บทที่ 57 ลักพาตัว
โจวเฉิงโบกมือ “ไม่เป็นไร ๆ เเบบแปลนนี้เดี๋ยวจะมีทีมงานเฉพาะทางนำไปทดลองให้ครับ”
พูดจบสายตาก็เหลือบไปเห็นบรรทัดสุดท้ายในรายงาน ดวงตาของเขาวาววับ “เดี๋ยวก่อน!”
“หลี่เฟยฮวา คุณพูดจริงเหรอ ที่บอกว่าต้นทุนการผลิตจะลดลงถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับโรงสีชื่อดังอย่างโรงสีข้าวหงอวี้ และประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า”
โรงสีข้าวหงอวี้นำเข้าอุปกรณ์มาจากต่างประเทศทั้งหมดสามแสนหยวน ในขณะที่เครื่องจักรของอเมริกาตอนนี้ราคาสูงถึงสองแสนดอลลาร์
แต่แบบแปลนที่หญิงสาวออกแบบ มันล้ำหน้ากว่าของอเมริกา แถมต้นทุนการผลิตยังถูกกว่าหลายเท่าตัว
โจวเฉิงตื่นเต้นจนตัวสั่น เขามองหลี่เฟยฮวาราวกับเจอเพชรเม็ดงาม
“คุณ… คุณมีพรสวรรค์ขนาดนี้ ทำไมถึงอยากเป็นนักแปลล่ะ”
หลี่เฟยฮวาได้แต่ครางหึในใจ
ชาตินี้เธอไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก แค่บังเอิญข้ามเวลามาเฉย ๆ!
“ฉันเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ”
“คุณ…” โจวเฉิงอึ้งไป
“ตอนนี้การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเริ่มกลับมาอีกครั้ง ฉันตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วก็ทำวิจัยไปด้วยค่ะ”
โจวเฉิงเดาว่าหลี่เฟยฮวาน่าจะอายุยังน้อย แต่ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้
ไม่น่าเชื่อเลยว่าหญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย จะสามารถออกแบบแปลนที่แม้แต่เขายังต้องยอมรับ
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากเป็นนักแปล เขาก็แอบโล่งใจ
เขากลัวว่าประเทศจะสูญเสียอัจฉริยะแบบเธอไป
“ดีแล้วล่ะ การเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ดี จะได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่เก่ง ๆ อีกมาก” พอพูดจบ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่คุณช่วยอธิบายเรื่องการกำจัดฝุ่นสองครั้งให้ผมฟังหน่อยสิ”
หลี่เฟยฮวาได้แต่ถอนหายใจ
โจวเฉิงนี่กระหายความรู้อย่างกับฟองน้ำ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทำไมคนที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายถึงออกแบบแปลนแบบนี้ได้ สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแค่แบบแปลนตรงหน้าเท่านั้น
หลี่เฟยฮวาสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้ว่าวันนี้ถ้าไม่อธิบายให้กระจ่าง คงไม่ได้กลับบ้านแน่ “อุปกรณ์ส่วนใหญ่ในตอนนี้จะกรองฝุ่นแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเราแยกการกำจัดฝุ่นเป็นรอบ ๆ ก็จะสามารถใช้เทคนิคการกรองหลายครั้ง…”
เมื่อเข้าสู่โหมดการทำงาน เธอจะลืมความเหนื่อยล้าไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้แบบแปลนนี้จะเป็นแค่ของเล่นในสายตาเธอ แต่เธอก็ตั้งใจอธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
อู่ไฉวั่งเดินเข้าออกห้องหลายรอบ คอยเติมน้ำให้ทั้งสองคนตลอด จนกระทั่งหลี่เฟยฮวาดื่มน้ำหมดแก้วที่สาม เธอก็อธิบายจบพอดี
โจวเฉิงรู้สึกเหมือนตาสว่าง เขาตระหนักได้ทันทีว่าแบบแปลนนี้มีค่ามากแค่ไหน
