บทที่ 170 เป็นภาระใช่ไหม?
กู้ป๋อเหวินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาใสแจ๋วของเขาเหลือบมองหลี่เฟยฮวาอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็เพียงพยักหน้าตอบรับโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
หลี่เฟยฮวามองเด็กชายตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไรนะ ถ้าเจอคนไม่ดี ก็บอกฉันมาได้เสมอ เข้าใจไหม?”
เด็กชายพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเริ่มคลายกังวลลงเล็กน้อย
บรรยากาศรอบตัวกลับมาสงบอีกครั้ง ทั้งสองนั่งทานอาหารกลางวันในโรงอาหารกันต่ออย่างเงียบสงบ ความอร่อยของอาหารช่วยให้ความตึงเครียดจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ค่อย ๆ จางหายไป แม้สายตาบางคู่ที่แอบมองมาจะยังไม่จางหายจากความระแวดระวัง
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลี่เฟยฮวาก็จูงมือกู้ป๋อเหวินเดินกลับบ้านพักด้วยกัน แสงแดดยามบ่ายอ่อน ๆ สาดส่องผ่านหมู่ไม้เป็นเงารำไร เด็กชายดูร่าเริงแจ่มใส วิ่งเล่นไปรอบ ๆ ระหว่างทางกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
หลี่เฟยฮวายิ้มขณะมองกู้ป๋อเหวินที่กำลังหยุดดูใบไม้ร่วงอยู่ข้างทาง แม้ในใจจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เขายังไม่พูดออกมา แต่เธอก็ไม่ได้เร่งเร้าหรือกดดันเด็กชาย
เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก กู้ป๋อเหวินก็วิ่งตรงไปที่มุมเล่นของเขาทันที มือเล็ก ๆ หยิบโมเดลรถไฟแม่เหล็กเหนี่ยวนำที่เขาชื่นชอบขึ้นมาเล่นต่ออย่างกระตือรือร้น หลี่เฟยฮวานั่งลงข้าง ๆ พร้อมช่วยแก้ไขชิ้นส่วนที่เด็กชายประกอบผิดพลาดด้วยความใจเย็น
เสียงหัวเราะคิกคักของกู้ป๋อเหวินดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อโมเดลรถไฟเริ่มประกอบเป็นรูปเป็นร่างตามที่เขาต้องการ หลี่เฟยฮวาเองก็พลอยยิ้มตามกับความสดใสของเด็กชาย
ระหว่างที่เขาเล่น หลี่เฟยฮวาก็หยิบหนังสือเล่มบางจากชั้นหนังสือมาอ่านให้ฟัง เสียงของเธออบอุ่นและนุ่มนวล ทำให้กู้ป๋อเหวินที่เพิ่งร่าเริงเมื่อครู่เริ่มนิ่งฟัง ดวงตาใสแจ๋วค่อย ๆ ปรือหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุด โมเดลรถไฟที่อยู่ในอ้อมกอดของเด็กชายก็ถูกปล่อยให้ล้มลงเบา ๆ เมื่อเขาหลับไปโดยไม่รู้ตัว
หลี่เฟยฮวามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มบาง ๆ ประดับอยู่บนใบหน้า เธอค่อย ๆ ขยับตัวอย่างระมัดระวัง หยิบผ้าห่มผืนเล็กที่พับไว้บนโซฟามาคลุมให้เด็กชาย
เมื่อแน่ใจว่ากู้ป๋อเหวินหลับสนิทแล้ว หลี่เฟยฮวาก็หยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมาอ่านต่อที่มุมโปรดของเธอ เสียงลมพัดแผ่วเบานอกหน้าต่าง เสียงนกกระจิบร้องเบา ๆ จากกิ่งไม้ สร้างบรรยากาศสงบสุขในช่วงเวลาบ่าย
หลี่เฟยฮวาอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ พลางเฝ้ารอหวงหมิงลู่กลับมา
—
ช่วงเย็น หวงหมิงลู่กลับมาพร้อมกับถุงอาหารสดเต็มสองมือ เขาเดินเข้าครัวโดยไม่พูดอะไรมาก เตรียมอาหารค่ำอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินไปเรียกหลี่เฟยฮวากับกู้ป๋อเหวิน “อาหารเสร็จแล้ว มากินข้าวกันเถอะ”
กู้ป๋อเหวินที่เพิ่งตื่นจากการงีบ ยังคงกอดรถไฟอยู่ในมือ แต่เมื่อได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากครัว เด็กชายก็รีบลุกขึ้นทันที ที่โต๊ะอาหาร หวงหมิงลู่จัดอาหารอย่างเป็นระเบียบ ทุกจานดูน่ากินจนกู้ป๋อเหวินจ้องด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อได้ลองชิมคำแรก เด็กชายถึงกับตาโต แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส “อร่อย!”
