บทที่ 17 ลองดูสักหน่อย
อู่ไฉวั่งทรุดตัวลงบนม้านั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าซีดเซียวก้มต่ำ มือสั่นเทา ภาพนั้นทำเอาคนงานรอบข้างน้ำตาคลอ ใจหายวาบ
“ไอ้เลวเอ๊ย!” เขาตะโกนด้วยความโกรธแค้น “ฉันไม่น่าไปเสียรู้พวกมันเลย เห็นว่าเครื่องสีข้าวยังดูใหม่ แถมราคาถูกกว่าท้องตลาด คงพอจะลดต้นทุนการผลิตได้ ที่แท้ก็เป็นของเก่าคร่ำคร่าชัด ๆ!”
อู่ไฉวั่งรู้สึกเจ็บใจราวกับถูกมีดนับสิบเล่มทิ่มแทง เขาก้มหน้างุด ตนเองเป็นถึงเถ้าแก่ที่ดูแลโรงสีและคนงานมานานหลายปี แต่กลับพลาดท่าให้กับคนได้ง่าย ๆ เครื่องสีราคาแพงลิบลิ่วใช้งานได้ไม่ถึงสองเดือนก็พังราวกับของเล่น
ถึงแม้โรงสีข้าวอู่ซินจะอยู่มานาน แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ ช่วงนี้เขาได้ยินมาว่า มีโรงสีข้าวอีกแห่งกำลังจะเปิดตัว นั่นหมายความว่ากิจการของตระกูลมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมา เขาต้องคิดหาทางทำให้โรงสีข้าวอู่ซินอยู่รอดต่อไปได้ จึงรู้สึกใจชื้นตอนที่ได้ยินหลี่เฟยฮวาพูดถึงภาพในอนาคตเกี่ยวกับโรงสีข้าวของเขา
แต่ตอนนี้อู่ไฉวั่งเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าสิ่งที่หลี่เฟยฮวาพูดจะเป็นความจริงหรือเปล่า พอมองไปทางไหนก็เห็นเพียงเมฆหมอกปกคลุม เขาได้แต่เอ่ยเสียงสั่น “ฉัน… ฉันขอโทษทุกคนด้วย”
“เถ้าแก่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ จะโทษคุณได้ยังไงกัน?” เสียงปลอบโยนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน แต่ไม่อาจปลอบประโลมหัวใจที่แตกสลายของอู่ไฉวั่งได้
“ไอ้พวกฝรั่งบ้านั่นต่างหาก! มันหลอกขายเศษเหล็กขึ้นสนิมให้เรา!” เสียงตะโกนด้วยความโกรธแล่นออกมา “พวกเราเสียเงินไปตั้งมากมาย ต้องไปเอาเรื่องกับพวกมันให้สาสม!”
“ใช่ ฉันไม่ยอมเสียเงินเปล่าหรอก… แต่ไม่รู้ว่าพวกมันจะหนีไปไกลแค่ไหนแล้ว” อู่ไฉวั่งกำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย วิธีฟ้องร้องและเรียกเงินคืนก็พอมีอยู่ แต่เวลาผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะตามตัวคนพวกนั้นเจอ
ท่ามกลางความวุ่นวาย หลี่เฟยฮวาที่เงียบมาตลอดกลับจ้องมองเครื่องสีข้าวอย่างครุ่นคิด หลังจากพินิจพิเคราะห์โครงสร้างอย่างละเอียด เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เถ้าแก่คะ ให้ฉันลองดูสักหน่อยได้ไหมคะ?”
ประกายความหวังเล็ก ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในสายตาของทุกคน
“เธอว่ายังไงนะ?” อู่ไฉวั่งเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฟยฮวา ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
หลี่เฟยฮวาหันมาสบตาเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันคิดว่า ฉันอาจจะซ่อมเครื่องสีข้าวนี่ได้ ขอลองดูหน่อยนะคะ”
อู่ไฉวั่งถึงกับอ้าปากค้าง ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ
“สหายหลี่เฟยฮวา เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” เขาถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อหู “นี่มันเครื่องสีข้าวจากต่างประเทศเลยนะ จะซ่อมได้จริง ๆ เหรอ ขนาดช่างซ่อมในประเทศยังไม่มีใครแตะต้องมันได้เลย!”
