บทที่ 69 ฉันเก่งในการสร้างปาฏิหาริย์เสมอ
เฮนรี่ชะงักงัน คราวนี้เขาไม่ปิดบังการเยาะเย้ยอีกต่อไป “เธอคิดว่ามันเป็นไปได้งั้นเหรอ? ”
“ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะทำได้หรือไม่? แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันเก่งในการสร้างปาฏิหาริย์เสมอ”
แววตาสีอำพันของเฮนรี่สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “เธอเนี่ยนะ?”
เด็กสาวตรงหน้าดูเหมือนเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะแท้ ๆ แถมยังเป็นแค่ล่าม การจะทำให้เครื่องบินรบรุ่นใหม่ทดสอบบินสำเร็จภายในหนึ่งปีนั้น มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!
คนรอบข้างหลายคนพอจะเข้าใจภาษาดัตซ์อยู่บ้าง เลยพอจะจับใจความการสนทนาของทั้งคู่ได้คร่าว ๆ
เหวินเทียนเห็นท่าทางตึงเครียดของทั้งสองคน จึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “สหายหลี่ เขาพูดว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย หลี่เฟยฮวาก็ตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้เธอไม่ใช่อัจฉริยะด้านอุตสาหกรรมทหารที่โด่งดังเหมือนชาติก่อนแล้ว
ตอนนี้เธอเป็นแค่ล่ามธรรมดา ๆ ไม่มีสิทธิ์จะไปโต้เถียงกับใครตรง ๆ แบบชาติก่อนได้
เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่เหมาะสมออกไป หลี่เฟยฮวาก็ปรับสีหน้าเล็กน้อย
ในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยได้ยินชื่อผู้เชี่ยวชาญคนนี้มาก่อน นั่นหมายความว่าอีกหลายสิบปีข้างหน้าคน ๆ นี้อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
และเธอไม่คิดว่าจะมีประเทศไหนใจดีถึงขนาดยื่นมือเข้ามาช่วยสร้างเครื่องยนต์ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก
การมาของเฮนรี่ครั้งนี้ แถมจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เขามาเพื่อดูถูกพวกเธอก็เท่านั้น
หลี่เฟยฮวาสูญหายใจเข้าลึก ๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเหวินเทียนไป “ฉันแค่พนันกับคุณเฮนรี่ค่ะ”
เหวินเทียนได้ยินก็รู้สึกเหมือนจะคาดเดาอะไรได้บ้าง จึงถามขึ้น “พนันอะไรครับ?”
“ฉันบอกว่าอีกหนึ่งปี เครื่องบิน ‘E-101’ ลำนี้จะต้องบินขึ้นฟ้าได้ และภายในยี่สิบปีนี้จะไม่มีใครเทียบเราติดค่ะ”
เหวินเทียน “…”
แม้เขาจะพอรู้ว่าเฮนรี่ไม่ได้มาดี แต่เขาก็ไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะกล้าพูดแบบนี้ออกไป
สีหน้าของเหวินเทียนมืดครึ้มลงทันที แต่ต่อหน้าคนอื่น เขาไม่อยากทำให้หลี่เฟยฮวาเสียหน้า อีกอย่างเฮนรี่ดูถูกพวกเขาและประเทศชาติขนาดนี้ เขาทนไม่ได้หรอก!
เหวินเทียนพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหันไปสั่งผู้ช่วยข้าง ๆ “ไปส่งคุณเฮนรี่ที่สนามบิน”
เฮนรี่ไม่คิดว่าเหวินเทียนจะไล่ตะเพิดเขาออกไปง่าย ๆ แบบนั้นเลยพยายามอธิบายอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
หลี่เฟยฮวาก็แปลอย่างตั้งใจสุดความสามารถ แต่เนื้อหาที่แปลออกมานั้น กลับยิ่งทำให้สีหน้าของเหวินเทียนย่ำแย่ลงไปทุกที
เขาคิดผิดเองที่รู้สึกว่าหลี่เฟยฮวาพูดจาแบบนั้นกับเฮนรี่มันไม่เหมาะสมแต่ตอนนี้อาจจะเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วก็ได้
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญเยอรมันนี ถูกผู้ช่วยพาตัวออกไปแล้ว บนใบหน้าของเหวินเทียน เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของสหายทั้งหมดหรอก เพียงแต่เทคโนโลยีเครื่องบินของเรามันเทียบกับของอเมริกาไม่ได้ การจะใช้เวลาแค่ปีเดียวเพื่อวิจัยในสิ่งที่คนอื่นเขาใช้เวลาถึงยี่สิบปี แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกก็คงทำไม่ได้หรอก”
เทคโนโลยีที่นำหน้าคนอื่นถึง 20 ปี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันก็เป็นปัจจัยชี้ขาดอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่วิจัยเป็นเครื่องบินรบ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน งานวิจัยใด ๆ อาจส่งผลกระทบยาวนานถึงพัน ๆ ปี เหมือนกับวัตถุขนาดใหญ่ในตอนแรกที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ คุณค่าของมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ผลงานการค้นพบส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถ อีกส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา
ยิ่งปัจจุบันโลกหมุนเร็ว ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งพัฒนาไปไกล การจะไล่ตามให้ทันประเทศอื่น ๆ นั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าเทคโนโลยีหนึ่งจะสามารถนำหน้าคนอื่นได้มากถึงยี่สิบปี
สุดท้ายเหวินเทียนเห็นว่ายังเด็กและกำลังฮึกเหิม จึงได้แต่โบกมือเบา ๆ “คืนนี้สหายหลี่ก็พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปส่งกลับ”
อันจิ่วเม่ยชะงักไปเล็กน้อย เธอเข้าใจดีว่าผู้อำนวยการเหวินเทียนไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดอะไรกับเธอ
แต่สีหน้าเยาะเย้ยของเฮนรี่เมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ เธอจะสามารถทำงานวิจัยควบคู่กับการเรียนไปด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นซะแล้ว…
เธอมีความสามารถขนาดนี้ ทำไมต้องรออีกหลายปีด้วย?
