บทที่ 22 อุบัติเหตุรถคว่ำ
“ว๊าย! ตายแล้ว!” เสียงตะโกนดังลั่นของภรรยาทหารคนหนึ่งทำเอาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันไปมองตามนิ้วที่เธอชี้
ทหารเวรซึ่งประจำการอยู่ที่หน้าหมู่บ้านรีบวิ่งมายังที่เกิดเหตุทันที พวกเขาวิ่งกันให้วุ่นเพื่อหาทางช่วยเหลือ และติดต่อกับสถานีตำรวจ รวมถึงโรงพยาบาล
ภรรยาทหารบางคนพากันเดินเข้าไปใกล้ ๆ จุดเกิดเหตุ และต่างก็มีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ บ้างก็ปิดปากด้วยความตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อหลี่เฟยฮวาตั้งสติได้ เธอก็รีบเข้าไปสำรวจบริเวณรถอย่างไม่ลังเล พบว่ามีคนติดอยู่ข้างในเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง
“ประตูเปิดไม่ออก!” เสียงทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ทำให้ความคิดของเธอที่ตั้งใจจะดึงพวกเขาออกจากรถพลันมืดดับ
แต่โชคร้ายยิ่งกว่านั้น กลิ่นน้ำมันเบนซินโชยมาแรงจนแสบจมูก หลี่เฟยฮวาก้มลงมองใต้ท้องรถ เห็นน้ำมันกำลังรั่วซึมออกมาเป็นสาย
“แย่แล้ว! ถังน้ำมันแตก!” เธอร้องลั่น “ต้องรีบช่วยคนออกมา ไม่งั้นพวกเขาได้ระเบิดเป็นไก่ย่างแน่!”
หลังจากได้ยินหลี่เฟยฮวาพูดแบบนั้น เหล่าภรรยาทหารต่างร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว และรีบถอยหนี ไม่กล้าเข้าใกล้รถที่น้ำมันกำลังรั่วไหล
หลี่เฟยฮวาคว้าที่จับประตูรถ ลองออกแรงดึงสุดชีวิตจนตัวแทบขาด แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิด ทหารที่เข้ามาช่วยก็พยายามงัดประตูจนหน้าแดงก่ำ แต่ยังคงไร้วี่แววว่าจะเปิดออก
“คุณคะ! ได้ยินฉันไหม” หลี่เฟยฮวาใช้มือทุบกระจกรถและตะโกนเรียกคนข้างในอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะหมดสติไปแล้ว
สถานการณ์เริ่มวิกฤต ทุกวินาทีนับถอยหลังสู่หายนะ หลี่เฟยฮวาและทหารต่างกระวนกระวายใจด้วยความหวาดหวั่น หวังว่าจะสามารถช่วยชีวิตคนทั้งสองได้ทันเวลา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
หลี่เฟยฮวาตัดสินใจฉับพลัน ตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “น้องชาย รีบไปตามคนมาช่วยเร็วเข้า!”
ทหารหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง วิ่งสุดฝีเท้าไปขอความช่วยเหลือ
น้ำมันไหลนองพื้นมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่เฟยฮวารู้ดีว่าไม่มีเวลาให้รอช้า เธอกัดฟันแน่น คว้าก้อนหินข้างทาง ทุ่มเทแรงกายแรงใจทุบกระจกรถอย่างบ้าคลั่ง
เสียงทุบดังสนั่นกว่าสิบครั้ง ในที่สุดกระจกก็เริ่มร้าวเป็นใยแมงมุม
เพล้ง!
