บทที่ 163 ถึงเวลากลับบ้าน
หลี่เฟยฮวายังไม่ทันตั้งตัว มองหน้าเขาด้วยสายตาเหม่อลอย ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปยังเพดานสีขาวสะอาดที่ดูแปลกตา
“เธอฟื้นแล้ว…” หวงหมิงลู่เอ่ยขึ้น เสียงของเขาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน แต่แววตายังคงเจือด้วยความเป็นห่วง
หลี่เฟยฮวากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงและสถานการณ์รอบตัว เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฉัน… เป็นอะไรไป?”
“คุณไข้ขึ้นสูง จากนั้นก็หมดสติหลับไปหลายวัน…”
หลี่เฟยฮวายกมือขึ้นอย่างยากลำบาก ลูบแก้มที่ผอมลงของหวงหมิงลู่เบา ๆ “ทำไมคุณถึงผอมลงอีกล่ะ?”
ดวงตาของหวงหมิงลู่แดงก่ำหนึ่งคือเพราะตื่นเต้นตอนมาถึง สองคือเพราะแทบไม่ได้นอนเลยในช่วงหลายวันนี้
หลังจากที่หลี่เฟยฮวาหมดสติไป หมอบอกเขาว่าอาการของเธออาจหยุดหายใจกะทันหันได้ ทำให้เขาไม่กล้าหลับเลยในช่วงหลายวันนี้ บางครั้งแค่จะเข้าห้องน้ำก็ต้องขอให้คนอื่นช่วยเฝ้า
หลี่เฟยฮวารู้สึกขมขื่นในใจ คราวนี้เธอจำเรื่องราวในความฝันได้ทั้งหมด เมื่อเห็นหวงหมิงลู่ก็นึกถึงคำสั่งเสียของพ่อเจ้าของร่างเดิมก่อนตาย
“ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง” น้ำตาของหลี่เฟยฮวาไหลพรากลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่เป็นไรหรอก ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว”
หวงมิงลู่ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาให้หลี่เฟยฮวา อย่างอ่อนโยน แล้วถามเสียงเบาว่า “ฝันร้ายหรือเปล่า?”
“อืม…” หลี่เฟยฮวาพยายามจะพูด แต่หลังจากหมดสติไปหลายวัน ร่างกายก็อ่อนแรงมาก ทั้ง ๆ ที่หลับไปนานแล้วแต่เปลือกตากลับลืมขึ้นไม่ไหว
หวงหมิงลู่รีบไปตามหมอมา หลี่เฟยฮวารอจนหมอตรวจเสร็จแล้วก็หลับไปอีกครั้ง ส่วนหวงหมิงลู่เห็นหลี่เฟยฮวาหลับไปอีก ก็รู้สึกเป็นห่วงมาก “ทำไมเธอถึงหลับไปอีกล่ะครับ?”
“การหลับครั้งนี้ไม่เป็นไรหรอก” หมอยิ้มออกมา “ก่อนหน้านี้พวกเราหัวหน้าแผนกได้ประชุมกันแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะความเครียดสะสมมากเกินไป และพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้หมดสติไปสมองของสหายหลี่เฟยฮวาไม่มีความผิดปกติใด ๆ สุขภาพแข็งแรงดีมาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก”
หวงหมิงลู่เชื่อใจหมอเสมอ แต่สภาพของหลี่เฟยฮวาก่อนหน้านี้ทำให้เขาตกใจมาก “แล้วเธอจะหายเป็นปกติเมื่อไหร่ครับ?”
