บทที่ 173 เตรียมลงบทความในนิตยสารชื่อดัง
กู้เจียอีหาเวลาว่างมาเพื่อรับลูก หลังจากพูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็จากไป
หลังจากกู้เจียอีจากไป หลี่เฟยฮวาถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมแนะนำหวงหมิงลู่ให้รู้จักกับกู้เจียอี
“พวกเรามีวาสนาที่ดีกับตระกูลกู้จริง ๆ ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่ากู้เจียอี คุ้นหน้ามาก พอเห็นพวกคุณเจอกันเมื่อกี้ ฉันจึงสังเกตว่าดวงตาของพวกคุณสองคนเหมือนกันมากเลย”
หวงหมิงลู่พยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย พ่อของกู้ป๋อเหวินดูรักเด็กมาก”
หลี่เฟยฮวา “…”
หวงหมิงลู่ทำให้บทสนทนาจบลงอย่างสิ้นเชิง
หลังจากกู้ป๋อเหวินไปแล้ว หลี่เฟยฮวาก็ต้องเริ่มเตรียมของสำหรับเปิดเทอม
ก่อนออกจากมหาวิทยาลัย หลี่เฟยฮวาเก็บผ้าห่มทั้งหมดไว้ที่มหาวิทยาลัย พอถึงเวลาเปิดเทอม เธอแค่ต้องเอาเสื้อผ้าที่จะใส่ไปเท่านั้น
วันนี้ หลี่เฟยฮวารู้สึกว่าสัมภาระที่พกมาด้วยมากเกินไป เธอจึงตัดสินใจกลับไปที่หอพักก่อน จากนั้นจึงตรงไปที่ห้องทำงานของอาจารย์
เมื่อมาถึง เธอเห็นอาจารย์ม่อชงอวี้กำลังจัดการเรื่องค่าเล่าเรียนอยู่พอดี
ค่าเล่าเรียนสำหรับเทอมแรกได้รับการยกเว้นทั้งหมด แต่สำหรับเทอมที่สอง มีการเก็บค่าเล่าเรียนในเชิงสัญลักษณ์เพียงสองหยวนห้าเหมา
ม่อชงอวี้นั่งอยู่ในห้องทำงาน ขณะที่หลี่เฟยฮวาเดินเข้ามา เขายังคงมีอาการไอไม่หยุด ใบหน้าซีดเซียวจนเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง
หลี่เฟยฮวารู้ว่าอาจารย์ม่อชงอวี้เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะในฤดูหนาว แค่เป็นหวัดก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหาย
“อาจารย์ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
ม่อชงอวี้ยกมือขึ้นปิดปากขณะไอเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหลี่เฟยฮวาเดินเข้ามา ดวงตาของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะล้อเลียน
“หลี่เฟยฮวา ในที่สุดเธอก็มา ฉันนึกว่าเธอจะไปสร้างเครื่องบินแล้วซะอีก”
หลี่เฟยฮวาได้ยินดังนั้นก็หัวเราะตาม รู้ดีว่าอาจารย์เพียงแค่หยอกเล่น “โห อาจารย์ หนังสือก็ยังต้องอ่านอยู่ดีค่ะ ต้องทำโจทย์เยอะกว่าก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก”
ม่อชงอวี้หัวเราะเบา ๆ ก่อนรับเงินไว้ด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่ขณะที่หลี่เฟยฮวากำลังจะเดินออกไป เขาก็เอ่ยขึ้น “อาจารย์เหวินเทียนอยู่ในห้องทำงานข้าง ๆ เธอเตรียมบทความเสร็จหรือยัง?”
คำพูดของม่อชงอวี้ทำให้หลี่เฟยฮวาถึงกับชะงัก เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ พลางหัวเราะแห้ง ๆ “ฮ่า ๆ ไม่ใช่ว่าบอกให้หนูเตรียมหลังเปิดเทอมเหรอคะ?”
ม่อชงอวี้เลิกคิ้วด้วยความตกใจ “อะไรนะ? เธอยังไม่ได้เขียนเลยเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาตอบเสียงแผ่ว “…เขียนแล้วค่ะ”
ม่อชงอวี้ขมวดคิ้ว “แล้วเขียนไปเท่าไหร่แล้ว?”
