บทที่ 59 หลบหนี
หวงหมิงลู่ได้ยินแบบนั้นก็ใจหายวาบ หลี่เฟยฮวาไปทำธุระพวกนี้ น่าจะกลับถึงบ้านทันเวลาสิ
ในใจของเขาเริ่มมีความคิดแย่ ๆ ผุดขึ้นมา แต่ก็พยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
เมื่อเทียบกับการเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาอยากจะเชื่อว่าภรรยาแค่ติดธุระ
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากวางสาย เขาก็ตัดสินใจที่จะขับรถออกไปตามหาเธอด้วยตัวเอง
รถทหารในค่ายทหารมีไม่น้อย ปกติถ้ามีธุระอะไรก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องไปบอกซุนหลงเหยาก่อน
หวังอวี่ชุนเห็นหวงหมิงลู่ตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก ตอนออกจากสำนักงาน หวงหมิงลู่รีบร้อนจนสะดุดขาตัวเอง
“หวงหมิงลู่ ฉันไปด้วย เมื่อกี้ฉันฝากจางอี้เฉินไว้แล้ว ถ้าหลี่เฟยฮวากลับมาก่อนสองทุ่ม ให้โทรไปที่สำนักงานของโรงสี”
หวงหมิงลู่ไม่ได้ปฏิเสธ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ในหัวกลับคิดอย่างเป็นระบบ
อู่ไฉวั่งบอกว่าหลี่เฟยฮวาออกจากโรงสีตอนบ่ายสองโมงครึ่ง เพื่อไปส่งต้นฉบับ แล้วก็ซื้อเนื้อ แต่ตามเวลาแล้ว ร้านสหกรณ์ตอนนั้นไม่น่าจะมีเนื้อขาย งั้นที่ที่ขายเนื้อได้ก็มีแค่ตลาดมืดเท่านั้น
สีหน้าของหวงหมิงลู่เปลี่ยนไป เขารัดเข็มขัดนิรภัย แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ระยะทางที่ปกติใช้เวลาเกือบห้าสิบนาที หวงหมิงลู่ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวก็มาถึง
พอเข้าเขตเมือง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เขาจอดรถแล้วเดินสำรวจไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอภรรยาสุดที่รัก
พอเดินไปเรื่อย ๆ สักพักเขาก็เห็นบางอย่างตกอยู่บนพื้น
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขาก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะสิ่งที่เห็นคือกระเป๋าใบเล็กที่คุ้นเคย
หวังอวี่ชุนที่เดินตามหลังมา ก็เห็นกระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้นหิมะเช่นกัน “นี่มันของหลี่เฟยฮวานี่”
บนกระเป๋ามีหิมะปกคลุมบาง ๆ ดูเหมือนว่าจะตกอยู่ที่นี่นานแล้ว และรอบ ๆ ยังมีกระดาษสีขาวตกกระจายอยู่ รวมถึงต้นฉบับภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งด้วย
พอเห็นแบบนั้น หัวใจของหวงหมิงลู่ก็พลันหล่นวูบ
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “รีบไปตามคนมา หลี่เฟยฮวาเกิดเรื่องแล้ว!”
หวังอวี่ชุนรู้ถึงความร้ายแรง จึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ไปเจอร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชที่ยังเปิดอยู่ เลยขอยืมโทรศัพท์ โทรตามคนมาช่วย
“หวงหมิงลู่ ฉันแจ้งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลี่เฟยฮวา… ต้องปลอดภัยแน่นอน”
หวังอวี่ชุนคิดว่าหวงหมิงลู่คงจะกังวลใจมาก แต่เขากลับได้ยินเสียงสั่นเครือของอีกฝ่าย “หวังอวี่ชุน เป็นเพราะฉันออกไปทำภารกิจแล้วสร้างศัตรูไว้เยอะ พวกมันเลยอยากจะแก้แค้น แล้วมาลงที่หลี่เฟยฮวาหรือเปล่า?”