ในที่สุดความพยายามของหลี่เฟยฮวาก็เป็นผล กระจกรถแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เศษแก้วแหลมคมกระเด็นตกตามพื้นไปทั่ว
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายด้วยความดีใจ ชัดเจนว่าในรถมีชายหญิงวัยกลางคนสองคนนั่งอยู่ ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด บาดเจ็บสาหัส
หลี่เฟยฮวาสอดแขนเข้าไปในรถ พยายามเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารอย่างเร่งรีบ ไม่สนใจเศษแก้วคมกริบที่อาจบาดมือ ทุกวินาทีมีค่า ชีวิตคนกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“คุณป้าคะ! คุณป้าได้ยินหนูไหม?” หลี่เฟยฮวาตะโกนเสียงดัง พยายามปลุกหญิงวัยกลางคนที่หมดสติอยู่ในรถ
ไม่นานนัก หญิงคนนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พลางกุมขมับ ตอนแรกเธอยังอยู่ในอาการมึนงง แต่พอปรับสายตาเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน เธอก็จำทุกอย่างได้ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
“สามี! สามีฉัน!” เธอร้องลั่น แล้วคว้าแขนหลี่เฟยฮวาแน่น “หนู ช่วยเขาด้วย ฉันขอร้องละ!”
หลี่เฟยฮวารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจากการใช้แรงทุบกระจกรถและกลิ่นน้ำมันที่เธอสูดดมเข้าไป แต่พยายามตั้งสติ “ใจเย็น ๆ นะคะคุณป้า หนูสัญญาว่าจะช่วยทุกคนออกมาให้ได้”
เธอรีบตรวจดูร่างกายของหญิงคนนั้น โล่งใจที่ไม่พบบาดแผลร้ายแรง แล้วช่วยพยุงเธอออกมาจากซากรถ
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล หลี่เฟยฮวาหันไปมอง ใจเต้นแรงเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นเคย ราวกับเห็นแสงสว่างในคืนที่มืดมิด
แค่ได้เห็นเงาร่างของเขา ในใจของเธอก็รู้สึกเบาลงไปเปราะหนึ่ง
แต่เวลานี้ ทุกอย่างยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจชะล่าใจได้ เธอก้มลงคว้าก้อนหินขนาดใหญ่ ทุ่มเทแรงทั้งหมดฟาดใส่กระจกรถฝั่งคนขับทันที
หวงหมิงลู่วิ่งมาถึงพอดีกับที่เห็นกระจกรถแตกละเอียด แต่ก่อนที่หลี่เฟยฮวาจะทันได้เอื้อมมือไปเปิดประตู เสียงตะโกนแหลมสูงของภรรยาทหารแถวนั้นก็ดังขึ้น
“ไฟไหม้! รถไฟไหม้แล้ว!”
เพียงไม่กี่วินาที เปลวเพลิงก็ลุกโหมกระหน่ำ โลกรอบตัวหลี่เฟยฮวาพลันหมุนคว้าง เสียงอื้ออึงดังก้องในหู ร่างของเธอเซถอยหลังไปหลายก้าวเพราะความร้อนที่พัดมาตามแรงลม
เธอรู้สึกว่าร่างกำลังจะทรุดลงสู่พื้น แต่ทันใดนั้นเอง แขนแกร่งคู่หนึ่งก็โอบรับร่างไว้อย่างมั่นคง
หลี่เฟยฮวาเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าซีดเผือดดุจกระดาษ สายตาสบเข้ากับดวงตาคู่คมที่เปี่ยมด้วยความห่วงใย
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือด้วยความตื่นตระหนก
หลี่เฟยฮวาส่ายหน้าเบา ๆ สายตาเหลือบมองไปยังรถยนต์ที่กำลังมีเปลวไฟลุกโชนที่ท้ายรถ ควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาดุจม่านหมอกแห่งความหายนะ
“หวงหมิงลู่…” เธอเอ่ยเสียงสั่น
ยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของหวงหมิงลู่ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างว่องไว มือแกร่งยื่นเข้าไปในรถเพื่อเปิดประตู ก่อนจะกระชากร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับออกมาด้วยความรวดเร็ว
ตู้ม—!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวในชั่วพริบตา ขณะที่หวงหมิงลู่ลากร่างชายคนนั้นออกมาได้ไกลเพียงสี่เมตร เปลวไฟก็พวยพุ่งท่วมท้นรถยนต์คันนั้นราวกับปีศาจร้ายที่ตื่นจากการหลับใหล
หลี่เฟยฮวาพุ่งตัวเข้าหาหวงหมิงลู่ด้วยสีหน้าร้อนรน “หวงหมิงลู่! เราต้องรีบพาทุกคนออกไปเดี๋ยวนี้!” เธอตะโกนสุดเสียง “ฉันเห็นน้ำมันรั่วจากถัง ถ้าไฟลุกลาม มันจะระเบิดเป็นลูกไฟจนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง!”
