บทที่ 158 สิ่งที่มองข้ามไป
ซุนหลงเหยารีบถามว่า “จะสร้างโดรนได้เร็วแค่ไหน? ต้องการคนมาช่วยไหม?”
“เร็วที่สุดหนึ่งวัน ช้าที่สุดสามวัน ถ้ามีผู้ช่วยก็จะดีกว่า”
ดวงตาของซุนหลงเหยาเป็นประกาย “ฉันเข้าใจแล้ว จะจัดการให้คุณทันที เขาเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยซิงหัวมาก่อน ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วย”
หลี่เฟยฮวารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็โล่งอกไปด้วย
คนแบบนี้เป็นคนที่มีความสามารถสูงอย่างแน่นอน!
“เมื่อไหร่จะมาถึงคะ?”
“เขาอยู่ในพื้นที่ประสบภัยตอนนี้ พรุ่งนี้คุณไปที่นั่นก็จะได้เห็นเขา”
หลี่เฟยฮวารู้ว่าตัวเองมีงานหนักรออยู่ข้างหน้า ดังนั้นแม้ว่าในใจจะกังวลแค่ไหน คืนนี้เธอก็เข้านอนแต่หัวค่ำ
อย่างไรก็ตาม พอถึงวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอได้พบกับผู้ช่วยที่ลุงซุนพูดถึง เธอก็ถึงกับตะลึง
“อาจารย์ม่อชงอวี้?”
หลี่เฟยฮวาไม่คิดเลยว่าอาจารย์ม่อชงอวี้จะอยู่ใน มณฑลซินเจียง
สีหน้าของอาจารย์ยังคงซีดเซียวอยู่บ้าง ไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกัน ดูเหมือนเขาจะผอมลงอีก
เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ม่อชงอวี้ยังเป็นโรคหัวใจ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ แล้วในสภาพแบบนี้เขาจะทำการทดลองได้อย่างไร?
ราวกับรู้ว่าหลี่เฟยฮวากำลังคิดอะไรอยู่ ม่อชงอวี้ก็ยิ้มและพูดว่า “นักศึกษาหลี่ คราวที่แล้วเกิดเหตุการณ์กะทันหัน ถึงได้เป็นโรค คราวนี้ฉันมาพักฟื้นที่ มณฑลซินเจียงพอดี แล้วก็ได้ยินว่าที่นี่ต้องการบุคลากรด้านเทคนิค ก็เลยมา”
พูดจบ ม่อชงอวี้ก็จ้องมองหลี่เฟยฮวาด้วยสายตาเป็นประกาย “ฉันได้ยินจากผู้บังคับการซุนว่าคุณจะสร้างโดรน ฉันสนใจมากและหวังว่าจะได้ร่วมงานกับเธอ”
หลี่เฟยฮวาไม่ได้รังเกียจอาจารย์ม่อชงอวี้ แต่คราวที่แล้วที่เขาโรคกำเริบทำให้เธอตกใจจริง ๆ
แม้ว่าโรคหัวใจจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เมื่อเกิดอาการขึ้นมาก็จบเห่แล้ว
“ช่วงนี้ฉันพักผ่อนได้ดี พกยาติดตัวได้ และคุณก็บอกกับผู้บังคับการซุนไปแล้วไม่ใช่หรือว่า อย่างมากสามวัน อย่างน้อยหนึ่งวัน”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า แม้จะไม่ค่อยรู้ความสามารถของอาจารย์ม่อชงอวี้ แต่ตอนนี้ก็หาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ผ่านไปสามสิบหกชั่วโมงเต็มแล้ว คนที่ยังมีชีวิตอยู่รอไม่ไหวแล้ว
“ถ้ารู้สึกไม่สบาย อจารย์หยุดงานทันทีนะคะ”
ม่อชงอวี้รู้สภาพร่างกายของตัวเอง จึงไม่ฝืน “ฉันรู้”
หลี่เฟยฮวากับม่อชงอวี้เริ่มศึกษาโดรนกันในเต็นท์ทหาร ก่อนหน้านี้หลี่เฟยฮวาคิดว่าสภาพแวดล้อมการทดลองในมหาวิทยาลัยแย่พอแล้ว แต่วันนี้ถึงได้รู้ว่า นอกจากแย่แล้วยังมีที่แย่กว่านี้อีก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคืออาจารย์ม่อชงอวี้ ปัจจุบันเทคโนโลยีโดรนในประเทศยังไม่ได้พัฒนา อาจารย์ม่อชงอวี้ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่ได้สัมผัสกับการทดลองโดรนในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยซิงหัวเท่านั้น แต่เพราะไม่มีเทคโนโลยีหลักจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
