บทที่ 68 มาพนันกันไหม?
หวงหมิงลู่อายุไม่ถึงสามสิบ แต่กลับเป็นถึงผู้กองแล้ว
แล้วยังความสามารถของหลี่เฟยฮวาอีก…
เหวินเทียน รู้สึกทึ่งในใจ “สหายหวง วางใจได้ ผมจะดูแลเธอให้ดี และจะส่งเธอกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
หวงหมิงลู่พยักหน้ารับ
รถยนต์ค่อย ๆ แล่นออกไป ธงแดงโบกสะบัดตามลม สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ อยู่ไกล ๆ
หวงหมิงลู่ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่เดิมนานแค่ไหน จนกระทั่งรู้สึกปวดขา เขาก็ถอนหายใจ แล้วเดินกลับเข้าไปในค่าย
ในยามค่ำคืน รถยนต์สีดำหรูแล่นช้าๆ เข้าสู่ฐานลับแห่งหนึ่ง
หลี่เฟยฮวาหลับตาพิงเบาะรถเบา ๆ พักผ่อนเงียบ ๆ ในขณะที่เสียงของผู้ช่วยของเหวินเทียนดังขึ้นเบา ๆ จากที่นั่งข้างหน้า
“โชคดีจริง ๆ ที่สหายหลี่ ตามปกติแล้ว ฐานควรจะมีล่ามประจำการอยู่ตลอดเวลาครับ”
ผู้ช่วยอธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “แต่ว่าล่ามของฐานเราต้องไปธุระกะทันหัน และทางเราก็หาคนมาแทนไม่ได้ทันเวลา สำนักแปลหลายแห่งก็ยืนยันว่าไม่มีล่ามที่เชี่ยวชาญคำศัพท์เฉพาะด้านนี้ จนได้มาเจอสหายหลี่ เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ”
จากนั้นเขาก็อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่เธอจะต้องทำในครั้งนี้อย่างละเอียด
หลี่เฟยฮวาลืมตาฟังอย่างตั้งใจ เธอพอจะคาดเดาได้ว่า ต้องเจอสถานการณ์อะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา
“ผู้เชี่ยวชาญที่มาจากเนเธอร์แลนด์จะอยู่ที่นี่แค่สามวันก็ต้องกลับแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น หลี่เฟยฮวาก็เข้าใจทันที เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เหวินเทียนต้องรีบไปหาล่ามจากสำนักพิมพ์อย่างเร่งด่วน ถึงขนาดที่เมื่ออู่เล่อเถียนแนะนำเธอเสร็จ ก็พาเธอกลับมาที่ฐานเลย
ดูเหมือนจะเป็นการเร่งรัดให้ทำงาน เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ
หลี่เฟยฮวาคิดในใจ แต่ก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า
“คุณวางใจได้ ฉันจะแปลให้ดีที่สุดค่ะ”
พูดจบ รถก็จอดสนิทและดับเครื่องยนต์แล้ว
ทั้งสามคนก็ลงจากรถพร้อมกัน หลี่เฟยฮวามองไปรอบ ๆ ฐานมีประมาณ 3 ชั้น ที่ประตูใหญ่ทั้งสองข้างยังติดคู่ประพันธ์ต้อนรับวันตรุษจีน มีทหารยามสองนายถือปืนยืนเฝ้าอยู่
เธอเดินตามเหวินเทียนเข้าไป หลังจากเลี้ยวไปมาหลายครั้ง ในที่สุดก็มาถึงห้องขนาดประมาณพันกว่าตารางเมตร
หลี่เฟยฮวาเพิ่งเดินเข้าไปก็รู้ทันทีว่าทำไมบุคคลสำคัญอย่างเหวินเทียนต้องมาด้วยตัวเอง
เพราะตรงหน้าของหลี่เฟยฮวาคือเครื่องบินรบโลหะขนาดมหึมา!
