บทที่ 180 มิตรภาพของพวกเราก็จบลงแค่นี้แหละ
เมื่อได้ยินว่าแผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น หลี่เฟยฮวาก็รู้สึกดีใจ ถึงขนาดที่ลืมเรื่องของลี่เซียนเหมยไปเลยทีเดียว
ในสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม ทุกคนต่างยุ่งกับเรื่องของตัวเอง นอกจากการเข้าเรียน หลี่เฟยฮวาแทบไม่ได้ติดต่อกับลู่อันหยางเลย
สัปดาห์นี้พอมีเวลาว่างบ้าง ลู่อันหยางจึงนัดหลี่เฟยฮวาออกไปทานข้าว และชวนเพื่อนร่วมห้องของหลี่เฟยฮวาไปด้วย
หลี่เฟยฮวาครั้งนี้ไม่ได้เรียกเยว่ซูเม่ย หลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วผ่านไป เยว่ซูเม่ยก็แทบจะไม่พูดอะไรในหอพักอีกเลย
อย่างเห็นได้ชัดว่าหลี่เฟยฮวาไม่อยากเล่นเกมที่น่าเบื่อแบบนี้ สำหรับเเธอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลู่ซือเจี้ยหรือตู้เจียวเหม่ย หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยถ้าสามารถติดต่อกันได้ก็พยายามติดต่อ แต่ถ้าในอนาคตความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงเพราะเรื่องอะไรสักอย่าง ก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะวาสนาไม่ถึงกัน
บนสวรรค์ไม่มีงานเลี้ยงที่ไม่เลิกรา คนที่มีแนวคิดต่างกันย่อมไม่สามารถร่วมมือกันได้อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลี่เฟยฮวาเชิญลู่ซือเจี้ยและตู้เจียวเหม่ยแล้ว เยว่ซูเม่ยพบว่าหลี่เฟยฮวาไม่ได้เชิญเธอ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที
เธอทนไม่ไหวจึงถามว่า “เธอไม่ขวนฉันไปกินข้าวด้วยหรอ?”
หลี่เฟยฮวาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง กำลังจัดของที่จะเอาออกไปข้างนอก “เธอสนิทกับสหายลี่เซียนเหมยไม่ใช่เหรอ?”
เยว่ซูเม่ยถามอย่างงุนงง “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับลี่เซียนเหมยด้วย หลี่เฟยฮวาเธอจะเอาแบบนี้เลยเหรอ ทำตัวเด็ก ๆ แบบนี้ พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ใครจะคบกับใครก็เป็นสิทธิ์ของเขา ทำไมเธอถึงได้ใจแคบแบบนี้ล่ะ”
หลายวันมานี้หลี่เฟบฮวาไม่พูดกับเธอสักคำ แล้วตอนนี้ยังจะมาบอกตัดขาดความสัมพันธ์กับเธออีก
เยว่ซูเม่ยรู้สึกว่าเธอคงมองหลี่เฟยฮวาผิดไปจริง ๆ
“เยว่ซูเม่ย เธอพูดถูก ฉันก็แค่คนใจแคบคนหนึ่งนั่นแหละ”
“ฉันรู้ว่าตัวเองขี้งกมาก” หลี่เฟยฮวายักไหล่อย่างไม่แยแส “นิสัยขี้งกของฉันนี่ เธอก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลี่เฟยฮวาพูดเรียบ ๆ ว่า “ตอนที่เธอตัดสินใจจะไปคบกับลี่เซียนเหมย มิตรภาพของพวกเราก็จบลงแค่นี้แหละ”
“หลี่เฟยฮวา เธอนี่มันจริง ๆ…” เยว่ซูเม่ยยังพุดไม่จบ หลี่เฟยฮวาก็หยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมา ลู่ซือเจี้ยและตู้เจียวเหม่ยไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ได้แต่เดินตามหลังหลี่เฟยฮวาออกไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของตึก ลู่อันหยางได้นั่งยอง ๆ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่มาสักพักแล้ว พอเห็นทั้งสามคนเดินมา ลู่อันหยางก็ทักทายอีกสองคนที่เหลือ
แต่ไม่นานก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “หลี่เฟยฮวา ผมจำได้ว่าคุณยังมีเพื่อนร่วมห้องอีกคนนึง ชื่ออะไรนะ เยว่ซูเม่ยใช่ไหม วันนี้เธอมีธุระอะไรเลยไม่ได้มาเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาตอบเสียงเรียบ “เธอไม่มา”
ลู่อันหยางไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ลู่อันหยางจองโรงแรมแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิด ขนาดใกล้เคียงกับโรงแรมหัวเซี่ยแต่อาจจะหรูหราและอลังการกว่าด้วยซ้ำ
ช่วงนี้ธุรกิจไปได้ดี งานเลี้ยงหลายงานในเมืองจัดที่โรงแรมนี้ เพราะมีหน้ามีตาลู่อันหยางพูดอย่างภาคภูมิใจ “นี่คือร้านอาหารที่น้าสาวของฉันเปิด เจ๋งใช่ไหมล่ะ?”