หลี่เฟยฮวาเห็นท่าทางของเด็กชายก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะคีบผักใส่จานให้เขา “กินเยอะ ๆ นะ จะได้แข็งแรง”
กู้ป๋อเหวินพยักหน้าอย่างตั้งใจ ก่อนจะพลันคีบข้าวจากจานตัวเองให้หลี่เฟยฮวาบ้าง “พี่สาวต้องกินเยอะ ๆ ด้วย”
หวงหมิงลู่มองภาพนั้นด้วยความหมั่นไส้นิด ๆ พลางคิดในใจว่า ตัวแค่นี้แต่เอาใจเก่งจริง ๆ
เขาคีบเนื้อชิ้นใหญ่ใส่จานเด็กชาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเอ็นดู “ตัวเองก็กินเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง ไว้ปกป้องหลี่เฟยฮวาได้”
กู้ป๋อเหวินเงยหน้ามองหวงหมิงลู่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะรีบตักเนื้อเข้าปากอย่างไม่รอช้า จากนั้นเด็กชายก็คีบเนื้อกลับใส่จานหวงหมิงลู่ “กินเยอะ ๆ จะได้ปกป้องหลี่เฟยฮวาด้วย!”
บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม กู้ป๋อเหวินคอยสลับคีบอาหารให้ทั้งหลี่เฟยฮวาและหวงหมิงลู่ ทั้งสามคนกินข้าวไปพูดคุยไปอย่างอบอุ่น
หลังอาหารค่ำ หวงหมิงลู่พากู้ป๋อเหวินไปล้างมือ เด็กชายที่อิ่มจนพุงกางพยายามกลั้นหาว ก่อนจะถูกพาไปนั่งบนโซฟาเพื่อเล่นโมเดลต่ออีกเล็กน้อย เมื่อถึงเวลานอน กู้ป๋อเหวินที่ง่วงเต็มที่ก็เผลอหลับไปทันทีในอ้อมแขนของหลี่เฟยฮวา
“เด็กคนนี้นี่… แข็งแรงดีจริง ๆ” หวงหมิงลู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม พลางช่วยยกเด็กชายขึ้นไปนอนบนเตียงที่หลี่เฟยฮวาเตรียมไว้
ทว่ากู้ป๋อเหวินกลับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มือเล็ก ๆ อวบอ้วนของเขาแตะที่หน้าอกของหลี่เฟยฮวา เด็กชายเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “หลี่เฟยฮวา ฉันมาบ้าน…เป็นภาระ…ให้หลี่เฟยฮวากับหวงหมิงลู่ใช่ไหม?”