เหวินเทียนสังเกตสายตาของหลี่เฟยฮวา เห็นเธอเพียงแค่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเหมือนไม่ได้ประหลาดใจมากนัก จึงคิดว่าหญิงสาวอาจจะไม่เข้าใจเรื่องเครื่องบินรบ
ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแนะนำว่า “ไม่เคยเห็นใช่ไหม? เครื่องบินลำนี้ยังไม่ได้วิจัยออกมา ถ้าวิจัยสำเร็จ กำลังของประเทศเราจะเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับเลยนะ”
พูดจบ เหวินเทียนก็ชูนิ้วสามนิ้วอย่างเงียบ ๆ เหมือนกำลังคุยเรื่องใหญ่
หลี่เฟยฮวาเห็นเหวินเทียนกำลังอวดก็แอบขำในใจ แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เครื่องบินตรงหน้านี้ก็ถือว่าพิเศษจริง ๆ โดยเฉพาะปืนกลที่ท้องเครื่องดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง
“เครื่องบินรบลำนี้ชื่ออะไร?” หลี่เฟยฮวาถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เหวินเทียนประหลาดใจเล็กน้อย แล้วยิ้มพลางหยิบเอกสารข้อตกลงมาจากผู้ช่วย “สหายหลี่อยากรู้งั้นเหรอ? แต่พวกเราต้องเซ็นสัญญารักษาความลับก่อนนะ”
‘เรื่องมากจริง’ หลี่เฟยฮวาได้แต่คิดในใจ
เธอก้มหน้ารับข้อตกลงรักษาความลับ เนื้อหาบนนั้นไม่แตกต่างจากที่เธอเคยเซ็นในชาติก่อนเลย เธอเซ็นชื่อตัวเองอย่างใจเย็น จากนั้นก็ฟังผู้ช่วยของเหวินเทียนอธิบายเนื้อหาบนนั้นอีกครั้ง
หลังจากฟังจบหลี่เฟยฮวา พยักหน้า “ฉันจำได้หมดแล้วค่ะ ฉันจะไม่เปิดเผยข้อมูลลับออกไปข้างนอก”
จริง ๆ แล้วหลี่เฟยฮวารู้ว่าแม้แต่การเป็นล่าม ก็ไม่ใช่ว่าใคร ๆ จะเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ ในช่วงที่เธออยู่ที่ฐาน หากตรวจพบว่ามีอะไรไม่ดี เธอก็จะถูกส่งกลับไปทันที
เหวินเทียนมองดูท่าทางสบายๆ ของ [นางเอก] ในฐาน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กสาวตรงหน้าดูเหมือนเกิดมาเพื่อที่นี่
“เครื่องบินรบลำนี้ชื่อว่า ‘E-101’มีระยะบินไกลกว่าเครื่องบินรบรุ่นก่อน และมีประสิทธิภาพในการสู้รบสูงกว่าด้วย”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า มองเครื่องบินขนาดใหญ่ในระยะไกลอย่างไม่ปิดบัง
ในความทรงจำของเธอไม่มีเครื่องบินรบ ‘E-101’ ลำนี้ปรากฏ ดังนั้นเครื่องบินลำนี้คงไม่ประสบความสำเร็จในการทดสอบบิน
หลี่เฟยฮวาคิดถึงตรงนี้ จึงถามขึ้นอย่างกะทันหัน “เครื่องบินลำนี้ยังพัฒนาไม่สำเร็จใช่ไหม?”
เหวินเทียนพยักหน้า “สหายพูดถูก เครื่องยนต์ของเรายังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากอเมริกา เทคโนโลยีประเทศเรายังไม่ได้พัฒนามากขนาดนั้น ดังนั้นเราจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญจากเนเธอร์แลนด์มา หวังว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้”
พูดจบ ชายต่างชาติสูงประมาณหนึ่งเมตรเก้าก็เดินมาทางนี้ ชายต่างชาติรูปร่างแข็งแรงมาก รอบริมฝีปากเต็มไปด้วยเคราสั้น ๆ ดวงตาสีอำพันจ้องมองมาที่ผู้อำนวยการเหวินเทียน
โชคดีที่ผู้แอำนวนการเหวินเทียนมีความสูงใกล้เคียงกับชายต่างชาติ ไม่เช่นนั้นคงถูกเปรียบเทียบจนเสียเปรียบแน่
“นี่คือคุณ เฮนรี่ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยอวกาศยุโรป เป็นคนเนเธอร์แลนด์”
ดวงตาของเฮนรี่กระตุก ไม่รู้ว่าเข้าใจที่เหวินเทียนพูดหรือไม่ แต่ หลี่เฟยฮวามองสายตาของอีกฝ่ายแล้วรู้ว่า ชายต่างชาติคนนี้ อาจไม่ได้มีความตั้งใจดีที่จะช่วยเหลือพวกเขาด้านเทคนิค
ด้วยมารยาทหลี่เฟยฮวา ก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอย่างเปิดเผย พูดเป็นภาษาดัตซ์อย่างคล่องแคล่วว่า “สวัสดี คุณเฮนรี่ ฉันชื่อหลี่เฟยฮวาเป็นล่ามภาษาดัตซ์ในครั้งนี้”
เฮนรี่ได้ยินหลี่เฟยฮวา พูดภาษาดัตซ์ได้อย่างคล่องแคล่วก็ตกตะลึงเล็กน้อย ราวกับไม่คิดว่าจะมีคนจีนที่สามารถพูดภาษาดัตซ์ได้คล่องแคล่วขนาดนี้
เขาถามอย่างไม่รู้ตัว “คุณเป็นคนเนเธอร์แลนด์หรือ? หรือว่าคุณเคยไปเรียนที่เนเธอร์แลนด์?”