หลี่เฟยฮวายิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะตอบอย่างอ้อมแอ้ม “ชื่อเรื่อง… กับอีกยี่สิบสี่ตัวอักษรค่ะ”
ตั้งแต่กู้ป๋อเหวินมาพักอยู่กับเธอ หลี่เฟยฮวาก็ละเลยเรื่องวิทยานิพนธ์ไปโดยไม่รู้ตัว เพราะทุกครั้งที่คิดถึงการเขียนบทความ
เพราะมันทรมานเกินไป เลยเลือกที่จะลืมมันไปซะ…
“งั้นก็ค่อย ๆ ทนไปเถอะ” ม่อชงอวี้ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
หลี่เฟยฮวาไม่รู้เลยว่าอาจารย์กำลังบ่นอยู่ในใจ
หลังจากลงทะเบียนเรียนเสร็จ หลี่เฟยฮวาก็ไปพบกับอาจารย์เหวินเทียน
ตารางเรียนปีนี้ยังไม่ออกมา แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อาจารย์เหวินเทียนคงไม่ค่อยมาที่มหาวิทยาลัยบ่อยนัก
“อาจารย์เหวินเทียนคะ” หลี่เฟยฮวาเคาะประตูห้องทำงานเบา ๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป
ในขณะนั้นเหวินเทียนกำลังจัดระเบียบโต๊ะทำงานอยู่ เมื่อหลี่เฟยฮวาเห็นดังนั้น เธอรีบเข้าไปช่วยทันที
“ไม่เป็นไร ๆ ฉันทำเองได้” เหวินเทียนพูดพลางยิ้ม แต่สายตาก็อดมองสำรวจหลี่เฟยฮวาไม่ได้
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่หลี่เฟยฮวาหมดสติไปกะทันหันเมื่อก่อน เหวินเทียนก็ยังคงเป็นห่วง แม้ว่าวันนั้นหวงหมิงลู่จะยืนยันว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว แต่ในฐานะอาจารย์ เขาก็อดกังวลไม่ได้
เมื่อเห็นว่าหลี่เฟยฮวาดูผอมลงอีก เหวินเทียนจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ร่างกายของเธอไม่มีปัญหาจริง ๆ ใช่ไหม?”
หลี่เฟยฮวาส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมยิ้มบาง “ร่างกายฟื้นตัวเกือบหมดแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
เหวินเทียนยังคงมีท่าทีไม่สบายใจนัก เขาหยุดจัดโต๊ะก่อนจะถามต่อ “ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้มีโอกาสถามเธอเลย ทำไมเธอถึงเป็นลมหมดสติไปอย่างกะทันหันอย่างนั้นล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าในช่วงนั้น หวงหมิงลู่ถึงกับเฝ้าเธอจนไม่นอนเลย”
หลี่เฟยฮวาก็รู้ว่าการที่เธอหมดสติไปกะทันหันนั้นทำให้หวงหมิงลู่ตกใจมาก แต่เธอก็ไม่รู้จะอธิบายกับอาจารย์เหวินเทียนอย่างไรดี
เพราะความฝันที่เธอฝันในช่วงที่หมดสตินั้น เธอก็ไม่อาจบอกใครได้
“อาจเป็นเพราะตอนนั้นหวงหมิงลู่เกิดเรื่อง ทำให้หนูเครียดมาก เลยนอนนานกว่าปกติหน่อย”
เหวินเทียนหัวเราะ “ไม่ใช่แค่นานกว่าปกติหน่อยหรอก ทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่เคยเจอคนไข้ที่ตื่นขนาดนี้มาก่อน เกือบจะแนะนำให้กลับบ้านแล้ว แต่สามีของเธอไม่ยอม ทุกวันค่ารักษาพยาบาลไหลออกไปเหมือนน้ำ”
หลี่เฟยฮวาไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ๆ หลังจากที่ตื่นขึ้นมา เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องพวกนี้กับเธอเลย คงเป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นกังวล
“เอาเถอะ ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว บทความเธอเขียนไปถึงไหนแล้ว”
หลี่เฟยฮวาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
บทความเรื่องโดรนของหลี่เฟยฮวาเป็นสิ่งที่สำคัญต่อประเทศชาติมาก เพเราะในระยะเพียงสั้น ๆ เธอกลับวิจัยจนสร้างมันสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมาก
