บทที่ 27 คุณครูส่วนตัว
“ยังไงเธอก็ต้องออกจากที่นี่!” เสียงเข้ม ๆ ของหลิวเฉิงกงดังก้อง แต่ฉินลี่ลี่ได้แต่เบะปาก ชีวิตการทำงานที่นี่สำหรับเธอถือว่าดีที่สุดแล้ว งานค่อนข้างสบาย ไม่ยากเท่าไร งานที่อื่นเงินน้อย แล้วยังต้องทำงานหนัก เธอไม่เอาด้วยหรอก!
“ผู้จัดการหลิว ใจดีสักนิดไม่ได้เหรอคะ” ฉินลี่ลี่ออดอ้อนเสียงหวาน
แต่หลิวเฉิงกงยังยืนยันเสียงแข็ง “ไม่ได้! เธอทำผิดเองนี่นา เรื่องฉาวโฉ่โชยกลิ่นไปทั่วแบบนี้ ใครจะทนไหว! เอาเป็นว่าเดือนนี้รับเงินเดือนเต็ม แต่หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว!”
พอพูดจบก็สะบัดเสื้อคลุมเดินออกไป ทิ้งให้ฉินลี่ลี่ได้แต่นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
ระหว่างที่กำลังเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้น สายตาของฉินลี่ลี่ก็เหลือบไปเห็นหวงหมิงลู่ยืนอยู่หน้าประตู หัวใจของเธอเต้นแรง หรือว่า… เขาจะเปลี่ยนใจ?
ความหวังของเธอพังทลายลง เมื่อได้ยินประโยคที่หวงหมิงลู่เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉันมาเอาค่ารักษาพยาบาลของหลี่เฟยฮวา”
ฉินลี่ลี่ที่อยากจะเอ่ยอะไรกับเขา ก็ได้แต่อ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกเข้าให้
“รวมแล้วก็แค่ยี่สิบหยวนเอง คิดว่าจะจ่ายเมื่อไหร่ดีล่ะ?”
ฉินลี่ลี่กัดฟันกรอด ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านในอก แต่เธอไม่มีทางเลือก จำต้องล้วงกระเป๋าหยิบเงินเดือนยี่สิบห้าหยวนส่งให้ด้วยมือสั่นเทา
หวงหมิงลู่รับเงินไปอย่างเย็นชา ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง ก่อนจะสาวเท้าจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ค่ำคืนนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน หวงหมิงลู่รายงานผลการ ‘จัดการ’ ฉินลี่ลี่ให้หลี่เฟยฮวาฟัง พร้อมส่งมอบเงินยี่สิบห้าหยวนทั้งหมดให้เธอ
หลี่เฟยฮวากำลังจดจ่ออยู่กับงานแปลบนโต๊ะ หวงหมิงลู่แอบชำเลืองมอง สายตาเหลือบไปเห็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายที่เขาไม่คุ้นเคย
หลี่เฟยฮวาสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองอยู่เหนือศีรษะ จึงเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มกำลังจ้องเอกสารตรงหน้าเธออย่างสนอกสนใจ จนเธออดแปลกใจไม่ได้ “คุณอ่านออกด้วยเหรอ?”
“รู้จักนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้” หวงหมิงลู่ตอบตามตรง
ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา ทำให้เขาตระหนักถึงคุณค่าของการเรียนรู้ ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เขาจึงหมั่นอ่านหนังสือไม่เคยขาด
ทุกสัปดาห์ในค่ายทหารมีการจัดบรรยายให้ความรู้ เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่างกระจัดกระจาย จำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้บ้างประปราย พอมาเจอทั้งหน้าแบบนี้ก็ต้องยอมแพ้
แต่หลี่เฟยฮวากลับรู้สึกทึ่งไม่น้อย เพราะหวงหมิงลู่ไม่ได้ร่ำเรียนมามาก การที่เขาบอกว่ารู้จักบ้าง ก็พิสูจน์แล้วว่าเขายังหาเวลาขวนขวายหาความรู้ แม้จะมีงานรัดตัว
เธอเริ่มมองเห็นอีกด้านของชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้มาก่อน…
“คุณเก่งจริง ๆ!” หลี่เฟยฮวาเอ่ยชมอย่างไม่ลังเล ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความจริงใจ
หวงหมิงลู่ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางตอบอย่างถ่อมตัว “ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก แค่รู้จักคำศัพท์ง่าย ๆ บางคำเท่านั้นเอง”
หลี่เฟยฮวายิ้มกว้าง “ไม่เป็นไรหรอกที่ไม่รู้จัก คุณยุ่งขนาดนี้แล้วยังสละเวลามาเรียนรู้ นั่นแหละที่น่าทึ่งมาก!”