หวังอวี่ชุนเพิ่งเห็นเพื่อนสนิทดูสิ้นหวังขนาดนี้เป็นครั้งแรก แต่ในสถานการณ์นั้น เขากลับใจเย็นกว่า แล้วรีบวิเคราะห์สถานการณ์
“หวงหมิงลู่ ใจเย็น ๆ ก่อน ของของหลี่เฟยฮวากระจัดกระจาย อาจไม่ได้หมายความว่าเธอโดนทำร้าย เธออาจจะถูกลักพาตัวไป หรือไม่ก็หนีไปเอง พวกเราอย่าเพิ่งตื่นตระหนกสิ”
หวงหมิงลู่พยายามสงบสติอารมณ์ “ถ้าหลี่เฟยฮวาหนีไปเอง เธอก็ต้องโทรมาขอความช่วยเหลือแล้ว”
นั่นหมายความว่า โอกาสที่หลี่เฟยฮวาจะถูกลักพาตัวไปมีสูงมาก แม้หวงหมิงลู่จะไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจเขากำลังวิเคราะห์อย่างหนัก
ถูกลักพาตัวไปแบบนี้ ในเวลาสั้น ๆ คงไม่ออกนอกเมือง และคงไม่กล้าพาไปที่พักแบบโจ่งแจ้ง “หวังอวี่ชุนนายไปตรวจสอบบ้านแถวนี้ ฉันจะโทรกลับไปที่ค่ายทหาร บอกให้พวกเขาช่วยตรวจสอบรถทุกคัน!”
ในเวลานี้ หวังอวี่ชุนไม่อาจซักถามอะไรได้มาก เขาอยู่กับหวงหมิงลู่มานานหลายปี ความเข้าใจกันโดยธรรมชาติก่อตัวขึ้นเป็นความเคยชิน
หวงหมิงลู่พูดจบ ก็รีบเดินไปยังตรอกซอยที่ดูทรุดโทรมข้างทาง
……
ในห้องอิฐเก่า ๆ ห้องหนึ่ง หลี่เฟยฮวาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงอึกทึกข้างนอกห้อง
มือและเท้าของเธอถูกมัดแน่นด้วยเชือก ใบหน้าด้านซ้ายยังคงแสบร้อนจากการถูกตบเมื่อสองชั่วโมงก่อน ตอนที่เธอพยายามดิ้นรนหนี
เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง มีเพียงเตียงง่าย ๆ ตัวหนึ่ง ข้าง ๆ มีโต๊ะเตี้ย ๆ และหน้าต่างเก่า ๆ ที่ดูเหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ
เสียงของชายฉกรรจ์สามคนดังมาจากด้านนอก พวกเขาดูเหมือนกำลังโต้เถียงอะไรบางอย่าง
“ตกลงกันไว้คนละหนึ่งร้อยไม่ใช่เหรอวะ ทำไมฉันได้แค่ห้าสิบ!” หนึ่งในนั้นพูดด้วยความไม่พอใจแต่เสียงเบา หลี่เฟยฮวาจึงได้ยินไม่ค่อยชัด
เธอพยายามตั้งใจฟังสถานการณ์ภายนอก ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ งอขา ใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อเท้าเพื่อหาตำแหน่งที่เชือกผูกอยู่
เมื่อสัมผัสได้ถึงปมเชือก เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เป็นปมธรรมดา สามารถแก้ได้
เชือกที่มัดเธอเป็นเชือกป่านธรรมดา หนาประมาณนิ้วโป้ง คาดว่าคนพวกนี้คงไม่เชี่ยวชาญเรื่องมัดเชือก
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นจากข้างนอก “อะไรกัน คนละหนึ่งร้อย! ฉันบอกว่าจะให้พวกนายรวมกันหนึ่งร้อยห้าสิบต่างหาก! ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร คืนเงินมา!”
“บ้าเอ๊ย! จับมัดมาขนาดนี้แล้ว จะให้ปล่อยก็ปล่อยเลยรึไง!”
พวกอันธพาลสบถคำหยาบคายออกมา แล้วเริ่มโต้เถียงกับผู้หญิงคนนั้น
แม้แต่คนหูตึงก็ยังได้ยินว่าเสียงผู้หญิงนั่นคือ ฉินลี่ลี่!