แต่พอหลี่เฟยฮวาพูด ม่อชงอวี้ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีและทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่ถึงวัน โดรนรุ่นพื้นฐานก็ทดสอบบินเสร็จสิ้น
ม่อชงอวี้กุมอกหายใจเบา ๆ แต่พอเห็นภาพความร้อนบนหน้าโดรนก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ
“นี่คือโดรนลำแรกของประเทศเรา”
อย่าดูว่ารูปร่างมันอัปลักษณ์ แต่เมื่อประสบความสำเร็จ ในอนาคตเราจะสามารถยืนหยัดในโลกได้ด้วยเทคโนโลยีนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลี่เฟยฮวาไปสังเกตสีหน้าของม่อชงอวี้ เห็นว่าริมฝีปากของเขาเริ่มซีด รู้ว่าอาจเป็นเพราะการทดลองที่เข้มข้นต่อเนื่องทำให้ร่างกายของเขาไม่ไหว
“อาจารย์ค่ะ รีบกลับไปพักเถอะค่ะ”
ม่อชงอวี้เองก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พยักหน้า “เรื่องวันนี้พวกเราต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามบอกใคร”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า คิดว่าเป็นเพราะเทคโนโลยีนี้ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้
ทว่าม่อชงอวี้กลับตอบว่า “ถ้าคนที่บ้านรู้เข้า เขาจะต้องโกรธแน่ ๆ ”
หลี่เฟยฮวา “…”
ม่อชงอวี้ทำหน้ากังวล “คนที่บ้านฉันเพิ่งไปธุระต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ ดังนั้นถ้าเจอกันในอนาคต อย่าเผลอพูดออกไปเชียวนะ…”
ทันใดนั้น คำพูดของม่อชงอวี้ก็หยุดชะงัก สายตาของเขาจับจ้องไปที่รถสีดำคันหนึ่งที่อยู่ไกลลิบ
ม่อชงอวี้ยิ้มเจื่อน “ไม่ต้องปิดแล้วล่ะ… คนที่บ้านฉันรู้เรื่องแล้ว”
ผิวของม่อชงอวี้ดูซีดขาวกว่าหลี่เฟยฮวาสองส่วนเพราะความเจ็บป่วย ตอนนี้น้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเล็กน้อย แตกต่างจากท่าทางที่แสดงออกที่มหาวิทยาลัยอย่างสิ้นเชิง
หลี่เฟยฮวาพูดอย่างขบขัน “งั้นอาจารย์ก็คุยกับคู่รักของอาจารย์ให้ดีๆ สิ เธอก็แค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง”
ม่อชงอวี้ได้ยินแบบนั้น ก็ได้แต่พยักหน้า
ม่อชงอวี้เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกถึงบางอย่าง เธอหยุดชะงักแล้วพูดขึ้น “อ้อ ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เธอก็ต้องอดทนไว้นะ คนเราต้องมองไปข้างหน้าเสมอ”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า “คุณก็คิดดูดีๆ ว่าจะอธิบายกับคู่รักของคุณยังไงดีล่ะ”
“…” ม่อชงอวี้ได้แต่เงียบ
ในที่สุด ม่อชงอวี้ก็เดินจากไปด้วยสภาพที่ดูจะหมดแรงได้ทุกเมื่อ
ขณะที่หลี่เฟยฮวากำลังจะจากไป เธอมองไปข้างหลังอีกครั้ง เห็นเงาร่างสูงใหญ่ลาง ๆ ก้าวลงมาจากรถยนต์คันสีดำคันนั้น
ภรรยาของอาจารย์สูงขนาดนี้เลยเหรอ?
