บทที่ 40 เนื้อรมควัน
เธอรีบเก็บเอกสารแปลอย่างลวก ๆ แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยัดใส่มือ หวงหมิงลู่ “นี่โน้ตภาษาอังกฤษที่ฉันทำให้คุณนะ อ่านเยอะ ๆ ล่ะ ไม่งั้นฉันจะสอบ!”
หวงหมิงลู่มองดูโน้ตที่เขียนด้วยลายมือสวยงามของหลี่เฟยฮวาแล้วอมยิ้ม “ตกลง ขอบใจมาก ระวังตัวด้วยนะ”
ระหว่างทางกลับบ้าน หลี่เฟยฮวาเดินนำหน้าอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหนี ส่วนเหอม่านชิงและหวงมี่มี่เดินตามหลังพลางกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง ทำเอาหลี่เฟยฮวารู้สึกขนลุกไปหมด
หิมะที่ตกมาหลายวันทำให้ถนนเต็มไปด้วยน้ำแข็ง หลี่เฟยฮวาต้องเดินอย่างระมัดระวัง กว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลาเกือบสามสิบนาที
พอถึงบ้านก็เห็นกระเป๋าเดินทางของแม่ลูกคู่นั้นวางเกะกะอยู่ตรงประตู หลี่เฟยฮวาหันไปมองด้วยสายตา ‘จะให้ฉันขนให้งั้นเหรอ?’ แต่ทั้งสองคนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
หลี่เฟยฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้เหอม่านชิงและหวงมี่มี่ยืนงงอยู่ข้างนอก
เหอม่านชิงกำลังจะเปิดปากด่า แต่จู่ ๆ หลี่เฟยฮวาก็โผล่ออกมาจากบ้านอีกครั้งอย่างกะทันหัน ทำเอาทั้งสองคนสะดุ้งโหยง
หลี่เฟยฮวาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ “คุณแม่ขา หวงมี่มี่ ทำไมพวกคุณไม่เข้ามาล่ะคะ? มีอะไรหรือเปล่า?”
เหอม่านชิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
หลี่เฟยฮวาแสดงสีหน้าจริงใจจนน่าสงสัยว่าเธอกำลังแสดงละครหรือไม่
“หลี่เฟยฮวา แม่นั่งรถไฟมาทั้งวันเหนื่อยแย่แล้ว ทำไมลูกไม่ช่วยแม่ยกกระเป๋าเข้าไปล่ะจ๊ะ?” เหอม่านชิงพูดพลางส่งสายตาดุ ๆ
เหอม่านชิงอดไม่ได้ที่จะสอนต่อ “ต่อไปต้องรู้จักสังเกตสิ่งรอบตัวให้ดี ๆ นะลูก เข้าใจไหม?”
หลี่เฟยฮวาหัวเราะเยาะในใจ แต่แสดงสีหน้างงงวยราวกับเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
“โอ๊ะ! แม่ขา ก่อนหน้านี้ลูกสะใภ้ได้รับบาดเจ็บที่หัวน่ะค่ะ หมอสั่งห้ามทำงานหนัก ส่วนหวงมี่มี่ดูแข็งแรงมาตลอดทาง ให้น้องช่วยยกกระเป๋าพวกนี้เข้าไปดีกว่านะคะ”
หวงมี่มี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ยอมแพ้ “กระเป๋าแค่นี้เองนะ! เธอยกเข้าไปไม่ได้จริง ๆ เหรอ? จะมาหลอกผีหรือไง!”
เธอกับแม่แทบไม่ได้เอาอะไรมาด้วยเลย ที่ให้หลี่เฟยฮวายกเข้าไปก็แค่อยากจะสั่งสอนเท่านั้น
วันนี้ที่โรงพยาบาล น้ำที่เอามาให้ดื่มก็ถูกพี่ชายกับหลี่เฟยฮวาดื่มหมด แล้วตอนนี้จะมาบอกว่ายกของแค่นี้ไม่ไหว ใครจะเชื่อกัน? เห็น ๆ อยู่ว่าแค่ขี้เกียจ!
สองคนยืนเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร หลี่เฟยฮวาเห็นมีคนเดินผ่านมาก็รีบทำตาแดง ๆ ขึ้นมาทันที
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี มีคนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ หลี่เฟยฮวาหน้าตาสวย ส่วนเหอม่านชิงและหวงมี่มี่เป็นหน้าใหม่ ทำให้สายตาอยากรู้อยากเห็นจ้องมองมาทันที
สีหน้าของเหอม่านชิงไม่สู้ดีนัก แต่นึกถึงจุดประสงค์ที่มาครั้งนี้ เธอจึงต้องฝืนยิ้มแย้ม “หวงมี่มี่จ๋า แม่คิดผิดไปเอง ลูกแข็งแรง ช่วยยกกระเป๋าเข้าไปหน่อยนะลูก”
หลี่เฟยฮวาพูดเสียงสั่นเครือราวกับกำลังจะร้องไห้ “ขอบคุณแม่ที่เข้าใจค่ะ เมื่อกี้ฉันนึกว่าแม่จะมาข่มเหงลูกสะใภ้เสียอีก แม่วางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่โกรธน้องสาวหรอกนะคะ”
เหอม่านชิง “…”
หวงมี่มี่ลากกระเป๋าเข้าบ้านอย่างอืดอาด พลางกวาดตามองรอบ ๆ ด้วยสายตาอิจฉาริษยา
เธอพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า “โอ้โห พี่หวงหมิงลู่มีชีวิตหรูหราจังเลยนะเนี่ย ไม่เหมือนบ้านเราที่มีแต่ลมกับน้ำ”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วมุ่น “เอ๊ะ เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันได้ยินมาว่าน้องชายสองคนของเธอก็มีงานทำกันแล้วนี่นา พวกเขาส่งเงินกลับบ้านตรงเวลาทุกเดือนเลยไม่ใช่เหรอ รวมกับของน้องชายสองคน พ่อแม่น่าจะอยู่สบาย ๆ แล้วนะ”
พอพูดจบ หลี่เฟยฮวาก็เหลือบไปเห็นเนื้อรมควันในกระเป๋า ที่ดูเหมือนจะถูกรมจนไหม้เกรียม
แม้เธอจะไม่ใช่เชฟระดับมิชลิน แต่เนื้อรมควันนั่นดูไม่น่ากินเอาซะเลย ต่างจากที่เธอเคยเห็นในหมู่บ้านลิบลับ
เหอม่านชิงสังเกตเห็นหลี่เฟยฮวาจ้องมองเนื้อในกระเป๋า จึงรีบคว้าออกมาพร้อมกับพูดว่า “นี่ไง แม่ตั้งใจเอามาจากบ้านเกิดให้พวกเธอสองคนโดยเฉพาะเชียวนะ คนที่บ้านยังไม่กล้าแตะต้องเลย!”
ว่าแล้วเหอม่านชิงก็หยิบเนื้อรมควันทั้งหมดออกมาจากถุงอย่างภาคภูมิใจ
หลี่เฟยฮวามองดูอย่างพินิจพิเคราะห์ เนื้อรมควันพวกนี้มีประมาณสามกิโลกรัม สีดำเหมือนถ่าน บางชิ้นยังเป็นเนื้อต่อมน้ำเหลืองอีกต่างหาก
‘ยังกล้าบอกว่าตั้งใจเอามาให้อีกเหรอเนี่ย?’ หลี่เฟยฮวาคิดในใจ
แม้จะมีความสงสัยมากมายในใจ แต่หลี่เฟยฮวารู้ดีว่าเหอม่านชิงอาจจะมีอคติต่อเธอ ไม่ใช่แค่เพราะตัวเธอ แต่ยังเพราะหวงหมิงลู่ด้วย
เธอจึงยังคงรักษารอยยิ้มไว้ “โอ้โห แม่ใจดีจังเลยค่ะ งั้นคืนนี้ฉันจะทำเป็นอาหารให้แม่กับน้องสาวได้ลองชิมกันนะคะ”
หลี่เฟยฮวาพูดพลางยิ้มหวานซึ้งราวกับนางฟ้ามาโปรด
“แม่ต้องกินเยอะ ๆ นะคะ ไม่ต้องเกรงใจเลย”
“หวงมี่มี่ก็เหมือนกันนะ กินให้เต็มที่เลย อย่าได้เกรงใจ!”
