บทที่ 123 รู้ตัวคนร้าย
วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังเลิกเรียนตอนบ่ายก็สามารถกลับบ้านได้
เมื่อคืนเธอขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเสี่ยวหลิวจึงรีบเข้านอนโดยไม่ได้เก็บกระเป๋า อีกอย่างเธอก็แค่กลับบ้านไปสองวัน ไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมาย
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง หลี่เฟยฮวาจึงเก็บกระโปรงบาง ๆ กลับไปหลายตัว และตั้งใจจะหยิบเสื้อแขนยาวติดไม้ติดมือไปด้วย
หลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เตรียมตัวไปเรียน แต่ทว่าเธอเพิ่งเดินลงบันไดมาก็เห็นลู่อันหยางถือปิ่นโตเดินไปเดินมาอยู่หน้าหอพักหญิง
“ลู่อันหยาง?” หลี่เฟยฮวารีบเดินเข้าไปหา เอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ลู่อันหยางได้ยินเสียงเรียก ก็หันมามอง ก่อนจะยื่นปิ่นโตในมือให้ “เช้านี้ทนกินนี่ไปก่อนนะ คนที่ติดประกาศนั่นโดนจับได้แล้ว อาจารย์ม่อบอกว่าไม่ต้องเข้าเรียน ให้คุณไปที่ห้องพักอาจารย์ก่อน”
หลี่เฟยฮวาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “อืม เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาของก่อน”
พูดจบ เธอก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องและหยิบปากกาลูกลื่นสีดำที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนออกมา
ระหว่างทาง ลู่อันหยางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้หลี่เฟยฮวาฟัง
“ช่วงนี้ผมกับเพื่อนร่วมห้องแทบไม่ได้นอนเลย คิดว่าคนที่ติดใบปลิวต้องออกมาเคลื่อนไหวแน่ ๆ แต่ก็เงียบหายไปหลายวัน แต่เดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น? เช้านี้คนที่ติดโปสเตอร์โผล่หัวออกมาจริง ๆ แถมยังเป็นคนที่เธอคาดไม่ถึงด้วย!”
พูดจบ ลู่อันหยางก็เอ่ยชื่อที่ไม่คุ้นหูออกมา“หยางอู๋เจี๋ย!”
หลี่เฟยฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจ “ฉันไม่รู้จักคน ๆ นี้ แต่สงสัยว่าจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ ”
ทว่า พูดจบเธอก็เห็นแววตาอึกอักของลู่อันหยาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่อันตงหยางจึงพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “หลี่เฟยฮวา ตอนนี้เธอรู้จักเพื่อนร่วมชั้นกี่คนแล้ว?”
“ฉันจำหน้าได้หมด แต่ชื่อยังไม่ค่อยแม่น”
เธอเป็นถึงกรรมการชั้นเรียนควรรู้จักชื่อเพื่อนร่วมชั้นทุกคนในเวลาอันสั้น แต่เพราะเรื่องโปสเตอร์ ทำให้ม่อชงอวี้กลัวว่าเธอจะได้รับผลกระทบ จึงมอบหมายงานที่ควรเป็นหน้าที่ของเธอให้ลู่อันหยางไปจัดการแทนชั่วคราว
พูดจบหลี่เฟยฮวาก็ถามขึ้นทันที “หยางอู๋เจี๋ยคนนี้ เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเราเหรอ?”
ลู่อันหยางพยักหน้าอย่างจนใจ “ใช่ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา แล้วที่เธอคาดไม่ถึงก็คือหยางอู๋เจี๋ยและคน ๆ นั้นเธอก็รู้จัก”
หลี่เฟยฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เป็นชิงเหลียนหรือเสี่ยวหลิว?”
