บทที่ 172 พี่สาว…ทำอะไรบ้าง?
ฟางซินถึงกับหน้าซีด เธอไม่กล้าสบตาหลี่เฟยฮวาแต่ก็ยังพยายามเถียง “แล้วมันสำคัญอะไรนัก? เด็กแค่นั้นจะรู้เรื่องอะไร…”
หวงหมิงลู่ที่ยืนเงียบมาตลอดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เด็กไม่เข้าใจ แต่ผู้ใหญ่ควรเข้าใจ คุณควรรู้ว่าคำพูดบางคำมีผลต่อคนอื่นแค่ไหน โดยเฉพาะกับเด็กที่คุณเรียกว่าไม่รู้เรื่อง”
ฟางซินสะอึก เธอเริ่มสับสนและไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
เฟิงจางหยงมองดูสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ไปเรื่อย ๆ เขารู้ว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ชื่อเสียงของครอบครัวเขาคงย่ำแย่ไปอีกนาน เขาจึงกัดฟันแน่นแล้วหันไปพูดกับฟางซิน
“ฟางซิน ขอโทษพวกเขาซะ แล้วเรื่องจะได้จบตรงนี้”
“แต่ฉันไม่ได้…” ฟางซินพยายามพูดแย้ง แต่แววตากดดันของเฟิงจางหยงทำให้เธอต้องกลืนคำพูดลงไป
เธอหันไปมองหลี่เฟยฮวาและกู้ป๋อเหวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอโทษค่ะ…”
กู้ป๋อเหวินจ้องมองฟางซินอย่างไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อหลี่เฟยฮวาพยักหน้าเบา ๆ เด็กชายก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อืม ฉันให้อภัย แต่ห้ามพูดแบบนั้นอีกนะ!”
ฟางซินกัดฟันแน่นแต่ก็พยักหน้า
หลี่เฟยฮวาหันไปมองเฟิงจางหยงด้วยสายตานิ่งเฉียบ “ผู้กองเฟิงจางหยง ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และหวังว่าครอบครัวคุณจะระวังคำพูดให้มากกว่านี้”
เฟิงจางหยงพยักหน้ารับแบบขอไปที ก่อนที่หลี่เฟยฮวาและหวงหมิงลู่จะพากู้ป๋อเหวินเดินออกไปจากบ้านหลังนั้น
เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก กู้ป๋อเหวินมองหน้าหลี่เฟยฮวา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลี่เฟยฮวา เก่ง!”
หลี่เฟยฮวาหัวเราะเบา ๆ พลางลูบหัวเด็กชาย “เธอเองก็เก่งเหมือนกันป๋อเหวิน พูดได้ดีมาก”
หวงหมิงลู่ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ แอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความอบอุ่นว่า “เข้าไปพักเถอะ เรื่องจบแล้ว ส่วนฉันต้องไปฝึกต่อ”
สิ้นคำพูด เขาก็ค่อย ๆ ย่อตัวลง ปล่อยกู้ป๋อเหวินลงจากอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล
แม้กู้ป๋อเหวินจะยังรู้สึกไม่พอใจฟางซินอยู่บ้าง แต่ความอบอุ่นจากการสนับสนุนของหลี่เฟยฮวาและหวงหมิงลู่ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินตามหลี่เฟยฮวาเข้าบ้านไป
หนึ่งสัปดาห์ที่กู้ป๋อเหวินอยู่ในหมู่บ้านครอบครัวทหาร ชีวิตในบ้านของหลี่เฟยฮวากับหวงหมิงลู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หวงหมิงลู่ยกห้องนอนให้หลี่เฟยฮวากับเด็กชาย ส่วนตัวเองย้ายไปนอนในห้องหนังสือ
ทุกเช้าตรู่ หวงหมิงลู่จะตื่นมาเตรียมอาหารเช้าพร้อมเสมอ ทั้งโจ๊ก ขนมปัง ซาลาเปา และอาหารจานเล็ก ๆ ที่หลี่เฟยฮวาชอบ
วันนี้ก็เช่นกัน กู้ป๋อเหวินตื่นขึ้นมาแล้วเดินตามกลิ่นหอมจากครัวไป พบหวงหมิงลู่ในชุดลำลองทหาร กำลังพลิกหมั่นโถวในหม้อนึ่ง เขายืนจ้องภาพตรงหน้าอยู่นาน ก่อนจะถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“ลุง… หวงหมิงลู่…ทำ?”