หมอมองดูหลี่เฟยฮวาที่กำลังหายใจสม่ำเสมอ ซึ่งแตกต่างจากอาการอันตรายก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง แต่กรณีแบบนี้มีน้อยมาก เขาจึงไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้เพียงแต่บอกว่า “ตอนนี้เธอแค่หลับไปเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าหมอไม่ตอบหวงหมิงลู่ก็ไม่ได้ถามต่อ สำหรับเขาแล้วขอแค่หลี่เฟยฮวาไม่เป็นอะไรก็พอ
ในระหว่างที่หลี่เฟยฮวาหลับ หวงหมิงลู่ไปซื้ออาหารจากร้านอาหารนอกโรงพยาบาล และไปโทรศัพท์ติดต่อกับกองทัพที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
กองทัพใหญ่กลับไปเมื่อวานซืนแล้ว หลี่เฟยฮวายังคงอยู่ที่นี่เพราะป่วย หลังจากรายงานให้ซุนหวังเหยาทราบ ซุนหวังเหยาก็พูดว่า “ทางกองทัพไม่รีบให้กลับมา ให้หลี่เฟยฮวาพักฟื้นร่างกายให้ดีก่อน”
หวงหมิงลู่ก็อยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เขากังวลว่าการเร่งรีบเดินทางจะทำให้หลี่เฟยฮวาป่วยอีก
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านผู้บังคับการครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ครั้งนี้ต้องขอบคุณโดรนที่หลี่เฟยฮวาสร้างขึ้น ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก พวกเขาต้องการให้หลี่เฟยฮวาพักฟื้นร่างกายให้ดีก่อนกลับมา แต่เมื่อกลับมาแล้วให้เธอมาพบฉัน สักครั้ง เราต้องส่งรายงานเกี่ยวกับโดรนให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง”
พูดจบ ซุนหวังเหยาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ ก่อนหน้านี้หลี่เฟยฮวาซื้อชิ้นส่วนโดรนไปสี่หมื่นหยวน ตอนนั้นฉันจะให้คนคืนเงินให้เธอ แต่ว่าแหล่งที่มาของเงินนี้…”
ซุนหวังเหยาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เงินเดือนของหวงหมิงลู่นั้นค่อนข้างคงที่ แม้จะมีโบนัสจากการออกปฏิบัติภารกิจ แต่ก็ไม่เกินหนึ่งร้อยหยวนต่อเดือน ถึงแม้หลี่เฟยฮวาจะไม่ใช้เงินเลยในช่วงสิบปีนี้ ก็ไม่สามารถเก็บเงินได้มากขนาดนั้น
“เงินนี้มาจากการที่หลี่เฟยฮวาร่วมทำธุรกิจกับคนอื่นครับ มันก็เสื้อฮู้ดและกางเกงยีนส์ขาบานที่ภรรยาทหารในค่ายแย่งกันซื้อนั่นแหละ ทั้งหมดเป็นแบบที่เธอวาดเองครับ เธอเคยบอกผมไว้”
พูดถึงตรงนี้หวงหมิงลู่รู้สึกภูมิใจอยู่บ้าง
เขารู้ว่าหลี่เฟยฮวาเก่งมาก แต่เมื่อได้เห็นภรรยาทหารในค่ายแย่งกันซื้อเสื้อผ้าที่ภรรยาของตัวเองทำ โดยที่พวกเธอไม่รู้ว่าเป็นแบบของภรรยาเขา ก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
บางครั้งถึงกับอยากจะเดินไปตะโกนบอกว่านั่นเป็นฝีมือภรรยาของเขาเลย!