คำถามนั้นทำให้หลี่เฟยฮวาอ้ำอึ้งเล็กน้อย เรื่องที่เธอฟังภาษาดัชต์ออกยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องที่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในยุคนี้จะซ่อมเครื่องสีข้าวด้วยตัวเอง จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบาย
“เอ่อ… ฉัน ฉัน… พ่อของฉันเคยทำธุรกิจผ้าทอ ฉันก็เลยมีโอกาสเห็นคนซ่อมเครื่องทอผ้าในโรงงานค่ะ” หลี่เฟยฮวาเกือบจะคิดอะไรไม่ออก เธอพยายามนึกถึงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิม ทันใดนั้น ภาพเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดในตู้ผีสิงก็ปรากฏขึ้นในหัว ด้วยสมองอัจฉริยะของเธอ เธอจึงสามารถคิดและปั้นเรื่องออกมาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที
“มันน่าสนใจมากเลยค่ะ ฉันตั้งใจดูและสอบถามหลาย ๆ อย่างจากช่างในตอนนั้น แถมได้ลองหยิบจับเครื่องมือด้วยค่ะ อ้อ! อีกอย่าง ความจำฉันดีมากเลยนะคะ!”
หลี่เฟยฮวาพูดเป็นต่อยหอยราวกับเรื่องนั้นเคยเกิดขึ้นจริง ไม่รู้ตัวเลยว่าจางอี้เฉินที่ตามมาด้วยถึงกับงงไปหมด
จางอี้เฉินมองหลี่เฟยฮวาอย่างนึกสงสัย ด้วยนิสัยเดิมของหญิงสาวที่เอาแต่โวยวาย หาเรื่องคนอื่นไปวัน ๆ จะสนใจเรื่องพรรค์นั้นจริง ๆ น่ะเหรอ?
‘เป็นคนที่แปลกประหลาดจริง ๆ…’ จางอี้เฉินคิดในใจ
ส่วนอู่ไฉวั่งเองก็ยังไม่แน่ใจในความสามารถของหลี่เฟยฮวา แต่เขามีทางเลือกไม่มากนัก จึงตัดสินใจยอมให้เธอลองดูสักครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น… เอาสิ ถ้าเธอซ่อมมันได้สำเร็จ ฉันจะตอบแทนเธออย่างงามเลย”
“จะดีเหรอหลี่เฟยฮวา ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” จางอี้เฉินรู้สึกเป็นกังวล ถ้ามีอะไรผิดพลาดจนเป็นอันตรายกับหลี่เฟยฮวา เธอจะมีหน้าไปสู้หวงหมงลู่ได้ยังไง
“พี่อี้เฉิน เชื่อใจฉันสิคะ” หลี่เฟยฮวายิ้มให้กับจางอี้เฉิน แล้วหันกลับไปมองเครื่องสีข้าว พลางถูมือไปมาท่าทางเตรียมพร้อม
อู่ไฉวั่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้น “แต่ว่า… เทคโนโลยีของประเทศเรายังพัฒนาได้ไม่เท่าพวกฝรั่งนะ”
หลี่เฟยฮวารู้ดีว่าเทคโนโลยีของจีนในยุคนี้ยังล้าหลังอยู่มาก แต่พอภาพความทรงจำในชาติก่อนผุดขึ้นในหัว สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางหัวใจของเธอที่ลุกโชนด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น
เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองเพิ่งเริ่มทำวิจัยกับอาจารย์ในชาติก่อน อาจารย์มักจะเล่าถึงความยากลำบากในอดีต พวกเขาไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีทันสมัยได้เอง ต้องคอยซื้อของเก่า ๆ ที่ชาติอื่นทิ้งแล้ว ในขณะที่ชาติอื่นเอาเงินไปพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่ล้ำหน้ากว่า
เพื่อไล่ตามให้ทัน เพื่อไม่ให้จีนล้าหลังในทุกด้าน ทุกคนต่างทุ่มเททำงานกันอย่างหนักหน่วง วิ่งไล่ตามฝันอย่างไม่ลดละ
หลี่เฟยฮวามองเครื่องสีข้าวตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย ในใจมีเปลวเพลิงแห่งความหวังที่ไม่มีวันมอดดับกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง
เทคโนโลยีของประเทศยังไม่ก้าวหน้านัก แต่ถ้าเธอนำประสบการณ์จากชาติก่อนมาต่อยอด จะช่วยผลักดันให้วงการเทคโนโลยีของประเทศก้าวกระโดดไปอีกขั้นได้ไหมนะ?
