธิบายอย่างจนใจ “ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอกค่ะ”
ยุคนี้ แม้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่ในความเป็นจริง ภรรยาทหารหลายคนก็มีงานทำทั้งนั้น เพราะงานบ้านก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
ไม่ว่ายุคไหน ความรู้ก็เป็นต้นทุนที่ดีในการใช้ชีวิตเสมอ
หลี่เฟยฮวานึกถึงหวงหมิงลู่ ที่แม้ความคิดของเขาจะเชย ๆ ไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว ในฐานะสามีเขาก็ไม่ได้เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ทั่วไป
ถ้าเป็นเรื่องที่เธออยากทำหรือชอบ แม้จะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็จะยอมปล่อยให้เธอทำ
คิดได้ดังนั้นหลี่เฟยฮวาก็ยิ้มออกมา “ฉันจะทำตามคำแนะนำของท่านค่ะ แล้วปกติฉันจะได้กลับบ้านบ่อยแค่ไหนคะ?”
เหวินเทียนพยักหน้าเข้าใจ “บ่ายนี้คุณต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลอีกฉบับก่อน หลังจากนั้น ถ้าอยากกลับบ้านก็เขียนใบลาได้เลย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงใจดี
“ได้ค่ะ” หลี่เฟยฮวาตอบรับ ความโล่งใจฉายชัดบนใบหน้า “งั้นขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
เหวินเทียนไม่ได้รั้งตัวหญิงสาวไว้ เขาหันไปทางผู้ช่วย “เฉียนฟาน ช่วยพาคุณหลี่ไปที่ห้องพักที”
เฉียนฟานรับคำสั่งทันที “ได้ครับ สหายหลี่ เชิญทางนี้ครับ”
หลี่เฟยฮวาโค้งคำนับลาเหวินเทียนอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินตามเฉียนฟานไป
เมื่อมาถึงหน้าห้องพัก เฉียนฟานยื่นกุญแจให้เธอพร้อมกล่าว “นี่ครับกุญแจ วันนี้สหายหลี่เหนื่อยมากแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะครับ”
หลี่เฟยฮวารับกุญแจมาพร้อมกล่าวขอบคุณ เธอไขประตูเข้าไปในห้องพัก สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจ
ห้องพักเป็นแบบสตูดิโอขนาดกะทัดรัด แม้จะไม่มีครัว แต่ก็มีพื้นที่นั่งเล่นเล็ก ๆ และห้องน้ำในตัว ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครัน
หลี่เฟยฮวาล้มตัวลงบนเตียงทันที เพียงไม่นานเธอก็พล้อยหลับไป ราวกับน่างกายเตรียมตัวชารืตดาวน์อยู่แล้ว
หลี่เฟยฮวาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันทีที่เห็น เสียงถอนหายใจยาวสะท้อนความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน ไม่นานนักเธอก็ผล็อยหลับไป ราวกับร่างกายรอเวลานี้มาตลอด
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงเคาะประตูปลุกหลี่เฟยฮวาให้ตื่นขึ้น
“สหายหลี่ครับ” เสียงของผู้ช่วยดังขึ้น “ถึงเวลาแล้วครับ ทุกคนรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม”
หลี่เฟยฮวารีบลุกขึ้น ล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว และแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตามผู้ช่วยไปยังห้องประชุม
เมื่อเธอเข้าไปในห้อง สายตาของนักวิจัยทุกคนจับจ้องมาที่เธอ หลี่เฟยฮวารู้สึกถึงความกดดันที่ทวีคูณขึ้น แต่เธอพยายามสูดหายใจลึก ๆ และเดินไปยังหน้าห้องด้วยท่าทางมั่นใจ
“สวัสดีค่ะทุกคน” เธอเริ่มต้น พยายามทำให้เสียงของเธอฟังดูมั่นคง
“ขอบคุณที่มารอกันแต่เช้า วันนี้เราจะเริ่มต้นโครงการเครื่องบินรบล่องหนอย่างเป็นทางการ”
วิศวกรคนหนึ่งยกมือขึ้น “วัสดุพิเศษที่สหายหลี่บอกเมื่อวานคือชนิดไหนหรอครับ?”
หลี่เฟยฮวายังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงดังเซ็งแซ่ก็ดังขึ้น
“สหายหลี่ เมื่อวานที่พูดถึงเครื่องยนต์ระบายความร้อนนำมาไว้ตรงกลาง ตัวที่ใช้นำความร้อนพวกนั้น มันคืออะไรหรือครับ?”