ซุนหวังเหยาเองฟังแล้วก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และจะจัดการให้คนนำเงินมาให้พวกนายโดยเร็วที่สุด”
“ครับท่าน” หวงหมิงลู่ตอบรับสั้น ๆ แล้วก็วางสาย
ตอนเดินกลับร้าน อาหารของเขาก็ห่อเสร็จแล้ว
หวงหมิงลู่รู้สึกสบายใจเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเมื่อกลับไปเห็นหลี่เฟยฮวาตื่นแล้ว หมอกำลังถอดเข็มน้ำเกลือให้เธออยู่
หลี่เฟยฮวาเห็นเลือดกระเซ็นออกมาจากแขน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ทันใดนั้น สายตาเห็นร่างคุ้นเคยยืนอยู่ที่ประตู หลี่เฟยฮวาเห็นหวงหมิงลู่ยืนพิงประตูอยู่นาน ดวงตาก็สว่างขึ้นทันที “หวงหมิงลู่ คุณกลับมาแล้ว”
“อืม” หวงหมิงลู่มองหลังมือของหลี่เฟยฮวาเนื่องจากถูกฉีดยาหลายวัน หลังมือของหญิงสาวตอนนี้บวมขึ้นแล้ว
หวงหมิงลู่วางอาหารลง แล้วใช้สำลีกดรอยเข็มที่ยังมีเลือดไหลของหลี่เฟยฮวาไว้ “ฉันเอาอาหารมาให้ เดี๋ยวกินสักหน่อยนะ”
พยาบาลได้ยินแล้วพูดข้าง ๆ ว่า “ห้ามกินของมันและเผ็ดเกินไป”
หวงหมิงลู่เปิดสลำลีดูเห็นว่าเลือดหยุดไหลแล้ว แต่ยังบวมมากอยู่
“ที่ฉันซื้อมาล้วนเป็นอาหารรสจืด”
จากนั้นหันไปถามพยาบาลว่า “ต้องกดนานแค่ไหนครับ?”
พยาบาลมองดูแล้วตอบว่า “กดสัก 4-5 นาทีก็พอค่ะ”
หวงหมิงลู่พยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วกดจริง ๆ เป็นเวลา 4-5 นาที
หลี่เฟยฮวาอดขำไม่ได้พูดว่า “จริง ๆ ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก มือฉันบวมแล้ว กดนานแค่ไหนพรุ่งนี้ก็จะช้ำอยู่ดี”
หวงหมิงลู่เม้มริมฝีปากพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะหาแตกกวามาประคบให้นะ”
หลี่เฟยฮวาทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างจนใจ
ทันใดนั้น เธอเหลือบไปเห็นโจ๊กข้าวกล้องบนตู้ จึงยิ้มพลางพูดว่า “หวงหมิงลู่ ฉันหิวแล้ว”
หวงหมิงลู่กำลังจะบอกหลี่เฟยฮวาว่าให้รอก่อน เดี๋ยวเขาจะจัดการอะไรให้เรียบร้อยแล้วค่อยกิน แต่เมื่อเห็นมืออันซีดเซียวและอ่อนแรงของเธอ ใจเขาก็พลันอ่อนลง คำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั้นเป็นสิ่งที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
“ฉันจะป้อนเธอเอง”
ทันทีที่พูดจบ หวงหมิงลู่ก็ชะงักไป ใบหน้าที่เคยนิ่งสงบกลับแดงก่ำขึ้นมาทันที เขาหันไปทางอื่นเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
หลี่เฟยฮวาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากเผยรอยยิ้มบาง ๆ นั่งรอเขาอย่างสงบอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าซีดเซียวของเธอดูอ่อนล้า แต่สายตากลับฉายแววอารมณ์ดี
แม้จะตกใจเพียงชั่วครู่ หวงหมิงลู่ก็รวบรวมสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาก้าวไปเปิดถุงอาหารอย่างระมัดระวัง แล้วนั่งลงข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะป้อนอาหารให้หลี่เฟยฮวาด้วยความใส่ใจทีละคำ
หลี่เฟยฮวาพักฟื้นในโรงพยาบาลอยู่สามวันเต็ม หลังจากที่การตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น แพทย์ยืนยันว่าอาการของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว
หวงหมิงลู่ไม่รอช้า เขาจัดการซื้อตั๋วรถไฟกลับเขตทหารในวันเดียวกัน
โชคดีที่เขาได้ตั๋วเตียงนอน แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกในตู้รถไฟก็ไม่ได้ดีมากนัก เสียงฝีเท้า เสียงกรน และเสียงพูดคุยจากผู้โดยสารคนอื่นดังลอดเข้ามาเป็นระยะ ทำให้คืนบนรถไฟนั้นไม่ได้นอนหลับสนิทนัก
MANGA DISCUSSION