หลี่เฟยฮวาพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็หยิบโดรนไปหาซุนหลงเหยา
ตั้งแต่เมื่อวาน ซุนหลงเหยาให้ความสนใจการทดลองของหลี่เฟยฮวลามาก แต่เขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เธอ จึงอดทนไม่ไปดูตลอดทั้งคืน
ขณะที่ซุนหลงเหยากำลังขุดดินที่พังทลายลงมา เขาเห็นหลี่เฟยฮวาถือเครื่องจักรรูปร่างแปลกประหลาดเดินมา จึงรีบวางจอบในมือลง แล้วเดินเร็วๆ ไปหาหญิงสาว นี่คือโดรนที่เธอพูดถึงใช่ไหม วิจัยออกมาแล้วเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาส่ายหัว “ถ้าจะวิจัยอย่างเป็นทางการคงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่สำหรับสถานการณ์นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“ทดลองแล้วหรือยัง?”
“ทดลองพื้นฐานเสร็จแล้วค่ะ”
ซุนหลงเหยาพยักหน้า ชัดเจนว่าพอใจมากแล้ว จากนั้นก็พูดว่า “เมื่อคืนกลัวจะรบกวนเธอ ลุงเลยไม่ได้มาหา”
หลี่เฟยฮวาได้ยินนัยแฝงในคำพูด หัวใจกระตุกวูบ แต่เห็นสีหน้าของซุนหลงเหยายังปกติดี หลี่เฟยฮวาจึงกดความกังวลไว้แล้วถาม “มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?”
“ก่อนเข้าไป พวกเราติดต่อกับหวงหมิงลู่ทางวิทยุไว้ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราสงสัยว่าพวกเขาถูกดินโคลนถล่มทับ เพราะตอนนั้นกำลังคุยกันอยู่ แต่ในวินาทีที่ดินโคลนถล่ม การสื่อสารทางนั้นก็ขาดไปทันที”
หลี่เฟยฮวาไม่รู้เรื่องนี้ คิดสักครู่แล้วพูดว่า “ไม่แน่นอนเสมอไปค่ะ ตอนนี้เทคโนโลยีในประเทศเรายังไม่ได้ศึกษาเรื่องคลื่นวิทยุอย่างละเอียด ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย การไม่มีสัญญาณก็เป็นเรื่องปกติ”
ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ยุค 2G ด้วยซ้ำ แม้แต่ในอนาคตที่มี 5G ครอบคลุมเกือบทั้งหมด ก็ยังอาจทำให้ขาดการติดต่อได้ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
“หลี่เฟยฮวา เธอใจเย็นเกินไปแล้ว”
“ลุงซุน ไม่ใช่ว่าฉันใจเย็น แต่ฉันได้วิเคราะห์มาก่อนที่จะมาแล้ว”
หลี่เฟยฮวาพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “หวงหมิงลู่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าบ้านเกิดของเขาเคยประสบกับเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม และมันเกิดขึ้นแทบทุกปี แม้จะเป็นภัยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ถ้าหวงหมิงลู่เป็นผู้นำทีม เขาย่อมสังเกตสถานการณ์ระหว่างทางได้แน่นอนอีกอย่าง…”
หลี่เฟยฮวาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “พวกลุงเคยบอกว่าจากการประเมินเวลา ทีมของเขาน่าจะเพิ่งเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุพอดี แต่ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่พวกลุงอาจมองข้ามไปค่ะ”
ซุนหลงเหยาตกใจจนเผลออุทานออกมา “มองข้ามไปอย่างนั้นเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้า ก่อนจะถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่ค่ะ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนภูเขามีกี่คนคะ?”
ซุนหลงเหยาตอบ “ประมาณสี่ร้อยกว่าคน”
MANGA DISCUSSION