บทที่ 14 โจทก์เก่า
ฉินลี่ลี่ที่กำลังเลือกซื้อของอยู่ข้างในกับลูกชายของเธอ ก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอหลี่เฟยฮวาที่นี่
สายตาของทั้งสองประสานกันในอากาศ ราวกับมีประกายไฟฟ้าแล่นผ่าน
ทันใดนั้น เสียงใส ๆ ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ “แม่ครับ! ผู้หญิงไม่ดีมาอีกแล้ว!”
ทุกคนในร้านสหกรณ์วันนี้ไม่รู้จักทั้งสองคน และไม่ได้รับรู้ความจริงที่ถูกเปิดเผยเมื่อวาน พวกเขาพากันหันขวับ มองไปยังเด็กชายตัวน้อยที่ยืนชี้หน้าหลี่เฟยฮวาอยู่ข้างฉินลี่ลี่
ฉินลี่ลี่ตกใจ รีบปิดปากลูกชาย แต่เหลียงเต๋อหยวนกลับสะบัดหลุดราวกับปลาไหล แล้วตะโกนลั่น “เธอคนนี้แหละที่แย่งพ่อไป เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี!”
สายตาทุกคู่จ้องมองไปตามนิ้วของเหลียงเต๋อหยวน ก่อนจะส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามมาที่หลี่เฟยฮวา ราวกับเธอเป็นตัวประหลาด
ไม่ว่ายุคสมัยไหน คำว่า ‘เมียน้อย’ ก็ยังคงเป็นตราบาปที่ถูกสังคมรังเกียจเสมอ
เหอะ! แต่เธอไปเป็นเมียน้อยใครตอนไหน เธอนี่แหละที่เป็นภรรยาตามกฎหมาย ทำไมเธอถึงถูกทำให้เข้าใจผิดเพราะคนพวกนี้อยู่เรื่อย!
สีหน้าของหลี่เฟยฮวาเคร่งเครียด แต่จางอี้เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับทนไม่ไหวเสียก่อน
“ฉินลี่ลี่!” จางอี้เฉินตวาดเสียงดัง “เธอสอนให้ลูกพูดจาหยาบคายแบบนี้เหรอ? หลี่เฟยฮวาแต่งงานกับหวงหมิงลู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายนะ อย่าได้พูดจาเหลวไหล!”
จากนั้นเธอก็ชี้หน้าเหลียงเต๋อหยวนอย่างดุดัน “ส่วนเจ้าหนูนี่ ต่อไปห้ามพูดเรื่อยเปื่อยแบบนี้อีก ไม่งั้นหลี่เฟยฮวาจะหยิกหูเอา!”
บรรยากาศในร้านตึงเครียดขึ้นทันที ทุกคนลุ้นระทึกว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร…
เหลียงเต๋อหยวนยังคงอ้าปากค้าง พร้อมจะพ่นคำที่แม่ของเขาพูดกรอกหูอยู่เป็นประจำออกมา แต่ฉินลี่ลี่รีบปิดปากลูกชายไว้ทันควัน
“แม่ครับ นี่มันผู้หญิงใจร้ายคนนั้น…” เหลียงเต๋อหยวนพยายามดิ้นรนพูดต่อ
“เงียบ!” ฉินลี่ลี่เอ็ดเสียงเบา พลางใช้มืออีกข้างแอบหยิกหลังเหลียงเต๋อหยวน หวังปิดปากลูกชายก่อนที่จะสายเกินไป
เหลียงเต๋อหยวนตาโต ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฉินลี่ลี่ใจหายวาบ แต่ต้องสวมหน้ากากอ่อนหวานไว้ “หลี่เฟยฮวา เด็กน้อยยังไม่รู้เดียงสา หวงหมิงลู่เคยมาเยี่ยมที่บ้านฉันบ่อย ๆ ทำให้เหลียงเต๋อหยวนเข้าใจผิดไปน่ะ”
หลี่เฟยฮวายิ้มเยาะ “โธ่ สหายฉินลี่ลี่ อย่าคิดมากเลย สามีของฉันแค่แวะไปเดือนละหนเอง จะเรียกว่าดูแลก็คงไม่ใช่ ส่วนเหลียงเต๋อหยวน… ใกล้หกขวบแล้วสินะ? วัยนี้ควรรู้จักคิดได้แล้ว อาจจะอยู่ที่การสั่งสอน… แต่ถ้าสอนไม่ดี ก็คงต้องตีให้หนัก ๆ จะได้ไม่พูดจาไร้สาระอีก!”