“นี่เธอรู้ได้ยังไงเนี่ย!” ลู่อันหยางตั้งใจจะโชว์ผลงานการจับคนร้ายเมื่อวานนี้ และอวดว่าตัวเองสืบหาเบาะแสมาได้อย่างไร แต่กลับถูกหลี่เฟยฮวาทำลายแผนการทั้งหมด
“ก็ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่า ฉันมีเรื่องบาดหมางชิงเหลียนกับเสี่ยวหลิว แล้วเมื่อวาน…”
หลี่เฟยฮวาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเสี่ยวหลิวและหวงหมิงลู่ให้ลู่อันหยางฟังอย่างละเอียด
ลู่อันหยางฟังจบก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ไม่จริงน่า ตอนนั้นพวกเขายังไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างเธอกับหวงหมิงลู่ก็แต่งงานกันมานานแล้ว เสี่ยวหลิวจะไม่พอใจอะไรอีก”
หลี่เฟยฮวายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันจะไปรู้ใจคนพวกนั้นได้ยังไง แต่เดาว่าคงเป็นเพราะคำพูดของฉันเมื่อวาน ทำให้พวกเธอไม่พอใจ เลยรีบร้อนให้คนมาติดโปสเตอร์แต่เช้า”
ระหว่างที่คุยกัน หมั่นโถวในมือของหลี่เฟยฮวาก็หมดลงพอดี
ลู่อันหยางเป็นคนเห็นเหตุการณ์ตอนจับกุมคนร้าย เขาจึงไปขออนุญาตอาจารย์ที่กำลังจะเข้าสอน ก่อนจะวิ่งแจ้นไปที่ห้องทำงาน พร้อมกับเรียกตัวเสี่ยวหลิวที่กำลังเดินเข้ามาพอดี
เมื่อคืนเสี่ยวหลิวกับชงเหรียนไม่ได้กลับไปนอนที่หอพัก เช้านี้มีเรียนแต่เช้า ทั้งคู่จึงมาถึงมหาวิทยาลัยค่อนข้างเร็ว
ทันทีที่เสี่ยวหลิวมาถึง เธอก็มองหากระดานข่าวเป็นอันดับแรก เมื่อไม่พบเห็นโปสเตอร์ เธอก็เดาว่าคงถูกคนฉีกทิ้งไปแล้ว จึงไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก
ทว่า พอลู่อันหยางเดินเข้ามา บอกให้เธอกับชิงเหลียนไปพบที่ห้องทำงานอาจารย์ หัวใจของเธอก็กระตุกวูบและความรู้สึกไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ
เสี่ยวหลิวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก มองลู่อันหยางด้วยแววตาสงสัย “อาจารย์ม่อ เรียกฉันไปทำอะไรที่ห้องเหรอ?”
ลู่อันหยางไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับพูดว่า “ไปแล้วก็รู้เอง”
ลู่อันหยางปิดปากเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา ชิงเหลียนกับเสี่ยวหลิวสบตากัน ก่อนจะลากขาเดินตามไปที่ห้องทำงานอย่างเสียไม่ได้
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องเสี่ยวหลิวก็เห็นหลี่เฟยฮวาและหยางอู๋เจี๋ย
ในชั่วขณะนั้น เสี่ยวหลิวรู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน สมองขาวโพลนไปหมด แม้จะมีเสียงดังอยู่ข้างหู แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย
ชิงเหลียนยืนอยู่ที่ประตูไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เธอเอ่ยถามเสียงเบา “เสี่ยวหลิว ตอนนี้เราจะทำยังไงดี”
เสี่ยวหลิวกัดริมฝีปากแน่น ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ลู่อันหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยเร่ง “เข้ามาสิ ทำไมไม่เข้ามา”
ทั้งสองคนจึงจำใจเดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างไม่มีทางเลือก
ม่อชงอวี้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ทุกคนยังคงใส่เสื้อแขนสั้น มีเพียงเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงขายาว สีหน้าดูซีดเซียว ริมฝีปากซีดเผือด มีเพียงดวงตาคมกริบที่ฉายแววเกรี้ยวกราด
“เสี่ยวหลิว รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกเธอมาที่นี่” ม่อชงอวี้ถามเสียงเรียบ ไม่ได้ทักทายอะไรให้มากความ
จริง ๆ แล้วอายุของม่อชงอวี้ก็ไม่ได้ห่างจากพวกเธอมากนัก แต่อาจเป็นเพราะอำนาจของตำแหน่งอาจารย์ ทำให้เสี่ยวหลิวรู้สึกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้
“พูด!”
