บทที่ 25 เกิดมาเพื่อกินแตง
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากฝูงชนที่มุงดู ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตาของพวกเขา ราวกับถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ย้อนนึกถึงนิสัยดุดันของหลี่เฟยฮวาที่พวกเขาลืมเลือนไปในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ฉินลี่ลี่” เสียงเย็นเยียบของหลี่เฟยฮวาดังขึ้น “ฉันเตือนเธอแล้วนะ ถ้าเธอกล้าวางแผนเล่นงานฉันอีก ฉันจะเอาชีวิตเธอ!”
สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดลงที่มีดทำครัวซึ่งแขวนอยู่บนผนัง ประกายวาววับในดวงตาบ่งบอกถึงความตั้งใจอันน่าสะพรึงกลัว
สีหน้าของฉินลี่ลี่เปลี่ยนไปในพริบตา ความหวาดกลัวฉายชัด เธอรีบคว้าแขนเสื้อของหวงหมิงลู่อย่างสิ้นหวัง พลางร้องเสียงหลง “พี่หมิงลู่! ช่วยด้วย! หลี่เฟยฮวาจะฆ่าฉัน!”
แต่ความหวังสุดท้ายของเธอก็พังทลาย เมื่อหวงหมิงลู่ถอยหลังหนึ่งก้าว สายตาเย็นชา ไร้ซึ่งความตั้งใจจะปกป้องเธอแม้แต่น้อย
ดวงตาของฉินลี่ลี่เบิกกว้างด้วยความตกใจ นิ้วมือของเธอบีบเข้าหากันแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความคิดมากมายวิ่งวุ่นอยู่ในหัว
“ทำไม? ทำไมกัน?” เธอมองเขาด้วยแววตาสับสน “ทำไมพี่หมิงลู่ถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หลังแต่งงานกับหลี่เฟยฮวา?”
ความหวาดกลัวเริ่มแล่นเข้าสู่หัวใจของฉินลี่ลี่ เธอนึกย้อนไปถึงการปะทะกับหลี่เฟยฮวาในอดีต ทั้งดุดันและโง่เขลา แต่ตอนนี้… หลังจากที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ หลี่เฟยฮวากลับกลายเป็นปีศาจร้ายที่มีเล่ห์เหลี่ยมยิ่งกว่าเดิม!
ฉินลี่ลี่ตะโกนออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ “หลี่เฟยฮวา! เธอจะทำอะไรฉัน? หรือว่า… เธอจะฆ่าฉัน?”
เธอหวังว่าเสียงร้องอันดังของตนจะดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง สร้างภาพลวงตาว่าหลี่เฟยฮวากำลังคุกคามเธออยู่
แต่ทว่า… หลี่เฟยฮวากลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเย็นชาจ้องมองมาที่ฉินลี่ลี่อย่างไร้ความรู้สึก ก่อนที่เสียงเยือกเย็นจะดังขึ้น
“ฉินลี่ลี่ ข่าวลือในหมู่บ้านทหารพวกนั้น… เป็นฝีมือของเธอที่แพร่กระจายออกไปใช่ไหม?”
สีหน้าของฉินลี่ลี่แข็งค้างราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เฟยฮวา พอมองไปที่หวงหมิงลู่ เธอก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
“ดูเหมือนว่าความลับของเธอจะถูกเปิดเผยแล้วสินะ” หลี่เฟยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบจ้องมองฉินลี่ลี่ราวกับจะทะลุทะลวงเข้าไปในจิตใจ “เธอนี่เองที่แพร่ข่าวลือว่าฉันไปกับผู้ชายแก่ แถมยังบอกว่าเห็นฉันลงจากรถของเขาด้วย ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ฉัน!” ฉินลี่ลี่ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สายตากลับหลบเลี่ยง
หลี่เฟยฮวาหัวเราะเยาะ “ไม่ใช่เธอหรอ? แล้วเมื่อกี้เธอกำลังกระซิบกระซาบอะไรกับหวงหมิงลู่ล่ะ?”
