บทที่ 132 เจรจาการค้า
เฉินห่าวอี้มองหลี่เฟยฮวาแวบหนึ่ง แล้วชี้ไปที่ลู่อันหยาง “เธอดูไอ้หนุ่มนี่สิ มันกล้าจะตาย มันชอบทำธุรกิจ หลายปีมานี้คงขาดทุนไปไม่น้อย แต่มันก็ไม่ท้อ ใช่ไหมลู่อันหยาง?”
ลู่อันหยางพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถูกต้อง ตอนที่ขาดทุนผมก็รู้สึกแย่มาก แต่ขาดทุนหลายครั้งเข้าจิตใจผมก็สงบลงแล้ว”
หลี่เฟยฮวา “…”
ถ้าคุณไม่สงบอีก คงต้องไปกระโดดตึกแล้วล่ะ
แต่การที่เฉินห่าวอี้ตกลงง่าย ๆ แบบนี้ ก็ทำให้หลี่เฟยฮวาโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง “วันนี้ฉันมาค่อนข้างรีบ เอาแค่ร่างมาให้ดู พอกลับไปฉันจะออกแบบใหม่ให้อีกครั้ง พรุ่งนี้บ่ายฉันจะเอามาส่งให้คุณ คุณว่าอย่างไง?”
เฉินห่าวอี้คิดสักครู่ “คุณจะใช้เวลานานแค่ไหนในการวาดทั้งหมดนี้?”
หลชี่เฟยฮวาออกแบบเสื้อมาสามชุดและกางเกงสองตัว ทั้งหมดเป็นแบบที่ค่อนข้างทั่วไปในยุคหลัง แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ยุคนี้ยอมรับได้
แต่เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน จึงดึงดูดความสนใจได้มากพอ
หลี่เฟยฮวาเห็นเฉินห่าวอี้ตื่นเต้นขนาดนี้ จึงคิดสักครู่แล้วบอกเวลา
“ฉันจะให้กระดาษและปากกาเธอ วาดให้เสร็จวันนี้ คืนนี้ฉันจะให้คนงานทำงานล่วงเวลาเพื่อทำมันออกมา”
หลี่เฟยฮวา “แบบนั้นเร็วเกินไปหรือเปล่า?”
เฉินห่าวอี้โบกมือ “มันจะเร็วอะไรได้? พวกเราต้องฉวยโอกาสนี้ แบบที่คุณวาดมาดีมาก หลังจากคุณวาดเสร็จ เราต้องทำอีกหลายแบบเพื่อดูว่าใส่แล้วเป็นยังไงก่อนจะตัดสินใจเปิดขาย ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์”
หลี่เฟยฮวาไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน จึงได้แต่พยักหน้ารับ
สุดท้ายเธอถามอีกประโยค “งั้นคุณจะทำชุดแรกเท่าไหร่?”
เฉินห่าวอี้ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “ทำสองพันชิ้นเถอะ”
“หนึ่งแบบสองพันชิ้น รวมทั้งหมดหนึ่งหมื่นชิ้น” เมื่อได้ยินว่าหนึ่งหมื่นชิ้น เธอก็ยังไม่ทันได้ตั้งสติ
ยุคนี้ไม่เหมือนกับยุคหลัง ในยุคหลังประเทศจีนมีการค้าออนไลน์ที่ทำลายร้านค้าแบบดั้งเดิม เธอข้ามเวลามาจากยุคที่การค้าออนไลน์เฟื่องฟู ยอดขายในแต่ละปีมากมายมหาศาล แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป การหมุนเวียนของสินค้าช้ากว่ามาก การผลิตจำนวนมากขนาดนี้ในคราวเดียวมีความเสี่ยงสูงมาก
แต่เฉินห่าวอี้ดูเหมือนไม่สนใจเลย เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่เฟยฮวาเขาก็พูดว่า “ฉันทำธุรกิจนี้มา 20 ปีแล้ว ฉันกล้าพูดได้เลยว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบ มันจะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน”
“พอถึงตอนนั้นพวกของปลอมก็จะออกมาเพียบ ยอดขายของเราก็จะลดลงมาก จำนวนนี้พอดี อย่างน้อยการผลิตของปลอมก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนนี้ เราจะต้องขายของให้หมด และต้องขายให้ดีด้วย”
เฉินห่าวอี้อยู่ในวงการธุรกิจมาตลอด ที่โรงงานไม่ค่อยดีส่วนใหญ่เป็นเพราะการปฏิรูปเศรษฐกิจและยุคสมัย
ยุคนี้อาจกล่าวได้ว่าทุกอย่างกำลังเบ่งบาน ถ้าไม่ระวังก็จะตามไม่ทันยุคสมัย
แต่เขามีความไวในเรื่องธุรกิจมาก เขามั่นใจว่าแบบของหลี่เฟยฮวาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบแน่นอน!