ถ้าการวิจัยและพัฒนาสำเร็จ เทคโนโลยีของประเทศคงจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งตื่นเต้น “สหายหลี่เฟยฮวา ผมขอนำแบบแปลนนี้กลับไปก่อนนะ ส่วนเรื่องอื่น…”
“คุณโจวเฉิง ฉันตั้งใจจะมอบแบบแปลนนี้ให้กับประเทศค่ะ” หลี่เฟยฮวาพูดขัด
“ว่ายังไงนะ?” เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป จึงถามซ้ำอีกครั้ง อีกฝ่ายก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบเหมือนเดิม
ใบหน้าของโจวเฉิงแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เขามีความรู้สึกดีกับหลี่เฟยฮวาอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดนี้ ยิ่งทำให้ความรู้สึกในใจพุ่งทะยาน
หลังจากความตื่นเต้นผ่านไป โจวเฉิงก็แอบกังวลว่าหลี่เฟยฮวาอาจไม่เข้าใจคุณค่าของแบบแปลน จึงถามด้วยความระมัดระวังว่า “สหายหลี่เฟยฮวา คุณรู้ใช่ไหมว่าแบบแปลนนี้มีความหมายว่าอะไร”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า “ฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ฉันเต็มใจ”
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เธอเข้าใจดีว่าประเทศที่ล้าหลังย่อมถูกรังแก มีเพียงประเทศที่เข้มแข็งเท่านั้น ประชาชนจึงจะมีชีวิตอยู่อย่างสง่างาม
ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะมอบสิ่งที่เธอวาดและวิจัยให้กับประเทศโดยไม่คิดค่าตอบแทน
ในใจของเธอ มีความฝันที่จะเห็นประเทศชาติยิ่งใหญ่
โจวเฉิงได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นของอีกฝ่ายก็พยักหน้าด้วยความรู้สึกประทับใจ “ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่เกรงใจแล้ว ผมจะรีบดำเนินการเรื่องแบบแปลนให้เสร็จสิ้น ถึงแม้คุณจะมอบให้โดยไม่คิดค่าตอบแทน แต่พอกลับไปผมจะยื่นขอเงินรางวัลให้คุณแน่นอน”
เขาเข้าใจดีถึงคุณค่าของแบบแปลนนี้ แบบแปลนของหลี่เฟยฮวามีมูลค่ามหาศาล ถ้าเธอเลือกที่จะขาย ชาตินี้เธอก็ไม่ต้องทำอะไรอีกเลย ใช้ชีวิตอย่างหรูหราไปได้ชั่วชีวิต หรือใช้แบบแปลนนี้เพื่อเข้าสถาบันวิจัยชั้นนำก็ได้
แต่สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น
เขาตื่นเต้นและดีใจจนมือที่ถือแบบแปลนสั่นเล็กน้อย “สหายหลี่เฟยฮวา ปีนี้ตั้งใจสอบนะ พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี ๆ ให้ได้”
“ได้ค่ะ”
โจวเฉิงยังคงเอ่ยปากชมหลี่เฟยฮวาอีกหลายประโยค จนเธอรู้สึกเขินอายไปหมด
แต่เขาดูเหมือนจะยุ่งมาก ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำความเข้าใจแบบแปลน แม้จะอยากคุยกับหลี่เฟยฮวาอีกสักสองสามประโยค แต่ผู้คุ้มกันข้าง ๆ ก็บอกว่ายังมีกำหนดการอื่น ๆ อีก สุดท้ายเขาจึงจำใจต้องกล่าวลากับเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อู่ไฉวั่งตอนนี้ถือว่าหลี่เฟยฮวาเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะเธอเป็นคนที่เขาแนะนำมา ถ้าวันหนึ่งอุปกรณ์รุ่นใหม่ผลิตสำเร็จ แม้โจวเฉิงจะไม่ส่งให้เขาหนึ่งเครื่องเพื่อใช้เป็นสถานีทดลอง อย่างน้อยก็คงให้ส่วนลด ตอนนั้นเขาจะยอมขายทุกอย่างเพื่อแลกกับเครื่องใหม่สักเครื่อง
แม้เขาจะฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็สามารถจับประเด็นได้ว่า อุปกรณ์รุ่นใหม่มีระบบกำจัดฝุ่นสองขั้นตอน ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของคนงานได้อย่างมาก!