หลี่เฟยวฮวามองดูขนาดและชื่อร้าน มันเป็นโรงแรมห้าดาวที่มีชื่อเสียงมากในชาติก่อน เธอได้ยินมาว่าก่อนที่เธอจะข้ามเวลามา มันได้เปิดไปแล้วกว่าพันสาขาทั่วโลก และครองความเป็นที่หนึ่งในถนนสายอาหาร
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า “บรรยากาศดีจริงๆ น้าสาวของคุณเก่งมากเลย”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อน เดินเข้ามาอย่างสง่างามและมีเสน่ห์
เมื่อลู่อันหยางเห็นน้าสาวตัวเองก็รีบแนะนำทันทีว่า “หลี่เฟยฮวา นี่คือน้าสาวของผม น้าจ้าวเหมยเจียว”
หลังจากนั้น ลู่อันหยางก็หันไปพูดกับน้าสาวตัวเองว่า “คุณน้า นี่คือหลี่เฟยฮวาที่ผมเคยเล่าให้ฟัง”
น้าสาวของลู่อันหยางดูอายุน้อยมาก ผมสีดำสนิทของเธอถูกมวยขึ้นด้วยปิ่นไม้สีดำอันหนึ่ง รอบคอของเธอสวมสร้อยไข่มุกและหินอาเกตสีแดง ตอนนี้เธอกำลังยิ้มมองหลี่เฟยฮวาอย่างมีความสุข
เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
แม้ว่าหลี่เฟยฮวาจะไม่ค่อยสนใจข่าวซุบซิบเท่าไหร่ แต่ในตอนนั้นแพลตฟอร์มออนไลน์พัฒนาไปมากหลี่เฟยฮวาเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของจ้าวเหมยเจียวมาก่อน
ที่สำคัญที่สุดคือ ก่อนที่เธอจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอเคยบังเอิญพบจ้าวเหมยเจียวมาครั้งหนึ่งในตอนนั้น จ้าวเหมยเจียวอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แม้จะผ่านการชำระล้างของกาลเวลา แต่เธอก็ยังคงเป็นหญิงงามที่หาได้ยากยิ่ง
ต่อมา หลี่เฟยฮวาถึงได้รู้ว่า จ้าวเหมยเจียวคือน้าสาวของอาจารย์ น้าสาวคนนี้ไม่ได้พบหน้าอาจารย์มาหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่ออาจารย์ต้องการเงินทุนวิจัย เธอก็ให้เงินหนึ่งร้อยล้านแก่อาจารย์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงทำให้การวิจัยครั้งสุดท้ายประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และได้รับผลตอบแทนเป็นร้อยเท่า
อาจารย์เคยบอกว่าน้าสาวของตัวเองกำลังเกลียดเขาอยู่ เพราะตอนนั้นพี่สาวที่ใกล้ชิดที่สุดของเธอเสียชีวิต ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของครูที่ตอนนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวและยืนกรานที่จะหนีออกจากบ้านไปทำธุรกิจ
แต่ในช่วงวัยเด็ก ทั้งสองคนที่มีอายุไม่ต่างกันมากนัก เติบโตมาด้วยกันแทบจะเหมือนสวมกางเกงตัวเดียวกัน