หวงหมิงลู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉินลี่ลี่บอกว่าเห็นเธอคุยกับเศรษฐีชราคนหนึ่งอย่างสนิทสนม แถมยังรับเงินมาซื้อของมากมาย”
เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะเสริม “แต่ฉันไม่เชื่อหรอก”
สายตาจริงใจของหวงหมิงลู่ทำให้หลี่เฟยฮวารู้สึกอบอุ่นใจ แม้เรื่องนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเธอ แต่การมีคนเชื่อมั่นในตัวเธออย่างไม่สั่นคลอนก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
มุมปากของหลี่เฟยฮวายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปถามฉินลี่ลี่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม? หรือจะบอกว่าหวงหมิงลู่กำลังพูดแทนฉัน?”
ฉินลี่ลี่ขบริมฝีปาก สีหน้าเขียวคล้ำราวกับกินมะนาวเข้าไปทั้งลูก วันนี้เธอแอบมาเพื่อจะพูดเรื่องนี้กับหวงหมิงลู่ตอนที่หลี่เฟยฮวาไม่อยู่ แต่ใครจะคิดว่าเจ้าหล่อนจะโผล่มาพอดิบพอดี!
“ฉันเป็นคนพูดเอง” ฉินลี่ลี่เอ่ยเสียงแข็ง แต่สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ยอมรับผิดแม้แต่น้อย
“ฉันพูดผิดตรงไหนล่ะ?” เธอแผดเสียงด้วยความน้อยใจ “ตามที่ฉันรู้มา ครอบครัวเธอไม่มีญาติรวยขนาดนั้น แถมฉันยังเห็นเธอคุยหัวเราะกับลุงแก่อายุหกสิบ และมักจะหิ้วอาหารดี ๆ กลับมาบ่อย ๆ นี่ฉันพูดผิดตรงไหน? อีกอย่าง ฉันก็บอกพี่หมิงลู่แล้วว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธเธอเลย”
หลี่เฟยฮวาได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง เธอเคยเจอคนหน้าด้านมามากในชาติก่อน แต่ฉินลี่ลี่นี่ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความหน้าด้านที่เธอเพิ่งเคยเจอ
“เธอเกิดมาเพื่อกินแตง*[1]หรือไง ฉันอยากตบเธออีกรอบจริง ๆ” หลี่เฟยฮวาพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ทำเอาฉินลี่ลี่หน้าตึงไปถนัด
“หลี่เฟยฮวา!” ฉินลี่ลี่ตวาดกลับ “พูดจาให้สุภาพหน่อย ถ้าเธอไม่มีอะไรปิดบัง ก็บอกมาสิว่าเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับลุงแก่คนนั้น แล้วทุกคนก็รู้ว่าเงินสินสอดของเธอหมดไปในไม่กี่วัน ตอนนี้เธอมีเงินที่ไหนมาซื้อของมากมาย แถมยังกินอาหารจากร้านหรูบ่อย ๆ อีก?”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วมุ่น เมื่อฉินลี่ลี่บุกเข้ามาคุกคามอย่างไม่เกรงใจ ราวกับจะขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเธอให้ได้
หลี่เฟยฮวาถอนหายใจอย่างสุดจะทน ‘ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงคิดว่าฉันต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายทุกคนที่เจอด้วย? ช่างเป็นความคิดที่น่าขันจริง ๆ’
ฉินลี่ลี่เห็นหลี่เฟยฮวาเงียบไป ก็คิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิด จึงยิ้มอย่างมีชัยชนะ ใบหน้าที่บวมนิด ๆ ของเธอดูน่าหมั่นไส้อย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ฉันรู้แล้วล่ะว่าเธอต้องมีอะไรซ่อนเร้นแน่ ๆ!” ฉินลี่ลี่ร้องอย่างสะใจ
“พูดไม่ออกสินะ? นั่นแหละ แสดงว่าฉันพูดถูก เธอทรยศพี่หมิงลู่จริง ๆ ด้วย!”