เพราะอยู่ต่อหน้าผู้คน ฉินลี่ลี่จึงพยายามข่มเก็บความโกรธเกลียดไว้ในใจ แต่นี่หลี่เฟยฮวากำลังหลอกด่าว่าเธอไม่มีปัญญาสอนลูก ความโกรธที่ซ่อนไว้จึงเริ่มปะทุราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด
หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนได้ชัยชนะ “ฉันพูดถูกไหม สหายฉินลี่ลี่?”
ทันใดนั้น เสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้นรอบด้าน ราวกับผึ้งแตกรัง
หลี่เฟยฮวายิ้มมุมปาก สายตาเยาะหยัน ใบหน้าเรียบเฉย
ฉินลี่ลี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป หน้าบึ้งตึงราวกับจะกินคนเป็น ๆ เธอกัดฟันกรอด “หลี่เฟยฮวา เธอพูดเกินไปหรือเปล่า!”
หลี่เฟยฮวาเชิดหน้าเดินผ่านไปอย่างสง่างาม ทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ด “อย่าลืมสั่งสอนลูกให้ดีล่ะ สหายฉินลี่ลี่”
จางอี้เฉินอ้าปากค้าง พลางคิดในใจ ‘โห… คนมีการศึกษาพูดจาแบบนี้นี่เอง เจ็บแสบทีเดียว!’
“ฉันจะไม่ยอมแพ้เธอง่าย ๆ หรอก!” ฉินลี่ลี่หน้าบูดบึ้ง เธอนำของที่เลือกซื้อไปจ่ายเงิน ก่อนจะลากลูกชายออกไปอย่างไม่พอใจ
หลี่เฟยฮวาไม่สนใจฉินลี่ลี่อีก เธอหันไปเลือกซื้อของในร้านสหกรณ์อย่างสบายอารมณ์
เธอเดินไปตรงแผนกขายเสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อตัวหนึ่งมาถือไว้ จางอี้เฉินตาลุกวาว เห็นราคาเสื้อแพงลิบลิ่ว ถึงกับอุทาน
“โอ้แม่เจ้า! สิบห้าหยวนเลยเหรอเนี่ย?!”
จางอี้เฉินรีบเข้าไปเตือนสติ “สหายหลี่เฟยฮวา ฉันไม่ได้จะว่านะ แต่ซื้อแพงขนาดนี้ไม่คุ้มหรอก ตัดเองดีกว่า ประหยัดกว่าตั้งเยอะ!”
หลี่เฟยฮวาขมวดคิ้วน้อย ๆ มองดูเสื้อผ้าในมือ จริงอย่างที่จางอี้เฉินพูด เสื้อผ้าราคานี้ในยุคนี้ถือว่าแพงมาก แถมลวดลายและสีสันก็ไม่ตรงกับรสนิยมของเธอสักเท่าไร แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าไม่นับเสื้อผ้าของเจ้าของร่างเดิม เธอก็ไม่มีอะไรจะใส่แล้ว
“พี่อี้เฉินพูดถูก แต่ตู้เสื้อผ้าของฉันว่างเปล่า และฉันก็ไม่มีทักษะการเย็บผ้าเลย ขอซื้อใส่ไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกัน” หลี่เฟยฮวาตอบราวกับเศรษฐีเงินล้านที่ไม่กลัวว่าเงินจะหมดกระเป๋า
“ชุดราคาสิบห้าหยวนนี่เรียกว่าใส่ไปพลาง ๆ ก่อนเหรอ? แล้วเสื้อผ้าสีจี๊ดจ๊าดที่ซื้อมาเมื่อสามเดือนก่อนล่ะ หายไปไหนหมด?”
พอนึกถึงเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดในตู้ หลี่เฟยฮวาก็หันกลับมาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิง ฉันถึงซื้อเสื้อผ้าพวกนั้นมา พอมาเปิดดูตู้เสื้อผ้าอีกที ฉันก็รู้ว่ามันไม่เข้ากับฉันเลยสักนิด”
จางอี้เฉินยืนอึ้ง ปากอ้าค้าง ในใจคิด ‘เธอนี่! พอไม่ชอบก็จะทิ้งง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ มีเงินมากมายขนาดไหนกันเชียว!’
