บทที่ 155 ความน่ารักที่คาดไม่ถึง
“ฉันจะบอกเธออีกครั้ง ฉันกับลู่อันหยางเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก ๆ ฉันเป็นนักศึกษาคณะฟิสิกส์ เขาเป็นผู้ช่วยของฉัน การเข้าออกพร้อมกันตอนทำการทดลองเป็นเรื่องปกติ”
.เธออยากจะจีบเขาแต่ไม่ถามอะไรสักคำ กลับโทษทุกอย่างมาที่ฉัน คนอย่างเธอไม่แปลกที่เพื่อนฉันจะไม่สนใจ!”
ปกติแล้ว หลี่เฟยฮวาไม่ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองมากนัก ไม่ว่าใครจะมองเธอในแง่ไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอให้ความสำคัญ แต่สำหรับลู่อันหยางนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ในชาติก่อน หากไม่มีเขาเป็นอาจารย์ที่คอยสนับสนุน เธอก็คงไม่มีทางเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ เขาไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์ที่เธอนับถือ แต่ยังเป็นคนที่เธอให้ความเคารพมากที่สุดในชีวิต
น้ำเสียงของหลี่เฟยฮวาเมื่อครู่ ทำให้กู้ซื่อเหมียวถึงกับตกใจ เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำออกมา เธอก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่ต้นขา
เมื่อก้มลงมอง เธอก็พบว่ากู้ป๋อเหวินกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เด็กชายตัวน้อยมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความดุดันราวกับลูกหมาป่าตัวน้อยที่พร้อมจะปกป้องสิ่งสำคัญของตัวเอง
“กู้ป๋อเหวิน! นายกล้าตีฉันเหรอ ฉันเป็นป้าของนายนะ!” กู้ซื่อเหมียวตะโกนลั่นด้วยความโกรธ
เด็กชายตัวน้อยมองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คนไม่ดี!”
กู้ซื่อเหมียวหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอยกมือขึ้นหมายจะตีเด็กชาย แต่ก่อนหน้านั้นเธอมัวแต่สนใจหลี่เฟยฮวาจนไม่ได้สังเกตว่าพี่ชายของเธอเดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ข้อมือของกู้ซื่อเหมียวถูกคว้าไว้โดยกู้เจียอี น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบจนคนรอบข้างรู้สึกหนาวสะท้าน “ป๋อเหวินพูดผิดตรงไหน? ไล่ตามคนที่ชอบไม่ทัน แล้วมาระบายอารมณ์ใส่คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พูดออกมาไม่กลัวคนหัวเราะเยาะหรือไง?”
คำพูดนี้เหมือนก้อนหินหนัก ๆ ที่ทุบลงกลางใจของกู้ซื่อเหมียวจนเธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้! ทันที! พาเพื่อนของเธอไปที่ห้องซะ ฉันไม่อยากพูดอีกเป็นครั้งที่สอง!” กู้เจียอีกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธจนทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงทันที
กู้ซื่อเหมียวเริ่มรู้ตัวช้า ๆ ว่าพี่ชายของเธอโกรธจริงแล้ว ดวงหน้าของเธอซีดเผือด สายตาที่เคยหยิ่งผยองเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เธออยากหันไปพูดกับกู้หนิงเซียนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ผู้เป็นแม่กลับนิ่งเฉย ไม่แม้แต่จะสบตากับเธอ
ความเงียบและความกดดันรอบตัวทำให้กู้ซื่อเหมียวที่เคยดื้อดึงถึงกับร้องไห้ออกมาจริง ๆ เธอสะอื้นพลางวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง โดยมีเพื่อน ๆ พากันเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ
กู้หนิงเซียนยืนนิ่ง สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเธอหันไปมองหลี่เฟยฮวา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ใบหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อครู่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“หลี่เฟยฮวา… ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวของฉันด้วยจริง ๆ” กู้หนิงเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เรื่องที่มหาวิทยาลัยเธอไม่รู้ แต่เธอเคยเห็นคนมามากมาย สามารถมองออกได้ว่านิสัยของหลี่เฟยฮวาไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกสาวของเธอพูดแน่นอน
กู้หนิงเซียนรู้สึกหนักใจมาก ด้านหนึ่งรู้สึกผิดต่อหลี่เฟยฮวา อีกด้านหนึ่งก็เป็นลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวไม่ขอโทษ เธอในฐานะแม่จึงต้องมาจัดการแทน
ถ้าหลี่เฟยฮวาไม่พอใจก็ยังพอว่าได้ แต่บนใบหน้าของหญิงสาวกลับไม่มีความโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย
แต่หลี่เฟยฮวากลับยิ้มปลอบโยนพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณป้าก็คือคุณป้า กู้ซื่อเหมียวก็คือกู้ซื่อเหมียว เธอเป็นเด็กสาวที่อารมณ์รุนแรง ฉันเข้าใจได้ค่ะ”
คำพูดนั้นทำให้กู้หนิงเซียนถึงกับอ้าปากค้าง ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกอับอายจนไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี
หลี่เฟยฮวาอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น แต่คำพูดและท่าทีของเธอกลับสุขุมเกินวัย ราวกับผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิต ยิ่งคิดเช่นนี้ กู้หนิงเซียนก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของลูกสาวตัวเองในวันนี้มากขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้กู้ซื่อเหมียวเอาแต่ใจ เธอพอจะเข้าใจได้ แต่วันนี้ลูกสาวกลับขัดใจเธอหลายครั้ง ทำให้กู้หนิงเซียนรู้สึกไม่สบายใจเลย
ในตอนนั้นเอง กู้เจียอีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่ครับ ก่อนหน้านี้ที่แม่ตามใจน้อง ผมไม่มีปัญหา แต่เมื่อกี้ซื่อเหมียวไม่ได้เคารพแม่และผมซึ่งเป็นพี่ชายเลย วันนี้สหายหลี่อาจจะให้อภัยได้”
“แต่พรุ่งนี้ถ้าเจอคนอื่น? คนอื่นจะมองหน้าพวกเราแล้วไม่ถือสาหาความกับการกระทำของน้องได้จริง ๆ เหรอครับ?”