ตอนนี้เมื่อได้เห็นจ้าวเหมยเจียวที่อ่อนเยาว์กว่าหลายสิบปี หลี่เฟยฮวารู้สึกหวนคิดถึงอดีต “สวัสดีค่ะ พี่จ้าวเหมยเจียว” หลี่เฟยฮวาทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีจ้ะ” จ้าวเหมยเจียวมองสำรวจหลี่เฟยฮวาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าเด็กสาวคนนี้ดูเหมือนกับที่เธอจินตนาการไว้ไม่มีผิด ดูอ่อนโยนและไม่มีอารมณ์ร้าย ยิ่งทำให้เธอชอบมากขึ้น
เธอไม่ได้ทำให้ลู่ซือเจี้ยและตู้เจียวเหม่ยทั้งสองคนรู้สึกอึดอัด หลังจากทักทายแล้ว ก็พาคนเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยตัวเอง
ลู่อันหยางถือเมนูส่งให้หลี่เฟยฮวา “หลี่เฟยฮวา ไม่ต้องเกรงใจน้าเล็กของผมนะ สั่งได้เต็มที่เลย! ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอด น้าเล็กของผมเลี้ยงเอง!”
หลี่เฟยฮวายิ้มเล็กน้อย
ลู่อันหยางไม่ได้เกรงใจน้าเล็กตัวเองที่อยู่ข้าง ๆ เลย จ้าวเหมยเจียวตบหลังหัวของลู่อันหยางเบา ๆ “ไอ้เด็กบ้า!”
พูดจบจ้าวเหมยเจียวก็กลับมายิ้มเหมือนเดิม พูดเสียงเบา “ไอ้เด็กบ้านี่พูดถูก ต่อไปถ้าพวกเธอมา พี่จะเลี้ยงพวกเธอเอง” ลู่อันหยางดูเหมือนจะรู้สึกตัวช้าไป เขาร้องเสียงดัง “ไม่ถูก!”
เขาตบโต๊ะเบา ๆ แล้วชี้ไปที่หลี่เฟยฮวาและน้าสาวของตัวเองด้วยความตกใจ “ไม่ถูกนะ คุณเรียกน้าเล็กผมว่าพี่สาว แบบนี้คุณก็อาวุโสกว่าผมสิ!”
หลี่เฟยฮวาเองก็เผลอเรียกไปตามความเคยชิน เพราะจ้าวเหมยเจียวอายุไม่มาก ลองคำนวณดูแล้ว ปีนี้น่าจะอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น
หลี่เฟยฮวาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “การเรียกพี่สาวมันผิดตรงไหนล่ะ?”
“การเรียกพี่สาวมันผิดแน่นอน!” ลู่อันหยางพูดอย่างติดขัดในลำคอ
“ต่างกันตั้งสองรุ่น ฉันต้องเป็นหลานชายเธอน่ะสิ!”
จ้าวเหมยเจียวมองลู่อันหยาวด้วยสายตาดูแคลน “ถึงนายจะยอมเป็นหลานชายของหลี่เฟยฮวาใครจะรู้ล่ะว่าเธออาจจะไม่ต้องการคนปัญญาอ่อนแบบนายเป็นหลานชายก็ได้”
ลู่อันหยาง “…”
หลี่เฟยฮวามองดูทั้งสองคนโต้เถียงกัน แล้วยิ้มบาง ๆ
ชีวิตในชาตินี้ในที่สุดก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งสองคนไม่ได้ทรมานตัวเองเพราะการตายของสามีภรรยาตระกูลลู่
อย่างไรก็ตามหลี่เฟยฮวาจำได้ว่าเส้นทางการเริ่มต้นธุรกิจของจ้าวเหมยเจียวดูเหมือนจะไม่ราบรื่นนักหลี่เฟยฮวากำลังคิดอยู่ จู่ ๆ ก็ถูกเสียงเรียกของจ้าวเหมยเจียวปลุกให้ได้สติ
MANGA DISCUSSION