สองคนนั้นได้แต่ยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหอม่านชิงเกือบจะแตกออก “เธอกับหมิงลู่กินกันเองเถอะ พวกเรากินอะไรก็ได้ ไม่เป็นไร”
เธอพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ใจจริงอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
แต่หลี่เฟยฮวาไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอตะโกนเสียงดังลั่น “ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ! พวกคุณมาเมืองหลวงทั้งทีไม่ง่ายเลย หวงหมิงลู่ก็เข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นลูกสะใภ้ต้องเอาของดีที่สุดมาให้แม่กับน้องสาวสิคะ ไม่งั้นจะเรียกว่าลูกสะใภ้ที่ดีได้ยังไง!”
เหอม่านชิงตกใจจนแทบกระโดดขึ้นเพดาน มุมปากกระตุกถี่ยิบ แต่ไม่มีโอกาสปฏิเสธเลยสักนิด
ในตอนนั้น จางอี้เฉินที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงโวยวายจึงรีบถือปิ่นโตมาดู เธอเห็นเหอม่านชิงและหวงมี่มี่แล้วรู้สึกงง ๆ
เมื่อเข้าบ้านมาก็วางปิ่นโตลงบนโต๊ะแล้วพูดอย่างภูมิใจ “วันนี้ฉันตั้งใจต้มซุปสุดพิเศษมาให้หวงหมิงลู่บำรุงร่างกาย รับรองว่าอร่อยจนต้องเลียชาม!”
พอพูดจบ จางอี้เฉินก็หยุดชะงัก สายตาจับจ้องไปที่เนื้อเน่าสามกิโลนั้นราวกับเห็นผี “หลี่เฟยฮวา เนื้อรมควันนี่เธอซื้อมาจากไหน เป็นเนื้อต่อมน้ำเหลืองทั้งนั้นเลย เธออย่าได้กินเชียวนะ ไม่งั้นท้องจะระเบิด!”
แม้ว่าปกติพวกเขาจะมีโอกาสกินเนื้อน้อย แต่สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ดีกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนหลายเท่า เนื้อชิ้นนี้ดูแล้วคุณภาพแย่จนน่าใจหาย หลี่เฟยฮวาก็เป็นคนเลือกกินด้วย คงไม่ใช่ว่าโดนหลอกตอนซื้อเนื้อหรอกนะ? หรือว่าเธอกำลังวางแผนฆาตกรรมหมู่?
จางอี้เฉินไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนทำให้แม่ลูกตระกูลหวงที่อยู่ข้างหลี่เฟยฮวารู้สึกอึดอัดใจจนอยากจะมุดหายไปใต้พื้นดิน
หลี่เฟยฮวาพยายามกลั้นหัวเราะ “พี่อี้เฉิน นี่เป็นเนื้อที่แม่ของหวงหมิงลู่ตั้งใจนำมาจากชนบทนะคะ เป็นของขวัญล้ำค่าเลยล่ะ!”
จางอี้เฉินได้ยินดังนั้น จึงเหลือบมองสองแม่ลูก ชั่วขณะหนึ่งอยากพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด ราวกับมีอะไรติดคอ
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าหลี่เฟยฮวาปากจัดเกินไป แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้ช่างซื่อเหลือเกิน ซื่อจนน่าสงสาร นี่มันไม่ใช่ตั้งใจนำมาหรอก ชัดเจนว่าเป็นของที่เขาไม่ต้องการแล้วเอามาให้ต่างหาก แถมยังเป็นของเน่า ๆ อีก!
คงเป็นเพราะหลี่เฟยฮวาไม่รู้จักของพวกนี้ หรือไม่ก็ถูกหลอกจนโง่งมไปแล้ว
จางอี้เฉินนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว หากพูดตรง ๆ อาจทำให้คนไม่พอใจได้
เธอกำลังคิดว่าจะหาโอกาสบอกหลี่เฟยฮวาเป็นการส่วนตัว แต่อีกฝ่ายกลับหันมาส่งห่อเนื้อต่อมน้ำเหลืองให้
“พี่อี้เฉิน เนื้อพวกนี้แม่สามีเสียดาย ถึงได้เอามาให้พวกเรา ฉันเป็นลูกสะใภ้จะกินคนเดียวได้ยังไง วันนี้รบกวนพี่ช่วยทำอาหารให้หน่อยได้ไหมคะ!”
MANGA DISCUSSION