คำพูดของกู้เจียอีเต็มไปด้วยความหนักแน่นและเหตุผล ทำให้กู้หนิงเซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะพิจารณาถึงสิ่งที่ลูกชายพูด เธอเริ่มตระหนักว่า ความอดทนและความใจดีของหลี่เฟยฮวาในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีท่าทีแบบเดียวกัน หากเป็นคนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นอาจบานปลายไปไกลกว่านี้แล้วก็ได้
กู้หนิงเซียนพยักหน้าอย่างจริงจังในที่สุด “แม่จะสั่งสอนเธอให้ดี ๆ เอง”
เมื่อเห็นว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว กู้เจียอีก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัวตระกูลกู้ หลี่เฟยฮวาไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปยุ่ง กู้ป๋อเหวินไม่อยากให้เธอไปหลี่เฟยฮวาเลยอยู่ในห้องของเด็กชายเล่นรถไฟของเล่นด้วยกันทั้งวัน
แน่นอนว่าการเล่นรถไฟของเล่นที่ว่าก็คือทั้งสองคนช่วยกันถอดรถไฟออก แล้วประกอบกลับคืน
บางครั้งพรสวรรค์ของคนเราก็สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เด็ก
หลี่เฟยฮวาพบว่ากู้ป๋อเหวินสนใจเครื่องจักรกลมาก และสามารถประกอบสิ่งของที่ถอดออกกลับคืนได้เหมือนเดิมทุกอย่าง ในห้องของเขายังมีของเล่นเล็ก ๆ ที่เขา ดัดแปลงเองด้วย
ต้องรู้ว่ากู้ป๋อเหวินไม่เคยเรียนรู้อย่างเป็นระบบมาก่อน ทั้งหมดเป็นเพราะวันนี้หลี่เฟยฮวาถอดชิ้นส่วนไปพร้อม ๆ กับอธิบายหลักการให้เด็กชายฟัง
“ป๋อเหวิน เธอเก่งมากเลย!” หลี่เฟยฮวามองดูรถไฟจำลองที่ถูกถอดประกอบและประกอบใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง เธอจูบเบา ๆ ทันที คิดในใจว่าบางครั้งพรสวรรค์ของคนอื่นช่างน่าอิจฉาจริงๆ
หลี่เฟยฮวาจูบที่หน้าผากของกู้ป๋อเหวินอย่างไม่เกรงใจ
กู้ป๋อเหวินที่เดิมยิ้มแย้มอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำชมก็ยังคงยิ้มแย้ม แต่พอรู้ว่าหลี่เฟยฮวาจูบ สีหน้าของเด็กชายก็แข็งค้างทันที
หลี่เฟยฮวารู้สึกใจหายวาบ “กู้ป๋อเหวิน…”
เธอกำลังจะอธิบาย แต่กลับเห็นว่าใบหน้าขาวใสของเด็กชายกลายเป็นสีแดงก่ำในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยน้ำตา จ้องมองเธอตรง ๆ
หลี่เฟยฮวา “…”
จากนั้น กู้ป๋อเหวินก็วิ่งหนีไปด้วยความอาย
หลี่เฟยฮวากะพริบตาปริบ ๆ เธอไม่เคยคิดว่าเด็กออทิสติกจะมีด้านที่น่ารักขนาดนี้
เธอไม่เคยมีประสบการณ์ตรงกับผู้ป่วยออทิสติกมาก่อน ทุกอย่างที่รู้มาจากสารคดีสั้นๆ หรือความรู้จากหนังสือ ดังนั้น เมื่อพฤติกรรมของกู้ป๋อเหวินแสดงออกมาอย่างชัดเจน เธอไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเด็กออทิสติกเลย
ในสายตาของเธอ เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่พูดน้อยและขี้อายมาก
เหมือนตอนนี้ที่กู้ป๋อเหวินวิ่งขึ้นเตียงและคลุมผ้าห่ม เหลือแต่ดวงตากลมโตเปียกชื้นมองมาที่เธอ
หลี่เฟยฮวายิ้มมุมปากเล็กน้อย “กู้ป๋อเหวิน”
ทันทีที่เด็กชายได้ยินเสียงของหลี่เฟยฮวา เขาก็ซุกหัวเข้าไปในผ้าห่มทันที
“เดี๋ยวฉันต้องกลับบ้านแล้วนะ”
พอหลี่เฟยฮวาพูดจบ เด็กชายที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที “ไม่ได้!”
หลี่เฟยฮวาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “แต่วันนี้ดึกมากแล้ว ฉันต้องกลับ คราวหน้าค่อยมาเล่นอีกนะ ได้ไหม?”
จริง ๆ แล้ววันนี้เธอตั้งใจจะอยู่แป๊บเดียวแล้วกลับ แต่เห็นกู้ป๋อเหวินไม่อยากให้เธอกลับ เธอก็เลยอยู่จนป่านนี้ ถ้าโดนคนในหมู่บ้านครอบครัวทหารเห็นอีก ไม่รู้จะเกิดข่าวลืออะไรขึ้นมาอีก
MANGA DISCUSSION