“สหายหลี่ ผมจำได้ว่าเมื่อวานสหายพูดถึงรูปแบบเรดาร์…”
หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนหูจะดับ แต่ก็เข้าใจความตื่นเต้นของทุกคนดี เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ทุกคนคะ ฉันจะอธิบายหลักการทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด แต่วันนี้ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวมา เอาเป็นว่าวันนี้เราคุยกันเรื่องการออกแบบเครื่องบินรบล่องหนก่อน ที่เหลือ… รอให้ฉันรวบรวมข้อมูลแล้วทำเป็นเอกสารออกมาให้ ค่อยมาคุยกันละเอียดๆ อีกที ตกลงไหมคะ”
ไม่มีใครขัด แม้ในใจจะอยากฟังใจจะขาด
หลี่เฟยฮวาเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน จึงเริ่มอธิบายเนื้อหาที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
เธอเริ่มอธิบายถึงแนวคิดพื้นฐานของเทคโนโลยีล่องหน การลดการสะท้อนของคลื่นเรดาร์ และการใช้วัสดุพิเศษ นักวิจัยทุกคนฟังอย่างตั้งใจ และเริ่มจดบันทึก
“การลดการสะท้อนของคลื่นเรดาร์เป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้” เธอหยุดชั่วครู่ สายตากวาดมองนักวิจัยที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ
“และด้วยการใช้วัสดุพิเศษที่พวกเราพัฒนาขึ้น จะช่วยให้เครื่องบินรบของเราหลบพ้นจากการตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เสียงช็อคเขียนดังแผ่วเบาไปทั่วห้อง ขณะที่นักวิจัยทุกคนต่างจดบันทึกข้อมูลอย่างขะมักเขม้น
“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การสร้างเครื่องบินรบลำเดียว แต่รวมถึงระบบสอดแนมทางอากาศที่ไร้คนขับ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ลดความเสี่ยงต่อชีวิตนักบิน และเพิ่มความแม่นยำในการเก็บข้อมูลอีกด้วย”
ข้อมูลที่เธอนำเสนอในวันนี้นั้น ซับซ้อนและยิ่งใหญ่มาก เพราะมันไม่ใช่แค่การสร้างเครื่องบินรบเพียงลำเดียว แต่หมายถึงทั้งระบบของกองทัพอากาศเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเวลาก็เดินมาถึงห้าทุ่ม
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนนะคะ”
หลังจากที่หลี่เฟยฮวาเดินออกจากหน้ากระดานดำ เหล่านักวิจัยยังคงอยู่ประชุมกันต่อ เพื่อทบทวนเนื้อหาทั้งหมดของวันนี้อีกครั้ง
เหวินเทียนเดินเข้ามาหาเธอ “วันนี้คุณก็ยังทำให้ผมประหลาดใจอีกครั้ง”
รอยยิ้มอ่อนล้าปรากฏบนใบหน้าของหลี่เฟยฮวา “ขอบคุณค่ะ ท่านผู้อำนวยการ แต่ดิฉันคิดว่าตัวเองยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้” น้ำเสียงของเธอแฝงความถ่อมตัว
จู่ ๆ หลี่เฟยฮวาก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยกับเหวินเทียนทันที “ท่านผู้อำนวยการเหวินคะ” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย “จริงๆ แล้วสิ่งที่ดิฉันนำเสนอไปทั้งหมดนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้นะคะ ถ้าท่านมีข้อสงสัยตรงไหน เราสามารถมาถกกันได้”
เหวินเทียน พยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล “ตกลง”
เหวินเทียนยิ่งรู้จักก็ยิ่งปลื้ม ถึงขั้นอยากจะดึงตัวเข้าทำงานในสถาบันวิจัยแบบถาวรไปเลย แต่ติดตรงที่มันผิดกฎ แถมเขาก็อยากให้หลี่เฟยฮวาได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วย
“หลี่เฟยฮวา ฟังนะ เธอตั้งใจเรียนหนังสือ สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ให้ได้ พอเรียนจบปุ๊บ ฉันจะรีบดึงตัวเธอเข้าสถาบันวิจัยทันทีเลย”เหวินเทียน บอกอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้เหวินเทียนเห็นหลี่เฟยฮวาเป็นเหมือนเพชรเม็ดงามเลยล่ะ! ตอนแรกเขานึกว่าเธอมีดีแค่ทฤษฎี แต่ที่ไหนได้ ฝีมือการปฏิบัติก็ไม่ธรรมดา!
เหวินเทียนแอบเสียดายอยู่ในใจ ประเทศเรากำลังต้องการคนเก่ง ๆ แบบนี้อีกเยอะๆ
เขาเคยลองถามหลี่เฟยฮวานะว่าทฤษฎีล้ำ ๆ พวกนี้ใครเป็นคนสอน เธอตอบว่าได้เรียนรู้จากคนกลุ่มหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเขาบางคนก็ถูกส่งไปอยู่ชนบท บางคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว บางคนก็สติไม่ค่อยดี หลี่เฟยฮวาเลยได้แต่ถอนหายใจ ปล่อยเลยตามเลย
หลี่เฟยฮวาเองก็รู้สึกเคารพผู้อำนวยการเหวินเทียนมาก ๆ เขาพูดอะไรเธอก็เห็นด้วยไปหมด
“ท่านพูดแบบนี้แล้วฉันจะขัดได้ยังไงคะ อีกประมาณครึ่งเดือนงานของฉันก็เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ฉันขอกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมคะ?”
เหวินเทียนรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่ต้องปล่อยตัวหลี่เฟยฮวากลับเร็วขนาดนี้
หลี่เฟยฮวาเลยรีบอธิบาย “อากาศเริ่มร้อนแล้วค่ะ เสื้อผ้าที่เอามาก็เริ่มไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่?”
เหวินเทียนเลยยอมตกลง แต่ก็กำชับว่าให้รีบไปรีบกลับ กลัวหญิงสาวจะหายหัวไปซะก่อน
หลี่เฟยฮวาพูดกับเหวินเทียนอีกคู่หนึ่งก่อนจะขอตัวกลับห้องพัก เธอเดินกลับห้องพักด้วยความเหนื่อยล้า เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มใหม่ที่เพิ่งขอมาจากผู้ช่วยเฉียนฟานขึ้นมา ปากกาในมือเริ่มขีดเขียนประเด็นสำคัญที่จะต้องหารือกันในวันพรุ่งนี้
ตอนที่รู้สึกว่าขาเริ่มชาหลี่เฟยฮวาก็มองนาฬิกาที่ข้อมือ ปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่ง!
MANGA DISCUSSION