ฉินลี่ลี่แสร้งทำหน้าเศร้า “น่าสงสารพี่หมิงลู่จัง ดีกับเธอขนาดนี้ แต่เธอกลับทรยศเขา ผู้หญิงอย่างเธอนี่ สมควรโดนจับใส่กรงหมูแล้วฆ่าทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด!”
หลี่เฟยฮวายังไม่ทันได้เปิดปากตอบโต้ หวงหมิงลู่ก็ก้าวเข้ามา สีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ
“พอได้แล้วฉินลี่ลี่!” เขาตวาดเสียงดัง “หลี่เฟยฮวาไม่เคยทรยศฉันเลยสักครั้ง แต่เรื่องที่เธอใส่ร้ายเขานี่สิ ฉันจะต้องรายงานให้โรงงานทราบแน่นอน”
“พี่หมิงลู่…” ฉินลี่ลี่อ้ำอึ้ง รอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้า เธอจ้องมองหวงหมิงลู่อย่างตกตะลึง ราวกับเพิ่งถูกสาดน้ำเย็นเฉียบใส่หน้า
ความอิจฉาริษยาพลุ่งพล่านในใจของฉินลี่ลี่ เธอตวัดสายตามองหลี่เฟยฮวาด้วยความเดือดดาล
“ทำไมกัน? ทำไมพี่ถึงยังปกป้องผู้หญิงคนนั้นอีก?” เธอส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น “หรือว่าพี่จะหลงรักหลี่เฟยฮวาจริง ๆ?”
หลี่เฟยฮวามีดีอะไรกัน? เธอเอาแต่ใจ แถมยังขี้เกียจ ถ้าไม่ใช่ลูกของคนมีอันจะกินคงโดนเตะทิ้งไปนานแล้ว!
ความอิจฉาแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ “ช่างโชคดีเหลือเกิน มีพ่อที่รัก แถมยังมีสามีที่รักอีก ส่วนฉัน… แต่งงานได้ไม่กี่ปีก็เป็นหม้าย ต้องลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว มันยุติธรรมตรงไหนกัน!”
สีหน้าของฉินลี่ลี่บูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด แต่หวงหมิงลู่ทำเป็นไม่สนใจ เขาพาหลี่เฟยฮวาเดินออกไป พลางกวาดตามองฝูงชนที่กำลังจับตาดูเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น
“ทุกคนครับ” หวงหมิงลู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาเริ่มวาวโรจน์อย่างอันตราย “เรื่องที่ฉินลี่ลี่พูดมานั่นเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระ ผมรู้ที่มาของชายคนนั้นดี และหลี่เฟยฮวาก็เล่าให้ผมฟังหมดแล้ว ส่วนเรื่องอาหาร ก็เพราะตอนนี้หลี่เฟยฮวาเป็นแม่บ้าน เธอเห็นผมฝึกซ้อมเหนื่อย เลยนำมาให้บ้าง เงินทั้งหมดผมเป็นคนให้เธอเอง ไม่มีเรื่องชู้สาวอะไรทั้งนั้น!”
เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “และถ้าครั้งหน้าผมได้ยินใครพูดเรื่องพรรค์นี้อีก…” เขาจ้องตาทุกคนอย่างดุดัน “อย่าโทษผมที่จะไปพูดให้ชัดเจนกับหน่วยงานของพวกคุณนะครับ”
*[1] กินแตง เป็นคำสแลง หมายถึง สอดรู้สอดเห็น สนใจเรื่องของคนอื่น แอบเกาะติดสถานการณ์หรือติดตามเรื่องชาวบ้านอยู่ตลอดด้วยความอยากรู้
MANGA DISCUSSION