บทที่ 171 คำว่าล้อเล่นเป็นข้ออ้างที่ใช้ไม่ได้
เมื่อคืนหลังจากที่กู้ป๋อเหวินหลับสนิท หลี่เฟยฮวาได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงอาหารให้หวงหมิงลู่ฟัง แม้เธอจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง แต่เธอจำได้ว่าตอนที่กลับไป
กู้ป๋อเหวินดูมีอาการโกรธเคือง และเด็กชายก็หลุดปากด่าภรรยานายทหารคนหนึ่ง ถ้าหลี่เฟยฮวาจำไม่ผิด คน ๆ นั้นคือฟางซิน
ฟางซินในปีนี้อายุสามสิบปี เธอทำงานในตำแหน่งพลเรือนในเขตทหาร สามีของเธอ เฟิงจางหยง มีตำแหน่งต่ำกว่าหวงหมิงลู่เล็กน้อย เขาเป็นผู้กองร้อย อายุสามสิบสองปี ในขณะที่หวงหมิงลู่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้พันหลังเหตุการณ์ดินถล่ม
หลังจากทั้งสามคนกินข้าวเช้าด้วยกันเสร็จเรียบร้อย หลี่เฟยฮวาก็ทำท่าจะอุ้มกู้ป๋อเหวินไว้ในอ้อมแขน แต่หวงหมิงลู่กลับยื่นมือมาอุ้มเด็กชายแทน ทำให้หลี่เฟยฮวาแปลกใจเล็กน้อย และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อกู้ป๋อเหวินไม่ได้งอแงหรือขัดขืน แถมยังยอมให้หวงหมิงลู่อุ้มไปโดยง่าย
จากนั้น ทั้งสามคนก็เดินมุ่งหน้าไปยังบ้านของฟางซิน
เมื่อไปถึงบ้าน เฟิงจางหยง สามีของฟางซินกำลังเตรียมตัวออกไปทำงานพอดี เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคนด้วยความแปลกใจ
“ผู้พันหวง มาแต่เช้าแบบนี้ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุภาพและสงสัย ขณะที่สายตาสอดส่องสำรวจหวงหมิงลู่ หลี่เฟยฮวา และเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนของหวงหมิงลู่
หวงหมิงลู่ไม่ค่อยพูดอะไรมากเมื่ออยู่ข้างนอก มักทำหน้าเย็นชา ดูน่ากลัว เพียงแค่เอ่ยเสียงต่ำสั้น ๆ ว่า “อืม”
หลี่เฟยฮวาไม่รอช้า เอ่ยถามเฟิงจางหยงด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที “เมื่อวานกู้ป๋อเหวินบอกว่าภรรยาของคุณพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดี ดังนั้น ฉันอยากถามสหายฟางซินว่าเคยพูดแบบนั้นจริงหรือเปล่า?”
เธอพูดจบก็เหลือบตามองเข้าไปข้างในบ้าน และก็เห็นฟางซินที่กำลังแอบฟังอยู่หลังประตูจริง ๆ
ประตูห้องเปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีขาข้างหนึ่งโผล่ออกมานอกกรอบประตู ฟางซินพยายามแอบฟังบทสนทนา แต่การกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ ของเธอกลับเผยให้เห็นชัดเจน
หลี่เฟยฮวาไม่รอคำตอบจากเฟิงจางหยง แต่หันไปพูดกับฟางซินที่อยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เฉียบขาด “สหายฟางซิน เรื่องนี้จริงหรือเท็จ พวกเราน่าจะออกมาพูดให้ชัดเจนกันดีกว่า”
ฟางซินที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องสะดุ้งเฮือกโดยไม่รู้ตัว
เฟิงจางหยงขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นภรรยาของตนตกเป็นเป้าสายตาเขาจึงไม่พอใจหนักขึ้น สีหน้าเขาดูดุดัน ราวกับความอดทนถึงขีดจำกัด
“เรื่องระหว่างเพื่อนบ้านจะมีอะไรใหญ่โตนักหนา? เห็นแก่หน้าฉัน แล้วจบกันไปไม่ได้หรือไง?” เฟิงจางหยงเอ่ยเสียงเข้มพยายามเบี่ยงประเด็น
แต่หลี่เฟยฮวากลับไม่สนใจ เธอหันมาจ้องเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยพลัง “ผู้กองเฟิงจางหยง มีหน้าตาใหญ่โตแค่ไหนกัน? ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อหาเรื่อง แค่หวังว่าฟางซินจะขอโทษหลานฉัน แค่นั้นเอง”
คำพูดของหลี่เฟยฮวาไม่ดังนัก แต่เฉียบคมพอจะดึงความสนใจของผู้คนในละแวกนั้นได้ทันที เสียงกระซิบดังขึ้นรอบ ๆ หลายคนเดินออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในขณะเดียวกัน เสียงของเฟิงจางหยงกลับดังลั่นอย่างไม่เกรงใจ “ภรรยาของฉันจะพูดอะไรกับเด็กได้? ตั้งแต่เช้าตรู่พวกคุณมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่มาหาเรื่องแล้วจะมาทำอะไร!”
พูดจบ เฟิงจางหยงหันไปตะโกนเรียกภรรยาที่แอบอยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงโมโห “เธอรีบออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วพูดเรื่องทั้งหมดออกมาให้หมด!”