หลี่เฟยฮวากัดฟันแน่น มือของเธอถูกมัดไขว้หลัง ยากที่จะแก้เชือกออก แต่โชคดีที่เธอสัมผัสได้ถึงตำแหน่งปมเชือก เธอจึงค่อย ๆ แก้ทีละนิดอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าเสียงจะดังจนไปเข้าหูคนข้างนอก
ฮู้ว…
ในที่สุดมือของเธอก็เป็นอิสระ หลี่เฟยฮวาถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบแกะเชือกที่เท้าออกอย่างรวดเร็ว แล้วค่อย ๆ ลงจากเตียง
โชคดีที่ประตูปิดอยู่ พวกนั้นคงไม่เห็นว่าเธอตื่นแล้ว
หลังจากลงจากเตียง หลี่เฟยฮวาเดินไปที่หน้าต่างเก่า ๆ แล้วมองออกไปข้างนอก
สถานที่นี้น่าจะอยู่ใกล้ตลาดสด เพราะบ้านแถวนี้ทรุดโทรมมาก ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นคนแก่ที่ไม่มีญาติพี่น้อง
รอบข้างเงียบสงัด บนหลังคาบ้านยังคงมีน้ำแข็งเกาะเป็นแผ่นหนา เมื่อเปิดหน้าต่าง ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าของเธอ จนรู้สึกเจ็บจี๊ด
“ยังไงฉันก็ให้พวกนายราคานี้ เงินแค่นี้ก็พอให้พวกนายไปสนุกได้พักนึงแล้ว สำหรับเรื่องของหลี่เฟยฮวาน่ะ พอพวกนายเล่นสนุกแล้วก็ปล่อยเธอไปได้เลย วางใจเถอะ เธอไม่กล้าพูดอะไรออกไปหรอก…”
หลี่เฟยฮวา ชะโงกหน้าออกไปมองเห็นเงาร่างสองสามคนยืนอยู่
ถ้าเธอวิ่งออกไปตอนนี้ คนพวกนั้นต้องเห็นแน่ ๆ
แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าไม่ทำแบบนี้ เธอไม่มีทางหนีรอดไปได้ หลี่เฟยฮวาสูดหายใจลึก รวบรวมสติแล้วค่อย ๆ ผลักหน้าต่างออกอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางความเงียบที่น่ากดดัน ทุกวินาทีดูเหมือนยืดยาว
ทันใดนั้น เสียงของฉินลี่ลี่ก็ดังขึ้นจากอีกฟากของประตู “หลี่เฟยฮวาตื่นรึยัง? เข้าไปดูหน่อยสิ ฉันไม่ทำอะไรหรอก แค่อยากเห็นหน้าเธอ”
“ได้ ฉันเข้าไปดูให้” อีกเสียงหนึ่งตอบรับ
หัวใจของหลี่เฟยฮวาแทบหยุดเต้น ใจหายวาบทันทีที่ได้ยิน
แอ๊ด
เสียงบานประตูที่ค่อย ๆ ถูกเปิดออกทำให้เธอสะดุ้ง หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก
“ไม่ต้องห่วง ถึงตื่นขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเรามัดเธอไว้แน่นแล้ว…”
แอ๊ด
บานประตูถูกเปิดออกจนกว้าง สายตาของหลี่เฟยฮวาสบเข้ากับชายฉกรรจ์สามคนที่ยืนขวางอยู่ตรงประตู
“นังบ้าเอ้ย!” หนึ่งในอันธพาลคำรามด้วยความโกรธ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาหลี่เฟยฮวาอย่างดุดัน
แต่ก่อนที่มือหยาบกร้านจะสัมผัสตัวเธอ สัญชาตญาณของหลี่เฟยฮวาก็ทำงานทันที เธอพุ่งตัวไปที่หน้าต่าง กระโจนออกไปโดยไม่ลังเล
“ยืนโง่กันอยู่ทำไม! รีบไปจับมันเดี๋ยวนี้!” เสียงตวาดของชายหนุ่มที่พลาดจับหลี่เฟยฮวาไม่ทัน ดังก้องไปทั่วห้องด้วยความเกรี้ยวกราด
MANGA DISCUSSION