เธอพูดพลางตบไหล่เขาเบา ๆ “ถ้าต่อไปคุณอยากเรียน ฉันจะเป็นคุณครูส่วนตัวให้เอง!”
หวงหมิงลู่ตาเป็นประกาย แต่แล้วเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ… มันจะไม่เป็นการรบกวนเธอเกินไปเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาหัวเราะเบา ๆ “ไม่หรอก ฉันยินดีช่วยคุณ เอาเป็นว่าทุกวันเราแบ่งเวลาสักชั่วโมง ฉันจะสอนภาษาอังกฤษให้คุณแบบเข้มข้น ยังไงก็ต้องทำให้คุณพูดได้คล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษาให้ได้!”
หวงหมิงลู่ยิ้มกว้างจนตาหยี พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ราวกับลูกหมาที่กระดิกหางดีใจเมื่อเห็นเจ้าของ
“ขอบคุณมากนะ ฉันจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่เลย!”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง เต็มไปด้วยความหวังและกำลังใจ
หลี่เฟยฮวาตกลงรับปากแล้ว แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนจนเกินไป เธอรู้ดีว่าการสอนคนต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี หลังจากแปลงานเสร็จอย่างรวดเร็วภายในสองวัน เธอก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการวางแผนการสอน ราวกับนักรบที่กำลังเตรียมพร้อมก่อนออกศึก
ด้วยประสบการณ์จากชาติที่แล้วที่เคยเป็นครูสอนพิเศษให้นักศึกษาปริญญาโท หลี่เฟยฮวาจึงรู้เคล็ดลับในการสอนเป็นอย่างดี เธอใช้เวลาทั้งวันในการเขียนแผนการสอน และเริ่มลงมือสอนในวันถัดไปทันที
หลี่เฟยฮวาประหลาดใจที่พบว่าหวงหมิงลู่ฉลาดหลักแหลมและมีความจำเป็นเลิศ ทุกอย่างราบรื่นเกินคาด สิ่งที่เธอสอนวันนี้ วันรุ่งขึ้นหวงหมิงลู่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจราวกับพ่อแม่ที่เห็นลูกประสบความสำเร็จ
แต่ความฉลาดปราดเปรื่องของหวงหมิงลู่ก็ทำให้หลี่เฟยฮวาเกิดความสงสัยขึ้นมา
“ทำไมคนฉลาดอย่างคุณถึงต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ประถมล่ะ?” หลี่เฟยฮวาถามออกไปด้วยความสงสัย
หวงหมิงลู่เม้มริมฝีปาก ดวงตาหม่นหมองลงเล็กน้อยก่อนตอบ “บ้านของฉันยากจน ส่งลูกเรียนไม่ไหวน่ะ”
หลี่เฟยฮวาคิดว่าบ้านของเขาคงมีเด็กที่เก่งกว่าที่ต้องเรียนหนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในยุคนี้ เห็นหวงหมิงลู่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ต่อ เธอจึงไม่พยายามซักไซ้
เรื่องบางเรื่องอาจจะเหมาะกับการเก็บไว้เป็นความลับมากกว่าพูดออกมาทั้งหมด เหมือนเรื่องที่เธอข้ามเวลามายังไงล่ะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก และแล้ววันส่งงานครั้งแรกของหลี่เฟยฮวาก็มาถึง
เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เสียงแตรทหารดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับจะปลุกคนทั้งหมู่บ้านให้ตื่น
