บทที่ 156 ฝันร้าย
เมื่อเห็นสีหน้าของกู้ป๋อเหวินที่ดูเหมือนจะร้องไห้ออกมา หลี่เฟยฮวาจึงยิ้มบาง ๆ พลางพูดปลอบ “งั้นฉันกินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยไป โอเคไหม?”
เด็กชายกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่าย
แต่หลังจากนั้น เมื่อรู้ว่าหลี่เฟยฮวากำลังจะจากไปจริง ๆ กู้ป๋อเหวินก็เดินตามเธอไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว หรือเดินไปไหนมาไหน เขาก็เดินตามเธอราวกับเงาตามตัว สายตาของเด็กชายจับจ้องหลี่เฟยฮวาไม่ละ คล้ายกับกลัวว่าเธอจะหายไปในพริบตา
เมื่อถึงเวลาที่หลี่เฟยฮวาต้องกลับบ้าน กู้ป๋อเหวินเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แม้กระทั่งตอนที่เธอขึ้นรถ เด็กชายก็ยังตามขึ้นไปด้วย
กู้เจียอีพยายามดึงลูกชายลงมาแต่ไม่เป็นผล เขาจึงอดสงสัยในความคิดของตัวเองไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าการที่ลูกชายไม่ติดคนเลยเป็นเรื่องไม่ดี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าการที่ลูกชายติดคนมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน
“ป๋อเหวิน ลงมา” กู้เจียอีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงความหนักแน่น
เด็กชายยังคงยืนกรานไม่ยอมลงจากรถ ใบหน้าเล็ก ๆ เปื้อนไปด้วยน้ำตา ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมลง กู้เจียอีคิดจะยื่นมือไปดึง แต่พอแตะตัวเด็กก็เริ่มส่งเสียงร้องอย่างไม่เป็นท่า
สุดท้าย กู้เจียอี้ก็หมดปัญญาและทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หลี่เฟยฮวาก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ถ้าสหายกู้ไม่ว่าอะไร ก็ให้ป๋อเหวินไปส่งฉันด้วยก็ได้ค่ะ”
กู้เจียอี้สุดท้ายจำต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก แต่เมื่อคิดถึงนิสัยของลูกชายตัวเอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ป๋อเหวิน ลูกไปด้วยกันได้ แต่พอส่งพี่หลี่เฟยฮวาแล้ว ลูกต้องกลับบ้านกับพ่อนะ เข้าใจไหม?”
กู้ป๋อเหวินหลบอยู่ในรถอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ตอบอะไร กู้เจียอี้มองท่าทางนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเด็กชายเข้าใจหรือเปล่า
แต่ช่วงนี้เขาเริ่มเข้าใจนิสัยเจ้าเล่ห์ของลูกชายมากขึ้น จึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “พ่อไม่ได้ล้อเล่นกับลูกนะ ถ้าลูกไม่ยอมทำตามนี้ ก็ไม่ต้องไป แล้วต่อไปพี่หลี่เฟยฮวาก็จะไม่มาหาลูกอีก”
เขารู้สึกขอบคุณมากที่หลี่เฟยฮวาเสนอแผนนี้ ลูกชายของเขาเป็นแบบนี้ ถึงหลี่เฟยฮวาจะไม่พูดอะไร แต่ถ้าลูกชายยังทำแบบนี้ต่อไปก็จะทำให้เสียเวลาของเธอแน่นอน
ดังนั้นกฎนี้ ไม่ว่ากู้ป๋อเหวินจะยอมรับได้หรือไม่ เขาก็ต้องตั้งขึ้นมา
แน่นอน หลังจากที่กู้ป๋อเหวินได้ยินน้ำเสียงจริงจังของพ่อตนเอง เขาก็ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง
“นั่นแหละเด็กดี”
กู้เจียอีอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เขาให้หลี่เฟยฮวานั่งด้วยกันกับกู้ป๋อเหวิน ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถไปส่งที่เขตทหาร
ตอนที่กลับมาถึง ฟ้าพึ่งเริ่มมืดสนิท พอถึงประตูเขตทหาร กู้ป๋อเหวินจับมือหลี่เฟยฮวาไว้แน่น ราวกับไม่อยากให้เธอจากไป
แต่เมื่อคิดถึงคำสัญญาที่ตัวเองให้ไว้กับพ่อ กู้ป๋อเหวินก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่กลับร้องไม่ออก ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำ
หลี่เฟยฮวาเห็นดังนั้นก็ย่อตัวลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ้าคิดถึงฉัน ก็โทรหาฉันนะ”
สีหน้าของกู้ป๋อเหวินดีขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้าหนักๆ
แต่พอมาถึงด้านหน้าของหมู่บ้านครอบครัวทหาร ก็มีคนวิ่งมาบอกว่า “สหาย มีคนโทรมาหาคุณ”
ตอนที่หลี่เฟยฮวาไป เธอยังไม่ทันคิดอะไรมาก
พอมาถึง เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของกู้ป๋อหวิน
หลี่เฟยฮวา “…”
ชั่วขณะนั้น หลี่เฟยฮวาพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายเธอก็ปลอบใจกู้ป๋อเหวินด้วยประโยคนี้ กู้ป๋อเหวินถึงได้ยอมวางสายอย่างไม่เต็มใจ
เหนื่อยมาทั้งวัน หลี่เฟยฮวานอนอยู่บนพื้นด้วยความเหนื่อยล้าอย่างหนัก แม้แต่นิ้วมือก็ขี้เกียจจะขยับ แต่เธอก็มีอาการโรคกลัวความสกปรกเล็กน้อย