เสียงใส ๆ ของกู้ป๋อเหวินทำให้หวงหมิงลู่หันกลับมามอง เด็กชายตัวเล็กในชุดนอนเดินเข้ามาใกล้ ยืนจ้องหมั่นโถวสีขาวอวบที่อยู่ในจาน
“ใช่ ฉันทำเอง” หวงหมิงลู่ตอบเรียบ ๆ ก่อนจะนึ่งหมั่นโถวต่อ
กู้ป๋อเหวินอ้าปากเล็กน้อย มองหมั่นโถวสีขาวอวบอ้วน พร้อมทั้งอาหารอีกสามสี่จาน ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา อาจเป็นเพราะไม่คิดว่าหวงหมิงลู่ที่หน้าดุดันจะทำอาหารเป็น
หลี่เฟยฮวาเดินตามเข้ามาในครัว เพิกเฉยต่อคำว่า ‘ลุง’ โดยอัตโนมัติ พยักหน้า “ใช่ เขาเป็นคนทำ”
กู้ป๋อเหวินยังคงยืนงง ใบหน้าแสดงความไม่อยากเชื่อ เขาเริ่มทบทวนความทรงจำของตัวเองย้อนหลัง ตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่
หลังจากลุงหวงหมิงลู่กลับมาจากซื้อของ เขาก็เริ่มทำอาหารให้กินทุกมื้อ แม้กระทั่งน้ำอาบของพี่สาวก็เป็นลุงหวงหมิงลู่ที่ต้มน้ำร้อนให้ วันนี้ก็ยังตื่นเช้ามาทำอาหารเต็มโต๊ะ
เด็กชายเหลือบมองหลี่เฟยฮวา ก่อนจะถามขึ้นอย่างจริงจัง “พี่สาว…ทำอะไรบ้าง?”
หลี่เฟยฮวา “…”
คำถามที่ดูไร้เดียงสานั้นกลับแทงใจหลี่เฟยฮวา เธอชะงักไปครู่หนึ่ง หันไปมองหวงหมิงลู่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว เธอนึกย้อนถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่กู้ป๋อเหวินมาเยี่ยม
คนที่ปลุกเธอตอนเช้าก็คือหวงหมิงลู่ คนที่ทำอาหารและล้างจานก็เขา บางวันยังรีบกลับจากหน่วยงานมาทำอาหารเที่ยงให้เธอและกู้ป๋อเหวิน
ตอนกลางคืนยังมีคนซักผ้าเตรียมไว้ให้ เธอได้แต่เขียนบทความ อ่านหนังสือ แล้วก็ช่วยเล่นกับกู้ป๋อเหวิน…
“ฉัน…”
ก่อนที่หลี่เฟยฮวาจะทันพูดจบ กู้ป๋อเหวินก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างจริงจัง “เข้าใจแล้ว!”
“เธอเข้าใจอะไร?” หลี่เฟยฮวาถามอย่างสงสัย
“เป็นต้นไม้!”
“…” หลี่เฟยฮวาแทบสำลักอากาศ เธอมองเด็กชายที่พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจแบบไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“ไม่ต้องทำอะไร ลุงหวงหมิงลู่ รดน้ำให้ทุกวัน พี่สาวเป็นต้นไม้!”