เฉินห่าวอี้ไม่ได้เอาเปรียบที่หลี่เฟยฮวา่เป็นมือใหม่ เขาไม่ได้แก้ไขข้อเสนอของเธอเลย หลังหักต้นทุนแล้ว หลี่เฟยฮวาจะได้กำไรสามสิบเปอร์เซ็นต์
เงินไม่มาก แต่ถ้าขายได้มาก เธอก็จะได้เงินมาก
ตอนเตรียมตัวกลับเฉินห่าวอี้ส่งทั้งสองคนออกไป “อ้อ ใช่แล้ว” เฉินห่าวอี้ถามขึ้นอย่างกะทันหัน “ลู่อันหยาง ช่วงนี้นายทำธุรกิจอะไรอยู่ อยากร่วมหุ้นกันไหม?”
ลู่อันหยางชะงักฝีเท้า “ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
เฉินห่าวอี้ไม่คิดเลยว่าลู่อันหยางจะเก่งขนาดนี้ ปกติดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่กลับสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
เฉินห่าวอี้ แม้จะไม่ได้เรียนหนังสือมามาก แต่เขาก็รู้ดีว่าการเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นายเรียนสาขาอะไร? แล้วหลังจากนี้จะยังทำธุรกิจอีกไหม?”
ในใจเฉินห่าวอี้อดคิดไม่ได้ว่า ถึงลู่อันหยางจะไม่ค่อยโชคดีในเรื่องธุรกิจที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังมีเงินนี่!
ลู่อันหยางอ่านความคิดในใจของเจ้าของโรงงานออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่เขาเองก็มีแผนจะลงทุนอยู่บ้างเช่นกัน จึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ผมเรียนฟิสิกส์ครับ พรุ่งนี้จะโอนเงินให้คุณ”
เฉินห่าวอี้ “…”
ฟิสิกส์?
ฟิสิกส์มันคืออะไรกันเนี่ย!!!
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินทางกลับมาโดยไม่มีบทสนทนาเพิ่มเติม จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย หลี่เฟยฮวาและลู่อันหยางแยกย้ายกันที่บริเวณชั้นล่างของหอพัก
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หลี่เฟยฮวาไม่อยากกินข้าวแล้ว เธอตั้งใจว่าจะให้ลู่ซือเจี้ยหรือไม่ก็ตู้จื่อเถิงช่วยซื้ออาหารมาให้แทน
แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนแล้วเปิดประตูเข้าไป เธอกลับต้องชะงัก เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตกตะลึง ห้องทั้งห้องอยู่ในสภาพรกรุงรังไม่เป็นท่า!
แค่ไม่เจอกันวันเดียวเอง โดนขโมยขึ้นบ้านแล้วอย่างนั้นหรือ?!
ความคิดนี้พลันแล่นเข้ามาในหัวทันที หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างดีถูกพลิกค้นจนกระจัดกระจายเต็มพื้น เตียงของทุกคนยุ่งเหยิงราวกับถูกใครค้นหาอะไรบางอย่าง แก้วเซรามิกที่เธอชอบก็แตกกระจายอยู่มุมหนึ่ง
หัวของหลี่เฟยฮวาเริ่มปวดตุบ ๆ ด้วยความเครียด เธอรีบพุ่งตัวไปยังเตียงของตัวเองเพื่อดูสิ่งสำคัญเงินที่เธอซ่อนไว้ใต้หมอนยังอยู่หรือเปล่า?!
แต่เป็นไปตามที่เธอคาด เงินค่าใช้จ่ายที่เธอเก็บไว้ใต้หมอนหายไปหมดแล้ว!