ถึงแม้จะอยู่ทางเหนือ ในฤดูหนาวเธอก็พยายามอาบน้ำทุกวันเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าทุกครั้งจะหนาวเหน็บก็ตาม
หลี่เฟยฮวาตื่นขึ้นมาในความมืดท่ามกลางความเงียบสงัดของคืนวันใหม่ เมื่อลืมตาขึ้น เธอพบว่าหิมะยังคงปกคลุมทุกสิ่งข้างนอก โดยมีแสงไฟสีส้มเหลืองจากริมถนนส่องกระทบหิมะที่ขาวโพลน ท่ามกลางความหนาวเย็นที่แผ่ไปทั่ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลี่เฟยฮวาตกใจไม่ได้อยู่ที่อากาศหนาวหรือทิวทัศน์ภายนอก แต่เป็นภาพในความฝันที่ยังคงค้างอยู่ในหัวของเธอ
แม้จะจำรายละเอียดของมันไม่ได้ทั้งหมด แต่ความรู้สึกในใจกลับชัดเจนเหลือเกิน เหมือนบางสิ่งที่อยู่ในความฝันนั้นยังคงตามหลอกหลอนเธอ แม้จะตื่นแล้วก็ยังไม่สามารถปล่อยวางได้
หลี่เฟยฮวาจับข้อมือเพื่อตรวจสอบนาฬิกาข้อมือ แล้วสูดหายใจลึกๆ เพื่อสงบสติ ในขณะที่หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง แม้จะไม่สามารถระลึกถึงมันได้อย่างชัดเจน แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความวิตกกังวลบางอย่าง
เธอหลับตาลงอีกครั้ง สูดหายใจเข้าออกช้า ๆ พยายามรวบรวมสมาธิและปล่อยให้ความรู้สึกที่ตกค้างไปจางหายไปในที่สุด
หลี่เฟยฮวาไม่กล้ากลับไปนอนอีก เธอจึงลุกจากเตียงไปอ่านนิยายสักพัก จนกระทั่งได้ยินเสียงคำขวัญของค่ายทหารดังขึ้น เธอก็ค่อย ๆ เดินไปที่โรงอาหาร
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงอาหารทำให้หลี่เฟยฮวามีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง
ถึงขนาดที่เมื่อเธอเดินเข้าไปในโรงอาหาร สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่เธอ
หลี่เฟยฮวาไปสั่งข้าวแล้วถือไปนั่งกินที่มุมโรงอาหารอย่างเงียบ ๆ เธอหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุบไปคำหนึ่ง ขณะเดียวกันในใจกลับเผลอคิดถึงหวงหมิงลู่ เขาหายไปหลายวันแล้ว
ความฝันเมื่อคืนก็ดูเหมือนจะเกี่ยวกับหวงหมิงลู่ แต่พอพยายามนึกก็นึกอะไรไม่ออกเลย มีเพียงความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วหัวใจทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในความฝันนั้นน่ากลัวมาก
หลี่เฟยฮวาตักซุปหนึ่งถ้วย ผักดองหนึ่งจานและหมั่นโถว แต่กินไปได้แค่สองคำก็กินต่อไม่ลงแล้ว
เมื่อหลี่เฟยฮวากลับมาถึงหมู่บ้านครอบครัวทหาร จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง
ทันทีที่ได้ยินชื่อ ‘หวงหมิงลู่’ หูของเธอก็เหมือนอื้ออึงไปหมด คล้ายโลกทั้งใบหยุดหมุน เธอไม่ได้ยินอะไรอีก
“พี่สะใภ้ครับ ผู้บังคับการสั่งให้ภรรยาทหารรีบไปรวมตัวด่วนครับ”
เสียงของชายหนุ่มเรียกเธอกลับสู่ความเป็นจริง หลี่เฟยฮวายืนงุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามตั้งสติแล้วถามกลับ “คุณว่าอะไรนะ?”
คนที่มาแจ้งข่าวเป็นทหารหน้าใหม่ ใบหน้ายังดูอ่อนวัย คาดว่าเพิ่งเข้าประจำการไม่นาน เมื่อได้ยินคำถามของเธอ เขากล่าวย้ำอย่างจริงจัง
“มีข่าวจากมณฑลซินเจียงว่าผู้กองหวงออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือชาวบ้าน แต่เกิดดินถล่มทับพร้อมผู้ประสบภัย ตอนนี้หน่วยกู้ภัยกำลังพยายามค้นหาอยู่ ทางการจึงต้องการให้ภรรยาทหารมารวมตัว หากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น จะได้ดำเนินการนำศพกลับครับ”
คำพูดนั้นทำให้หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เธอเซถลาเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?” เธอถามเสียงสั่น
ทหารหนุ่มที่ทำหน้าที่เพียงส่งสาร ส่ายหน้าพร้อมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหันหรอกครับ ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันทำให้ดินบนภูเขาถล่มลงมา สถานที่ที่ผู้กองไปช่วยเหลือก็อยู่ห่างไกล การสื่อสารถูกตัดขาดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์”
หลี่เฟยฮวาเม้มปากแน่น พยายามรวบรวมความคิดก่อนถามต่อ “ดินถล่มปิดถนนใช่ไหม?”
ทหารน้อยก็ไม่รู้สถานการณ์ที่หน้างาน จึงส่ายหัว “ไม่ค่อยแน่ใจครับ”
หลี่เฟยฮวาไม่กล้าอยู่ต่อ ได้ยินที่อยู่ที่ทหารน้อยรวมตัวกัน จึงรีบไปที่นั่น
เมื่อไปถึงซุนหลงเหยาก็อยู่ที่นั่นด้วย กำลังปลอบใจภรรยาของทหารคนอื่น ๆ อยู่ อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเดียว แต่เป็นกองทหารทั้งหมดที่ติดอยู่ในโคลนถล่ม ไม่รู้ชะตากรรม
MANGA DISCUSSION