“ผู้อำนวยการเหวินค่ะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับท่านนะคะ”
เหวินเทียนได้แต่หัวเราะออกมา ยกมือขึ้นตบบ่าหลี่เฟยฮวาเบา ๆ “ฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นกับเธอเหมือนกัน เครื่องบิน ‘E-101’ ที่พัฒนาขึ้นมานี้ ทำได้แค่ไล่ตามเทคโนโลยีของอเมริกาเท่านั้น ไม่มีทางก้าวข้ามไปได้หรอก เทคโนโลยีหลักของเครื่องยนต์มันอยู่ในมือพวกนั้น เราทำอะไรไม่ได้หรอก”
เขาเห็นหลี่เฟยฮวาเงียบไป เลยอธิบายต่อด้วยคำพูดที่เป็นกันเองมากขึ้ย “ผมรู้ว่าคุณหวังดี ผมไม่ได้ตำหนิคุณหรอกนะ”
หลี่เฟยฮวาเม้มปาก “เมื่อกี้ฉันใจร้อนไปหน่อยค่ะ…”
เหวินเทียนได้แต่โบกมืออย่างจนใจ
“แต่ทุกอย่างที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ เป็นความจริงทั้งหมด” น้ำเสียงของหลี่เฟยฮวาจริงจังขึ้นมา “ขอเพียงท่านเชื่อใจฉัน ฉันสามารถทำให้เครื่องบินรบของเราก้าวกระโดด ล้ำหน้าไปอีกยี่สิบปีได้”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไร หลี่เฟยฮวาก็พูดต่อ “ไม่ทราบว่าท่านรู้จักเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงงาน คุณโจวเฉิงไหมคะ?”
เหวินเทียนชะงักไป ก่อนจะพยักหน้า
“ท่านสามารถโทรศัพท์ไปถาม คุณโจวเฉิงได้เลยค่ะ เมื่อสองสามเดือนก่อน ฉันเพิ่งมอบแบบแปลนเครื่องสีข้าวให้คุณโจวเฉิงไป ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตอนนี้แบบแปลนนั้นคงจะวิจัยเสร็จแล้วและเริ่มทดลองผลิตแล้วล่ะค่ะ”
เหวินเทียนยังไม่ทันจะได้พูดอะไร หลี่เฟยฮวาก็พูดต่ออีก
“ฉันเชื่อว่าท่านคงให้คนไปสืบประวัติฉันมาแล้วใช่ไหมคะ? ท่านก็รู้ว่าพ่อของฉันมีตำแหน่งค่อนข้างสูงในกองทัพ พ่อของฉันมีเพื่อนมากมาย ตั้งแต่ที่ฉันเด็ก ๆ เพื่อนของพ่อฉัน มักจะมอบหนังสือให้ฉันอ่านเยอะแยะไปหมด”
“ตอนที่คนอื่นเขายังเรียนรู้แค่ตัวอักษร ฉันเริ่มเรียนสมการเคมีและปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์แล้วค่ะ แบบแปลนที่มอบให้คุณโจวเฉิง ฉันใช้เวลาทำมันแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น”
“ดังนั้นฉันหวังว่าท่านจะให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ให้ฉันได้…ชดเชยความผิดพลาดเมื่อครู่”
หลังจากหลี่เฟยฮวาพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
เหวินเทียนเป็นคนแรกที่ตั้งสติกลับมาได้ เขาได้สืบประวัติของหลี่เฟยฮวาจริง ๆ พ่อของเธอเป็นคนซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับงานมาตลอดชีวิต ท่านมีเพื่อนมากมาย แม้แต่ตัวเขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านผู้นั้น น่าเสียดายที่ท่านจากไปตั้งแต่หลี่เฟยฮวายังเด็ก
เขาไม่สงสัยในสิ่งที่หลี่เฟยฮวาพูดและยังรู้จักกับโจวเฉิงอีก…
เหวินเทียนไม่รอช้า รีบถามขึ้นทันที “คุณแก้ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ได้งั้นเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า “ได้ค่ะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
เหวินเทียนยิ่งสนใจหนักกว่าเดิม เขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้หลี่เฟยฮวาพูดต่อ
“E-101 อาจจะประสบความสำเร็จ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” เธอกวาดตามองผู้ฟังทุกคน “สิ่งที่ฉันจะทำคือก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งหมด ภายในยี่สิบปี ไม่มีประเทศใดจะตามทันเทคโนโลยีของเราได้”
เหวินเทียนยืนอยู่ด้านหลัง ความรู้สึกสับสนและประหลาดใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูธรรมดา แต่บางสิ่งในตัวเธอบ่งบอกถึงความพิเศษที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
เหวินเทียนเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สัญชาตญาณมันบอกเขาว่าหลี่เฟยฮวาอาจจะไม่ได้พูดเกินจริง เขาตัดสินใจเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมทันที
มาแล้ว 2 เรื่องใหม่จาก Huashanbook
เส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของเถ้าแก่เนี้ยตัวน้อยในยุค 80
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาแสนสวยของเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ในยุค 80
ฝากติดตามอ่านและเพจ Facebook : Huashanbook กันด้วยนะคะ
MANGA DISCUSSION