คำพูดนั้นทำให้หวงหมิงลู่ที่กำลังคีบหมั่นโถวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาวางจานลงบนโต๊ะแล้วเดินมาลูบหัวกู้ป๋อเหวินเบา ๆ
“เจ้าตัวเล็กนี่ฉลาดจริง ๆ”
หลี่เฟยฮวาทำได้แค่ถอนหายใจ ปล่อยให้ทั้งคู่หัวเราะกัน
ตอนกลางคืนกู้เจียอีมารับลูกมองเห็นแต่ไกลว่านอกจากลูกชายของตนจะจูงมือหลี่เฟยฮวายังจูงมทอคนอื่นมาอีกคน
ไม่ต้องเดาเลย กู้เจียอีรู้ว่าผู้ชายที่ลูกชายจูงมือมาด้วยนั้นคือสามีของหลี่เฟยฮวา
เขาไม่สามารถรวบรวมข้อมูลของเขตทหารได้ รู้แต่เพียงว่าสามีของหลี่เฟยฮวาเป็นคนหน้าตาดี อายุยังน้อยก็ได้เป็นผู้บังคับกองพันแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ กู้เจียอีจึงได้เห็นหน้าตาของหวงหมิงลู่ชัดเจน
ความรู้สึกแรกของกู้เจียอีคือดูคล้ายกับคุณปู่ตอนยังหนุ่มมาก
แต่ยังไม่ทันคิดอะไรมาก ก็เห็นลูกชายของตนพุ่งเข้ามาหาเหมือนลูกปืนใหญ่
เจ้าตัวน้อยวิ่งมากอดขาของเขาแน่น พูดอย่างน่าสงสารว่า “คิดถึง พ่อ”
กู้ป๋อเหวินพูดค่อนข้างไม่ชัด แต่กู้เจียอีกลับได้ยินชัดเจนทุกคำ
ดวงตาของกู้เจียอีแดงก่ำทันที เขามองลูกชายของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลี่เฟยฮวาพูดขึ้นจากด้านข้าง “ช่วงนี้ฉันคุยกับป๋อเหวินประจำ ความสามารถทางภาษาของเขาดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก”
กู้เจียอีแน่นอนว่ารู้สึกได้
ไม่ใช่แค่ดีขึ้นมาก แต่เกินความคาดหมายมาก
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมากกับกู้เจียอี แค่หวังว่าเมื่อตัวเองไม่อยู่แล้ว ลูกชายของเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
แต่ถึงบ้านจะร่ำรวยแค่ไหน เมื่อญาติพี่น้องไม่อยู่ ลูกชายของเขาก็เหมือนลูกแกะตัวน้อยที่ตกลงไปในรังหมาป่า ถูกรังแก ทว่าแต่ตอนนี้เขาเห็นความหวังแล้ว
หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน หลี่เฟยฮวาเข้าใจความหมายในคำพูดของกู้ป๋อเหวินบ้างแล้ว “กู้ป๋อเหวิน เธอต้องไปเรียนประถม ส่วนฉันต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันและไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน”
โดยที่หลี่เฟยฮวาไม่ต้องพูดต่อกู้ป๋อเหวินก็เข้าใจแล้ว
เจ้าตัวน้อยน้ำตาคลอ เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ
เขาคิดสักครู่ ตัวเองไม่สามารถให้หลี่นเฟยฮวามาเอาใจตัวเองได้ จึงต้องเป็นฝ่ายเอาใจหลี่เฟยฮวาแทน
“ฉันจะไปเรียนมหาวิทยาลัยกับหลี่เฟยฮวา”
หลี่เฟยฮวาพูดว่า “…งั้นเธอก็พยายามเรียนให้ดีนะ”
กู้ป๋อเหวินยังไม่เข้าใจว่าหลี่นเฟยฮวาหมายความว่าอย่างไร เขาคิดว่าแค่ตัวเองพยายามเรียนให้ดีก็จะได้อยู่กับหลี่เฟยฮวา ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง
MANGA DISCUSSION