ดวงตาของหวงหมิงลู่วาวโรจน์ด้วยความเข้าใจ เขาพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะหันไปสั่งการลูกน้องด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“หลงเฟิง จัดการฝูงชนให้เรียบร้อย! เหรินจง พาคนเจ็บสองคนไปที่ปลอดภัย ด่วน!”
พอพูดจบ เขาก็หันมาทางหลี่เฟยฮวา ก่อนจะเห็นเลือดซึมจากปลายนิ้วของเธอ “เธอก็รีบไปด้วย อย่าอยู่ที่นี่เลย”
“ระวังตัวด้วยนะ” หลี่เฟยฮวาไม่กล้าทำตัวเป็นยอดมนุษย์อีกต่อไป เธอพยักหน้าแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หวงหมิงลู่รีบพุ่งไปคว้าถังดับเพลิง เขาฉีดโฟมใส่เปลวไฟอย่างชำนาญ ทหารคนอื่น ๆ ก็เข้ามาสบทบ และร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ ในที่สุดไฟก็ดับลง ทิ้งไว้เพียงซากรถซานตาน่าที่ไหม้เกรียมราวกับเศษเหล็ก
หลังจากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง แพทย์รีบนำผู้บาดเจ็บส่งตัวไปรักษาทันที
หลี่เฟยฮวามองตามรถพยาบาลที่แล่นจากไป หัวใจเต้นระรัว ภาวนาให้คู่สามีภรรยาปลอดภัย
หลี่เฟยฮวาหันกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ในใจยังคงรู้สึกโหวง ๆ เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดตากับกล่องอาหารอะลูมิเนียมที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
หมดกัน! อาหารแสนอร่อยจากโรงแรมหรูกระจายเกลื่อนดั่งภาพศิลปะบนพื้นดิน…
“มองอะไรอยู่น่ะ? ตาลอยไปถึงไหนแล้ว” เสียงทุ้มของหวงหมิงลู่ดังขึ้น ทำเอาเธอสะดุ้ง
หลี่เฟยฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางบ่นอุบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “โถ่… อาหารของฉันกลายเป็นอาหารหมาซะแล้ว เย็นนี้คงต้องไปกินข้าวที่โรงอาหารแทนแล้วล่ะ”
หวงหมิงลู่มองตามสายตาเธอ ก่อนจะกลั้นหัวเราะ “โอ๋ ๆ น่าเสียดายจริง ๆ” เขาลูบหัวเธอ พลางหยิบเศษขี้เถ้าที่ติดอยู่ตามไรผมออกให้ “ไม่เป็นไร คราวหน้าฉันจะพาไปกินใหม่เอง”
“จริงเหรอ!” ดวงตาของหลี่เฟยฮวาเป็นประกายวาววับ ด้วยความหวังว่าจะได้ไปลิ้มรสอาหารเลิศรสอีกครั้งในเร็ววัน
“จริงสิ แต่ตอนนี้เธอต้องไปทำแผลก่อน” หวงหมิงลู่ยกแขนข้างหนึ่งของเธอขึ้นมา เห็นเลือดสีแดงยังคงไหลซิบตรงปลายนิ้ว
MANGA DISCUSSION