หลี่เฟยฮวายิ้มพลางส่ายหัว “ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ ฉันเติบโตในประเทศจีนมาตลอด”
หลี่เฟยฮวาไม่อยากคุยนอกเรื่องกับเฮนรี่นานเกินไป จึงดึงกลับมาสู่ประเด็นหลัก แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องเครื่องยนต์ แววตาของอีกฝ่ายก็ฉายแววดูถูกออกมา
เขาพูดตรง ๆ ว่า “ขอโทษนะ ถึงฉันจะบอกวิธีการกับพวกคุณ ห้าปีพวกคุณก็ยังสร้างเครื่องบินลำนี้ไม่ได้หรอก”
พูดจบ เฮนรี่ก็ชี้ไปที่หัวของตัวเอง “พวกคุณคนจีน มีสมองที่คิดแบบตายตัวเกินไป”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ หลี่เฟยฮวาก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าหลี่เฟยฮวาพูดไม่กี่ประโยคก็หน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที เหวินเทียนก็รู้สึกใจหายวาบ คิดในใจว่าจะไม่ใช่ว่าเธอฟังไม่เข้าใจหรอกนะ
แต่ในข้อมูลระบุว่าหลี่เฟยฮวารู้หลายภาษาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นแล้ว
“เป็นอะไรไป?”เหวินเทียน ถามเสียงเบา
หลี่เฟยฮวาสูดหายใจลึก แล้วเล่าคำพูดเยาะเย้ยของเฮนรี่ ออกมาตามตรง
คราวนี้ไม่เพียงแต่หลี่เฟยฮวาที่สีหน้าไม่ดี แม้แต่เหวินเทียน และวิศวกรรอบข้างก็หน้าตาบึ้งตึงไปด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เหวินเทียนก็ยังกัดฟันพูดว่า “ถ้าห้าปีสร้างไม่ได้ เราก็ใช้เวลาสิบปี สักวันหนึ่งเราต้องสร้างได้แน่นอน!”
ประเทศจีนเคยเป็นประเทศที่แข็งแกร่งมาก่อน ดังนั้นสักวันหนึ่งพวกเขาจะกลับมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกอีกครั้ง โดยไม่มีใครกล้ารังแก
แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ ถึงแม้จะต้องเสียหน้า เขาก็จำเป็นต้องอดทน
หลี่เฟยฮวารู้ดีถึงความคิดของเหวินเทียน เธอกำมือแน่นแล้วแปล
แต่เฮนรี่ยังคงทำท่าไม่สนใจ แม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ เหมือนครั้งที่แล้ว แต่น้ำเสียงดูถูกก็ยังมีไม่น้อย เฮนรี่หมายความว่าให้พวกเขาซื้อเครื่องยนต์จากประเทศของตัวเอง และยืนยันอีกครั้งว่าพวกเขาไม่สามารถสร้างมันได้
เหวินเทียนไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่เขาเชิญมาจะเป็นแบบนี้ เขาโกรธจนตัวสั่น
ส่วนอีกฝ่ายยังคงทำท่าไม่แยแส
“เฮนรี่…เรามาพนันกัน!”
ในตอนนั้นหลี่เฟยฮวาพูดขึ้นทันที น้ำเสียงเย็นลงกว่าเดิมมาก
เฮนรี่หรี่ตามองไปที่หลี่เฟยฮวาโดยไม่รู้ตัว เด็กสาวคนนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ “อะไรนะ?”
“เรามาพนันกันไหมคะ ว่าเครื่องบินลำนี้จะทดสอบบินสำเร็จภายในหนึ่งปีและภายในยี่สิบปี จะไม่มีประเทศไหนในโลกสามารถไล่ตามเทคโนโลยีนี้ทัน”
MANGA DISCUSSION