ม่อชงอวี้ตวาดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
เสี่ยวหลิวกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะตอบอย่างลนลาน “อาจารย์ม่อคะ ฉันไม่รู้ว่าอาจารย์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ไม่รู้เหรอ?” ม่อชงอวี้ทำท่าทางประหลาดใจกับคำตอบของเสี่ยวหลิว ก่อนจะตบโปสเตอร์แผ่นใหญ่ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “งั้นเธอลองดูซิว่านี่มันอะไร!”
เสี่ยวหลิวยังไม่ทันได้ขยับ ชิงเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบไปเห็นข้อความบนใบปลิวเข้า สีหน้าก็ซีดเผือดลงทันที
ม่อชงอวี้มองทั้งสองคนสลับกันไปมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ชิงเหลียน ถ้าฉันจำไม่ผิด ลายมือบนใบปลิวนี่น่าจะเป็นของเธอใช่ไหม”
ชิงเหลียน “…”
“ฉัน ฉัน…” ชิงเหลียนไม่มีจิตใจเข้มแข็งเท่ากับเสี่ยวหลิว ตอนนี้เธอเริ่มสติแตกทันทีที่ถูกซักถาม
“อาจารย์ม่อชงอวี้ ฉันไม่ได้…”
ม่อชงอวี้จ้องมองทั้งสองคนด้วยแววตาดำมืด น้ำเสียงเย็นยะเยือก “เช้านี้ตอนที่หยางอู๋เจี๋ยกำลังติดโปสเตอร์แผ่นนี้ มีนักศึกษาและอาจารย์เห็นเหตุการณ์หลายคน รวมถึงตัวฉันด้วย”
“อะ อะไรนะ!” คราวนี้เสี่ยวหลิวทนไม่ไหวอีกต่อไป
เธอเดาว่าคนที่จับหยางอู๋เจี๋ยได้น่าจะเป็นลู่อันหยาง แต่คำพูดของม่อชงอวี้มันหมายความว่ายังไง?
มีอาจารย์อยู่ในเหตุการณ์ด้วยอย่างนั้นเหรอ?
“ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา นักศึกษาหลี่เฟยฮวาได้รายงานเรื่องนี้กับทางมหาวิทยาลัยแล้ว อาจารย์ในมหาวิทยาลัยทุกคนต่างจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเธออยู่ตลอดทั้งสัปดาห์”
เสี่ยวหลิวรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดับวูบ เธอพยายามจะอ้าปากปฏิเสธ แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่ความคิดที่ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
ม่อชงอวี้พูดต่อ “หยางอู๋เจี๋ยบอกว่า โปสเตอร์แผ่นนี้เป็นฝีมือของฉันเปรียบเทียบลายมือแล้ว พบว่าตรงกันจริง ๆ เขายังบอกอีกว่า เธอเป็นคนสั่งให้เขาทำแบบนี้ หยางอู๋เจี๋ยก็อยู่ที่นี่ ถ้าเขาพูดโกหก เธอสามารถแย้งได้”
น้ำเสียงของม่อชงอวี้ราบเรียบ แต่กลับสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับเสี่ยวหลิว
ในชั่วขณะนั้น เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
เธอหันไปมองหยางอู๋เจี๋ย หวังว่าเขาจะพูดอะไรออกมาบ้าง แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขากลับก้มหน้าเงียบและไม่ปริปากพูดอะไรเลย
MANGA DISCUSSION