ความคิดเหล่านี้ทำให้หลี่เฟยฮวารู้สึกตื่นเต้น เธอหันไปพูดกับอู่ไฉวั่งอย่างกระตือรือร้น “ฉันจะลองดูค่ะ!”
โดยไม่รอช้า หลี่เฟยฮวาพุ่งตรงไปที่เครื่องสีข้าว ตรวจสอบการเดินสายไฟและแผงควบคุมอย่างละเอียด
แม้ป้ายและปุ่มควบคุมทั้งหมดจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับหลี่เฟยฮวาแล้วกลับไม่ใช่อุปสรรคเลย
เธอตรวจสอบการทำงานของทุกส่วน จนพบสิ่งผิดปกติบริเวณมอเตอร์ไฟฟ้า เพราะภายในนั้นเต็มไปด้วยคราบสนิม
หลี่เฟยฮวาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เถ้าแก่คะ คุณจ่ายไปหนึ่งแสนจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่” อู่ไฉวั่งพยักหน้ารับ แต่แล้วก็ชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไป “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“มีค่ะ!” หลี่เฟยฮวาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง “หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ฉันแนะนำให้คุณไปหาทนายฟ้องร้องพวกเขาซะ อุปกรณ์นี้เป็นรุ่นล่าสุดที่เลิกใช้แล้วจริง… แต่เฉพาะส่วนที่เป็นสนิมนะ!”
เธอชี้ไปที่มอเตอร์อย่างตื่นเต้น “ดูนี่สิ! ชิ้นส่วนนี้มันเก่ากว่าคุณปู่ฉันอีก! เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของใหม่อย่างที่พวกนั้นโม้ ด้านในมอเตอร์มีแต่สนิมเกาะ สภาพดูไม่ดีเลย มอเตอร์ทำงานมาได้นานเกือบสองเดือนก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้วนะคะ!”
อู่ไฉวั่งตาเหลือกด้วยความตกใจ เขาตบขาดังปัง “หน็อย ไอ้ลูกหมาพวกนี้! ถึงเวลานั้นฉันจะหาทนายมาจัดการพวกแกให้ล้มละลายไปเลย!”
เขาสูดหายใจลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหันไปถามหลี่เฟยฮวาอย่างหวาด ๆ “แล้ว… ซ่อมได้ไหม?”
“ได้สิคะ!” หลี่เฟยฮวาตอบอย่างร่าเริง “แต่มอเตอร์นี้เก่ากว่าโบราณวัตถุซะอีก ซ่อมแล้วก็ใช้ได้แค่ชั่วคราว ถ้าคุณไว้ใจฉัน ช่วยเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ฉันหน่อยนะคะ แล้วฉันจะซ่อมให้ รับรองว่ามอเตอร์จะทำงานได้นานและเร็วกว่ารถแข่งแน่นอน!”
อู่ไฉวั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก “ขอแค่ใช้ได้สักพักก็ดีแล้ว ตอนนี้โรงสีข้าวมีออเดอร์ด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ หลังจากนั้นฉันจะหยุดงานไปหาของพวกนี้มาให้เธอ”
เขาอ่านชื่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกอย่างที่หลี่เฟยฮวาเขียนไว้บนกระดาษ แม้จะงง ๆ กับศัพท์เทคนิคมากมาย แต่ก็เก็บมันใส่ในแฟ้มเอกสารอย่างดี
พอนึกถึงราคาที่ช่างซ่อมชาวดัตช์บอกไว้ก่อนหน้านี้ อู่ไฉวั่งก็รู้สึกหวั่นใจ พลางถามเสียงสั่น “ราคาของพวกนี้… หวังว่าจะไม่แพงเท่ารถคันใหม่นะ?”
MANGA DISCUSSION