เฟิงจางหยงซึ่งปกติไม่ค่อยชอบหน้าหวงหมิงลู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกถูกท้าทาย ท่าทางของเขาเหมือนพร้อมจะปะทะได้ทุกเมื่อ
แต่หวงหมิงลู่ยังคงยืนเงียบ มองสถานการณ์ด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบใด ๆ
เฟิงจางหยงที่โมโหสุดขีดเหมือนไฟกำลังโหมแรงแต่ไม่มีทางระบาย จึงหันไปตะคอกใส่ฟางซินที่ค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้า
ประโยคแรกที่ฟางซินพูดออกมาคือ “เธอพูดอะไรน่ะ? ฉันไม่เคยพูดถึงเด็กคนนี้สักหน่อย”
คำปฏิเสธนั้นทำให้หลี่เฟยฮวาสบตากับฟางซิน สายตาของเธอเฉียบคมจนฟางซินรู้สึกอึดอัด
กู้ป๋อเหวินที่อยู่ในอ้อมกอดหวงหมิงลู่ ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใสชัดเจน แม้จะมีความกังวลเล็กน้อยในแววตา “พูด! บอกว่าเป็นลูกนอกสมรส!”
คำพูดของเด็กชายดึงสายตาทุกคู่มาที่เขา ความกล้าหาญนั้นมาจากมือหยาบกร้านของหวงหมิงลู่ที่ลูบหัวเขาเบา ๆ ก่อนจะจับมือเล็ก ๆ นั้นไว้แน่น ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง
หลี่เฟยฮวาหันไปมองเฟิงจางหยงและฟางซินด้วยสายตาที่เย็นเยียบ น้ำเสียงของเธอมั่นคงราวกับไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ใด ๆ
เฟิงจางหยงที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อสบตากับหลี่เฟยฮวาก็กลับเงียบไปทันที สายตาเย็นชาของเธอราวกับสามารถดับไฟแห่งความโกรธของเขาได้ในพริบตา
ฟางซินเองก็ตกอยู่ในสภาวะลำบาก เธออ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
ในที่สุด เฟิงจางหยงที่เก็บความอึดอัดไว้ไม่ไหว ก็หันไปตบใบหน้าภรรยาของตัวเองอย่างแรงจนเสียงดังลั่น ทำให้ผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์ถึงกับอ้าปากค้าง
ฟางซินถูกตบจนหน้าหันไปอีกด้าน ครึ่งหน้าของเธอขึ้นรอยแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด เส้นเลือดฝอยกระจายเป็นริ้วราง ๆ ราวกับแสดงถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับ
หลี่เฟยฮวาที่มองเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกไม่พอใจฟางซินที่พูดจาใส่ร้ายเด็กอย่างกู้ป๋อเหวิน แต่เธอก็ไม่อาจยอมรับการกระทำของเฟิงจางหยงได้เช่นกัน ความรู้สึกรังเกียจผุดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชายตรงหน้าลงมือทำร้ายภรรยาตัวเองต่อหน้าผู้คน
“ผู้กองเฟิงจางหยง คุณอยากให้ทุกคนเห็นคุณทำร้ายร่างกายภรรยาตรงนี้หรือไง?” หลี่เฟยฮวาเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เฟิงจางหยงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
การที่เขาสั่งสอนภรรยาตัวเองสักหน่อยจะเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหน?
เขาหันไปมองหลี่เฟยฮวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงเข้มจัด “รีบไปขอโทษเดี๋ยวนี้!”
ฟางซินที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองสามีด้วยความตกใจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาแสดงออกถึงความไม่อยากเชื่อ
“ทำไมฉันที่เป็นผู้ใหญ่ต้องไปขอโทษเด็กด้วย! ฉันแค่ล้อเล่นกับเขาไม่ได้เหรอ?”
เฟิงจางหยงถึงกับโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่
เขาไม่เคยคาดคิดว่าหวงหมิงลู่กับหลี่เฟยฮวาจะยึดเอาเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาเป็นเรื่องใหญ่โต ในความคิดของเขา
คำพูดที่หลุดปากไปเมื่อครู่ก็แค่เป็นการเปิดทางให้ทุกฝ่ายจบเรื่อง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าทั้งสองคนจงใจรอจังหวะที่จะทำให้เขาและภรรยาเสียหน้า
ใบหน้าของเฟิงจางหยงเต็มไปด้วยความโมโห เขาหันไปมองฟางซินด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างเย็นชา
“เธอจะมาถามฉันทำไม? เธอควรไปถามฝ่ายนั้นสิ! ถ้าพวกเขาไม่ยกโทษให้ เธอก็ต้องขอโทษจนกว่าพวกเขาจะยอมยกโทษให้ เข้าใจไหม?”
น้ำเสียงและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด จนบรรยากาศรอบตัวเคร่งเครียดไปชั่วขณะ
ฟางซินกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าที่แดงก่ำทั้งจากความโกรธและอับอายทำให้เธอดูอ่อนแอในสายตาคนอื่น รอบข้างมีเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงดังเริ่มแอบมองจากระยะไกล
สถานการณ์นี้ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเหมือนถูกผลักให้จนมุม
“ฉันแค่ล้อเล่น!” ฟางซินตะโกนสวนออกมา น้ำเสียงสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
หลี่เฟยฮวามองดูสถานการณ์ด้วยสายตาสงบเยือกเย็น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“สหายฟางซิน” หลี่เฟยฮวาพูดขึ้น น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ฟังแล้วเหมือนมีแรงกดดันแฝงอยู่
“การล้อเล่นของคุณทำให้เด็กต้องกลับมาถามฉันว่าเขาเป็นภาระหรือเปล่า ทำให้เขาต้องทนฟังคำพูดที่เขาไม่เข้าใจและไม่ควรได้ยิน คุณคิดว่าคำว่าล้อเล่นจะเป็นข้ออ้างที่ใช้ได้จริง ๆ เหรอ?”
MANGA DISCUSSION