ดวงตาของอู่ไฉวั่งแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นกว่าโจวเฉิงเสียอีก เมื่อเห็นหลี่เฟยฮวาจะกลับ เขาก็เสนอจะขับรถไปส่งอีกครั้ง
หลี่เฟยฮวาส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะเถ้าแก่ ฉันยังต้องไปอีกหลายที่”
เธอต้องไปส่งงานแปล และแวะซื้อของอีกนิดหน่อย
อู่ไฉวั่งจึงได้แต่ส่งเธอไปถึงหน้าประตูโรงสี
หลี่เฟยฮวาคุ้นเคยกับเส้นทางกลับเป็นอย่างดี เพราะต้องมาที่นี่ทุกครึ่งเดือน หลังจากบอกลาอู่ไฉวั่งแล้วก็จากไป
เธอส่งต้นฉบับเหมือนครั้งที่แล้ว หลังจากออกมาก็ตั้งใจจะไปซื้อเนื้อหมูที่ร้านสหกรณ์ แต่ปรากฏว่าเนื้อหมูขายหมดไปนานแล้ว
เมื่อออกมาจากร้านสหกรณ์ เธอก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมง รถที่มารับพวกเขากลับบ้านจะออกเดินทางตอนสี่โมงเย็น เธอจึงตัดสินใจไปดูที่ตลาดเดิมอีกครั้ง
ตอนนี้ประเทศจีนเริ่มส่งเสริมให้ทำธุรกิจแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าลองสักเท่าไหร่
แต่อีกสองปีข้างหน้า คนที่ทยอยลงใต้จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วอีกสิบปีต่อมา ก็จะเกิดกระแสการหางานทำอีกครั้ง เจ้าของกิจการหลายคนในอนาคตก็ได้คว้าโอกาสเหล่านี้ แล้วประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
หลี่เฟยฮวาเดินไปคิดไป แต่จู่ ๆ ก็พบว่ามีคนหลายคนยืนอยู่ตรงหน้า
เธอหยุดเดิน ในดวงตาฉายแววระแวดระวัง ก่อนจะขยับไปด้านข้างเล็กน้อย ตั้งใจจะเดินอ้อมคนเหล่านั้น แต่พอเธอขยับ คนตรงหน้าก็ขยับตาม
หลี่เฟยฮวารู้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาหาเธอจริง ๆ
“พวกแกอยากทำอะไร”
คนที่ขวางทางหลี่เฟยฮวามีทั้งหมดสามคน ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นพวกอันธพาลตามท้องถนน
หลังจากข้ามมิติมา เธอไม่ได้ไปสร้างศัตรูกับใครมากนัก ดังนั้นจึงสงสัยคนที่อาจเป็นต้นเหตุได้ทันที
“พวกแกเป็นคนที่ฉินลี่ลี่ส่งมาใช่มั้ย?”
อันธพาลทั้งสามคนชัดเจนว่าตกใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ยัยนี่เดาได้ยังไง?
สายตาของอันธพาลทั้งสามคนไม่มีการแสร้งทำ หลี่เฟยฮวาจึงเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความแน่ใจ
เธอสงบสติอารมณ์ลง มองไปที่ทั้งสามคนด้วยสายตาเย็นเยียบ “ฉินลี่ลี่สั่งให้พวกแกมาทำอะไร ทำร้ายฉันหรือลักพาตัวฉัน? แล้วพวกแกรู้ไหมว่าถ้าฉันแจ้งความ ตำรวจไม่เพียงแต่จะจับฉินลี่ลี่ แต่จะจับพวกแกด้วย”
อันธพาลทั้งสามคนไม่ได้เรียนหนังสือมากนัก แต่ก็เคยเข้าออกโรงพักมาไม่น้อย
หลังจากกลัวชั่วครู่ หนึ่งในนั้นก็หัวเราะเยาะ “วางใจเถอะ ถึงตอนนั้นเธอคงไม่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแน่นอน”
MANGA DISCUSSION