แม้แต่เขาเอง เทคโนโลยีหนึ่งอย่างก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี บางครั้งวิจัยครึ่งปีก็ยังไม่แน่ว่าจะได้อะไรออกมา
แต่หลี่เฟยฮวากลับทำได้
แม้แต่ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอก็เพียงพอที่จะสร้างประวัติศาสตร์ได้
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหลี่เฟยฮวามีท่าทางชัดเจนว่าไม่ได้เขียน เหวินเทียนจึงรู้สึกตกใจมาก
“เอ่อ…ไม่ใช่ว่าไม่ได้เขียนค่ะ” หลี่เฟยฮวารู้สึกเขินที่จะบอกว่าตัวเองเขียนแค่หัวข้อและยี่สิบสี่ตัวอักษรเท่านั้น
เหวินเทียนเองดูเหมือนจะเข้าใจบ้างแล้ว “เป็นเพราะไม่รู้วิธีเขียนบทความใช่ไหม ไม่เป็นไร เมื่อเธอเขียนเสร็จ ฉันจะช่วยขัดเกลาให้ ฉันอยากส่งบทความเกี่ยวกับโดรนของเธอไปลงในคอลัมน์ของนิตยสาร ‘วิทยาศาสตร์’ ต่างประเทศ”
หลี่เฟยฮวาได้ยินชื่อนิตยาสาร ‘วิทยาศาสตร์’ แล้วสีหน้าเคร่งขรึมทันที
‘วิทยาศาสตร์’ เป็นนิตยสารสื่อที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือไม่ใช่ใครก็สามารถส่งบทความไปตีพิมพ์ได้
ก่อนหน้านี้ หลี่เฟยฮวาเคยเขียนบทความวิชาการมามากมาย และถือว่าเป็นแขกประจำของ ‘วิทยาศาสตร์’ แต่สำหรับนักศึกษาปีหนึ่งอย่างเธอแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากเกินเอื้อมจริง ๆ
หลี่เฟยฮวาแสดงสีหน้าตื่นเต้น ลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองเพิ่งเขียนบทความวิชาการไปแค่ยี่สิบสี่ตัวอักษร
“จริงหรอคะ อาจารย์ตั้งใจจะส่งฉบับไหนคะ”
เหวินเทียนยิ้มขำ “จะฉบับไหนได้ล่ะ ดีที่สุดคือเธอเขียนให้เสร็จภายในสองฉบับล่าสุดนี่แหละ”
หลี่เฟยฮวายิ้มไม่ออกแล้ว เธอพูดว่า “อาจารย์เหวินเทียน ตอนนี้มีเรื่องค่อนข้างยากอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ”
เหวินเทียนขมวดคิ้วสงสัย “เรื่องยาก?”
หลี่เฟยฮวาตอบกลับด้วยนย้ำเสียงจริงจัง “ฉันเขียนไม่ออกค่ะ”
ในฐานะอัจฉริยะตัวจริงเหวินเทียนไม่เข้าใจคำพูดของหลี่เฟยฮวาเลย
หวินเทียนผู้ปกติอ่อนโยนถึงกับตาถลน “หลี่เฟยฮวา เธอรีบกลับไปเขียนให้ได้สองบทก่อน ถ้าอีกหนึ่งสัปดาห์เขียนไม่ออก เธอก็ไม่ต้องเข้าเรียนแล้ว มาที่ห้องอาจารย์ทุกวัน ฉันจะคอยดูเธอเขียน”
หลี่เฟยฮวา “…”
หลี่เฟยฮวารู้สึกเศร้าสุด ๆ
สุดท้าย เธอก็ได้แต่เดินกลับหอพักอย่างหมดเรี่ยวแรง เหมือนไก่ตกน้ำ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ วางสมุดไว้ตรงหน้า ท่าทางเหมือนคนที่กำลังเสียใจสุด ๆ
เมื่อลู่ซือเจี้ยและตู้เจียวเหม่ยเห็นเข้า ก็รีบเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ถ้าไม่ถามก็ยังดี พอถามหลี่เฟยฮวาก็ซุกหน้าลงบนโต๊ะทันที
หลี่เฟยฮวามองพื้นปูนแล้วคิดในใจ โอ้สวรรค์ ขอให้ฉันพินาศไปพร้อมกับบทความเถอะ!
ลู่ซือเจี้ยพูดขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หลี่เฟยฮวา เธอเคยเจอเพื่อนร่วมห้องคนใหม่หรือยัง?”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบ “ยังไม่เคยเจอเลย”
เนื่องจากห้องพักของพวกเธอเหลือกันเพียงแค่สามคน วันนี้จึงมีนักศึกษาใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย
MANGA DISCUSSION