ในตอนนั้นหลี่เฟยฮวาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องน้ำ และเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่เฟยฮวารู้สึกหัวใจเต้นระรัว เธอสูดหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณเป็นใคร!” หลี่เฟยฮวาถามเสียงแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าฝ้ายใหม่เอี่ยม ผ้าลายสดที่ดูคุ้นตา ทำให้หลี่เฟยฮวาชะงักไปครู่หนึ่ง ใช่แล้ว… นี่มันชุดที่เธอพาตู้จื่อเถิงไปเลือกซื้อเมื่อสัปดาห์ก่อน! เธอจ้องมองใบหน้าของหญิงคนนั้นอีกครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์ ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายมีเค้าคล้ายตู้จื่อเถิงอยู่ไม่น้อย
หลี่เฟยฮวาได้ยินเรื่องราวครอบครัวของตู้จื่อเถิงมาบ้าง เธอรู้ว่าตู้จื่อเถิงเป็นลูกคนโตในบ้าน มีน้องสาวหลายคน และเมื่อห้าปีก่อน แม่ของตู้จื่อเถิงเพิ่งคลอดลูกชายในวัย 40 ปี พร้อมประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่จะเป็นลูกคนสุดท้ายของฉัน!”
ใครที่เข้าใจก็รู้ดีว่าในครอบครัวที่ยังถือว่าลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก และแม่ของตู้จื่อเถิงก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดเช่นนั้น
“ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?” หลี่เฟยฮวาถามเสียงเย็น น้ำเสียงกดต่ำแฝงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
หญิงวัยกลางคนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยกคางขึ้นด้วยท่าทีดื้อดึง “ถ้าฉันเป็นคนทำแล้วจะทำไม?”
คำตอบที่ไร้ความสำนึกทำให้หลี่เฟยฮวารู้สึกเหมือนถูกไฟโหม เธอมองหญิงตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อในความหน้าด้าน พลางหัวเราะเยาะ
“อ๋อ… งั้นคุณยอมรับแล้วสินะ?” หลี่เฟยฮวาตอบเสียงหยัน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอโทษด้วยนะคะ บุคคลภายนอกเข้ามาในหอพักโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”
พูดจบหลี่เฟยฮวาก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
ตอนนี้เป็นเวลาที่นักศึกษาทยอยกลับมา และเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย จึงมีคนอยู่ในหอพักเยอะมาก
หลี่เฟยฮวาตะโกนเสียงดังทันที “ขโมย! ขโมย!”
เสียงของหลี่เฟยฮวาดึงดูดความสนใจของเพื่อนนักศึกษาและผู้ดูแลหอพักมากมายในทันที
เมื่อผู้ดูแลหอพักได้ยินเรื่องขโมย เขาก็วิ่งมาด้วยความเร็วสูงสุด พอเห็นห้องพักรกรุงรังก็ใจหายวาบ “เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้ดูแลหอพักพูดพลางมองไปที่แม่ของตู้จื่อเถิงที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่นักศึกษา เสียงของเขาสั่นเครือด้วยความตกใจ “แล้วคุณล่ะเป็นใคร คุณเข้ามาได้ยังไง!”
ตอนนี้มีคนมากขึ้น แม่ของตู้จื่อเถิงก็เริ่มกลัวบ้าง
เธอมองหลี่เฟยฮวาอย่างดุดัน แล้วรีบแสดงตัวตน “เข้าใจผิดแล้ว ฉันเป็นแม่ของตู้จื่อเถิง”
หลี่เฟยฮวาพูดอย่างไม่สุภาพ “คุณเป็นแม่ของเธอ คุณมีหลักฐานไหม คุณเอาทะเบียนบ้านมาด้วยหรือเปล่า คุณเป็นแม่ของเธอแต่กลับมาค้นของในหอพักยังงั้นเหรอ?”
หลี่เฟยฮวาไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พูดเลย เธอหันไปมองผู้ดูแลหอพัก “ป้าคะ พอฉันเข้าห้องมาก็เห็นห้องรกเต็มไปหมด แถมฉันดูใต้หมอนแล้วเงินก็หายไป เตียงในห้องพวกเราถูกคนพลิกค้นอย่างเห็นได้ชัด คนนี้เป็นขโมยแน่ ๆ เรียกตำรวจเถอะค่ะ”
ผู้ดูแลหอพักพยักหน้า สั่งให้นักศึกษาข้าง ๆ ไปแจ้งตำรวจ
แม่ของตู้จื่อเถิงได้ยินว่าจะเรียกตำรวจก็แข็งทื่อไปทั้งตัว
เธอพยายามจะขัดขวาง แต่ก็ถูกหลี่เฟยฮวาห้ามไว้
“โอ๊ย ฉันไม่ใช่ขโมยจริง ๆ นะ ฉัน ฉัน…”
“ถ้าคุณไม่ใช่ขโมย แล้วทำไมเงินของฉันถึงหายล่ะ?”
MANGA DISCUSSION