หลังจากนั้นเธอก็เห็นหลี่เฟยฮวาซื้อของอีกเพียบ แต่ละชิ้นราคาเท่ากับทุกอย่างที่เธอซื้อมาวันนี้รวมกัน
‘โอ้โห! ภรรยาของหวงหมิงลู่นี่ช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง ใช้เงินเหมือนน้ำไหล!’
ผู้คนที่มาเลือกซื้อของในร้านสหกรณ์พากันตกตะลึง หลี่เฟยฮวากลับยิ้มร่าอย่างมีความสุข ไม่สนใจว่าจะเป็นที่จับตามองของคนรอบข้างหรือเปล่า
หลี่เฟยฮวาไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับหวงหมิงลู่ เธอรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เธอเลือกซื้อของที่จำเป็น ในราคาที่สามารถจ่ายได้
อีกอย่าง เมื่อวานนี้เป็นโชคดีของเธอจริง ๆ หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็เจอขุมทรัพย์ในตู้เสื้อผ้าตั้งสองร้อยกว่าหยวน! วันนี้กระเป๋าตังค์ยังอุ่นหนาแน่นอน!
แต่… ดูเหมือนของใช้จำเป็นสำหรับเธอจะเยอะเกินไป ปัญหาอย่างเดียวคือ บ้านของเธอจะจุของที่สูงเป็นภูเขาขนาดนี้ได้หรือเปล่า! หลี่เฟยฮวามองกองสมบัติตรงหน้าด้วยความท้อใจเล็กน้อย
“พี่ ๆ คะ รบกวนช่วยส่งของไปที่หมู่บ้านครอบครัวทหารให้หน่อยได้ไหมคะ?” เธอเอ่ยถามพนักงานด้วยรอยยิ้มหวาน
“ได้สิครับคุณผู้หญิง ค่ารถแค่สามหยวนเองครับ”
“ได้เลยค่ะ จัดไป!” หลี่เฟยฮวายื่นเงินให้แบบไม่เสียดายสักหยวน เธอมันเศรษฐีนีตัวแม่!
จางอี้เฉินยืนมองอยู่ข้าง ๆ แทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ สามหยวนก็คือเงินนะ! ให้จางอี้เฉินคนนี้แบกกลับเองก็ได้!
“อ๊ะ จริงสิ! ถ้าไม่รบกวนเกินไป พี่ ๆ ช่วยขนของของสหายคนสวยคนนี้ไปส่งด้วยนะคะ” หลี่เฟยฮวาหันมายิ้มหวานให้จางอี้เฉิน พร้อมกับชี้ไปยังของอีกกองที่อยู่ข้าง ๆ เธอรู้สึกดีกับจางอี้เฉินมากขึ้น หลังจากที่จางอี้เฉินช่วยพูดให้เธอตอนที่เจอกับฉินลี่ลี่ เธอจึงอยากตอบแทนน้ำใจ
จางอี้เฉินยืนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเห็นหลี่เฟยฮวาอาสาช่วยขนของ ถ้าไม่นับเรื่องที่หลี่เฟยฮวาช่วยลูกของเธอเมื่อวันก่อน ปกติแล้วหญิงสาวตรงหน้าก็เป็นคนเอาแต่ใจและไม่เคยสนใจใคร แต่วันนี้กลับใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ทำเอาเธอต้องขยี้ตาดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป
“เธอจะจ่ายค่ารถทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?” จางอี้เฉินยังคงไม่อยากจะเชื่อในการกระทำของหลี่เฟยฮวา
“ใช่ค่ะ ตอบแทนน้ำใจที่พี่ช่วยพูดว่าฉันเป็นภรรยาตามกฎหมายของหวงหมิงลู่น่ะ”
“ขอบคุณนะหลี่เฟยฮวา แต่ผู้หญิงแบบนั้น บางทีก็สมควรที่จะต้องพูดต่อหน้าคนอื่น ให้ปูนที่โบกหน้าหลุดลอกซะบ้าง!”
หลี่เฟยฮวาไม่แปลกใจกับคำพูดที่เจ็บแสบไปถึงทรวงของจางอี้เฉิน ก็เธอเป็นหนึ่งในแก๊งนกกระจิบนี่นา!
MANGA DISCUSSION