ภายในหมู่บ้านครอบครัวทหารอบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลปีใหม่ ประตูบ้านแต่ละหลังประดับประดาด้วยโคมมงคลสีแดงสด กลิ่นหอมของเนื้อหมูรมควันลอยมาเตะจมูก ทำเอาน้ำลายสอ
หลี่เฟยฮวานึกอิจฉาภรรยาทหารชาวเสฉวนที่เชี่ยวชาญการรมควันเนื้อด้วยกิ่งสนจูนิเปอร์ แม้จะไม่รู้วิธีทำ แต่ก็อยากลิ้มลองรสชาติเหลือเกิน
เธอตั้งปณิธานในใจว่า พอส่งต้นฉบับเสร็จ จะรีบควักคูปองเนื้อไปแลกที่สหกรณ์ แล้วลองทำเนื้อรมควันดูบ้าง ความคิดนี้ทำให้เธอลุกจากเตียงได้เร็วกว่าทุกวัน
หลี่เฟยฮวาสาดน้ำเย็นเฉียบใส่หน้า ร่างกายสะดุ้งเฮือกด้วยความหนาว แต่สมองกลับแจ่มใสขึ้นในพริบตา
หวงหมิงลู่มองภรรยาด้วยความเป็นห่วง “ระวังเป็นหวัดนะ อากาศหนาวแบบนี้”
หลี่เฟยฮวายิ้มกว้าง เผยฟันขาวเรียงสวย “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันแข็งแรงจะตาย!”
หวงหมิงลู่รู้ดีว่าหลี่เฟยฮวาเป็นคนตื่นยาก จึงปล่อยให้เธอทำตามวิธีของตัวเอง
“วันนี้ฉันจะไปส่งเธอขึ้นรถนะ แต่คืนนี้มีงานด่วน คงกลับมาบ่ายพรุ่งนี้”
หลี่เฟยฮวาชะงักไป ความทรงจำในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาผุดขึ้นในหัว ภาพของหวงหมิงลู่ที่กลับบ้านตรงเวลาทุกวันราวกับนาฬิกาปลุก ช่างแตกต่างจากวันวานที่เขาหายหน้าไปบ่อย ๆ ตอนที่เธอยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้
“ระวังตัวด้วยนะ” หลี่เฟยฮวาเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ประโยคสั้น ๆ แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย
หัวใจของหวงหมิงลู่พลันอบอุ่นขึ้นมาทันใด ราวกับมีแสงอาทิตย์ส่องลงมาในวันที่อากาศหนาวเหน็บ
เขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป เมื่อก่อนที่เธอหลี่เฟยฮวาเอาแต่ขมวดคิ้ว แม้แต่หน้าเขา เธอก็ยังไม่อยากจะมอง แต่ตอนนี้หลี่เฟยฮวาอารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่รังเกียจที่จะใกล้ชิดหรือสัมผัสร่างกายของเขา
และทุกคืนเมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็ต้อนรับเขาเสมอ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นเหมือนแสงสว่าง ไม่ใช่ความมืดมิดอีกต่อไป
ทุกครั้งที่เปิดประตูเข้าบ้าน ภาพที่เขาเห็นคือร่างเล็ก ๆ ของหลี่เฟยฮวาบางครั้งนั่งพับเพียบอยู่ที่โต๊ะอาหารราวกับแมวน้อย บางครั้งก็จมอยู่กับงานในห้องหนังสือราวกับหนอนหนังสือตัวจิ๋ว
และตอนนี้ ก่อนออกจากบ้าน ภรรยายังบอกให้เขาระวังตัวด้วย ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ
ใบหน้าคมที่ดูเย็นชาของหวงหมิงลู่ละลายเหมือนน้ำแข็งกลางแดด เขากดรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ พยักหน้าเบา ๆ แล้วเก็บชามตะเกียบ หลังจากนั้นก็ไปส่งหลี่เฟยฮวาขึ้นรถที่จะพาเธอเข้าเมือง
MANGA DISCUSSION