คำพูดแปลกประหลาดของกู้ป๋อเหวินทำให้หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนจะตอบว่า “สร้างความยุ่งยากอะไรกัน ถ้าคิดว่านเธอยุ่งยาก ฉันก็ส่งเธอกลับบ้านไปนานแล้ว ฉันเป็นคนเชิญมาเป็นแขกที่บ้านเอง เธอเป็นแขกน้อยของบ้านเราน่ะ”
กู้ป๋อเหวินถูกดุไปหนึ่งยก แต่ในใจกลับรู้สึกดีมาก
เพราะหลี่เฟยฮวาไม่ได้คิดว่าเขาเป็นภาระ
หลี่เฟยฮวามองเด็กชายที่เงียบไปครู่หนึ่ง แต่เธอสังเกตเห็นว่าท่าทางของเขาเปลี่ยนไป เธอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “มีใครพูดอะไรกับเธอหรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้กู้ป๋อเหวินอดทนเอาไว้ เพราะกลัวว่าหลี่เฟยฮวาจะคิดว่าเขาเป็นปัญหาจึงไม่กล้าพูด “โรงอาหาร…บอกว่า ภาระ ลูกนอกสมรส”
“ลูกนอกสมรสคืออะไร?” กู้ป๋อเหวินเอ่ยถาม แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่คำที่ดี
หลี่เฟยฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอนอนเถอะ”
หลี่เฟยฮวาลูบหลังเด็กน้อย ไม่นานกู้ป๋อเหวินก็พล็อยหลับไป หลี่เฟยฮวาแสร้งทำเป็นไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ความจริงแล้วพอถึงวันรุ่งขึ้น ตอนที่ฟ้ายังไม่สาง เธอก็กู้ป๋อเหวินพาลุกขึ้นจากเตียงแล้ว
ส่วนกู้ป๋อเหวินลืมเรื่องเมื่อวานไปหมดสิ้นแล้ว เพราะตื่นเช้าเกินไป ข้างนอกหน้าต่างยังมืดสนิท มีเพียงไฟถนนด้านล่างตึกที่ส่องสว่างเป็นบริเวณเล็ก ๆ เท่านั้น
กู้ป๋อเหวินลืมตาโพลงมองหลี่เฟยฮวา ดูเหมือนจะประหลาดใจมากที่กู้ป๋อเหวินซึ่งปกติจะนอนจนตื่นเองตามธรรมชาติ กลับสามารถตื่นเช้าขนาดนี้ได้
“เมื่อวานถูกรังแกไม่ใช่เหรอ วันนี้พี่สาวจะพาเธอไปเอาความยุติธรรมกลับมา”
พูดจบ หลี่เฟยฮวาก็รีบสวมเสื้อผ้าให้กู้ป๋อเหวินอย่างรวดเร็ว แต่พอใส่เสร็จถึงได้พบว่าใส่กลับด้าน
หลี่เฟยฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเบา ๆ “กู้ป๋อเหวินใส่เสื้อผ้าเองได้ใช่ไหม?”
กู้ป๋อเหวินนั่งเงียบ ๆ พลางจัดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่กลับด้านให้ถูกต้อง ท่าทางชำนาญราวกับเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน ในฐานะเด็กที่มี EQ สูง เขาเลือกที่จะไม่บอกหลี่เฟยฮวาว่าที่ผ่านมาเขาใส่เสื้อผ้าเองมาตลอด
หลี่เฟยฮวาที่ตอนแรกยังมีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่ พลันลืมความอึดอัดเมื่อครู่ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงสัญญาณปลุกของค่ายทหารดังขึ้น หลี่เฟยฮวาก็พากู้ป๋อเหวินเตรียมตัวออกจากบ้าน
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะก้าวพ้นประตู เสียงทุ้มต่ำของหวงหมิงลู่ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ขัดจังหวะความเร่งรีบของหลี่เฟยฮวา
“จะไปไหน? มากินข้าวเช้าก่อน จะเอาแรงอะไรไปสู้เขา”
น้ำเสียงราบเรียบของหวงหมิงลู่ทำให้หลี่เฟยฮวาที่กำลังจะก้าวออกจากบ้านต้องชะงัก เธอหันมามองเขาพร้อมกับพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะพูดอย่างเห็นด้วย
“ใช่แล้ว กู้ป๋อเหวิน! กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ”
พูดจบ หลี่เฟยฮวาก็จูงมือเด็กชายเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย หวงหมิงลู่มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ยากจะสังเกต ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ คล้ายจะเอ็นดูกับท่าทีของทั้งสองคน
MANGA DISCUSSION