บทที่ 120 นักศึกษาหญิงคนหูเบา
หลี่เฟยฮวารู้ว่าเรื่องนี้สืบสวนได้ยาก มหาวิทยาลัยไม่มีกล้องวงจรปิด จึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนติดใบปลิว แม้ว่าอาจารย์ม่อชงอวี้จะบอกว่ามหาวิทยาลัยจะยืนอยู่ข้างเธอ แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลยเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน
คนที่ติดใบปลิวดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ถึงอย่างนั้น ข่าวลือในมหาวิทยาลัยก็ยิ่งแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางและเกินจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ
วันพฤหัสบดีนี้ หลังจากหลี่เฟยฮวาเลิกเรียนแล้ว เธอกำลังจะไปปรึกษาเรื่องการทดลองใหม่กับอาจารย์เหวินเทียนจู่ ๆ ก็มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ประตู
หลี่เฟยฮวาหลบไม่ทัน จนทำให้น้ำหนึ่งแก้วก็สาดเข้าใส่เธอเต็มๆ
แม้ว่าอากาศวันนี้จะดี แต่เมื่อน้ำเย็นเฉียบสาดใส่หน้า เธอจึงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง เส้นผมเปียกชื้นไหลลงมาที่หน้าผาก ชุดกระโปรงสีขาวเปียกชื้นที่หน้าอก ดูแล้วช่างน่าเวทนา
เหวินเทียนรีบดึงหลี่เฟยฮวาไปด้านหลัง แล้วมองนักศึกษาที่ไม่คุ้นหน้าตรงหน้าอย่างเคร่งขรึม “เธอเป็นนักศึกษาคณะไหน เธอกำลังทำอะไร!”
ใครจะรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไม่สะทกสะท้าน กลับพูดอย่างชอบธรรมว่า “วันนี้ฉันมาเพื่อจัดการกับหลี่เฟยฮวา ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้! แต่งงานแล้วยังไปยั่วยวนเพื่อนร่วมชั้น ช่างไร้ยางอายจริง ๆ พ่อแม่ตายไปแล้วหรือไง ถึงได้เลี้ยงดูลูกสาวที่ไร้มารยาทแบบนี้ออกมา น่าอับอายแทนพวกผู้หญิงอย่างเราจริง ๆ !”
เด็กสาวคนนั้นดูอายุไม่มากนัก น่าจะไล่เลี่ยกับหลี่เฟยฮวาเสียด้วยซ้ำ เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีเทาหม่น เอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นที่เต็มไปด้วยอารมณ์
แม้จะไม่ได้ยินชัดเจนว่าเธอพูดอะไร แต่แค่ฟังจากน้ำเสียงที่หนักแน่นนั้น หลี่เฟยฮวาก็อดทึ่งไม่ได้ รู้สึกอยากปรบมือชมอีกฝ่ายขึ้นมา
เมื่อคิดดังนั้น หลี่เฟยฮวาก็ทำจริง ๆ “แปะ ๆ” เสียงปรบมือดังก้องในความเงียบ
หญิงสาวตรงหน้าชะงักไป มองหลี่เฟยฮวาที่ตบมือพร้อมกับส่งยิ้มเยาะที่ไม่แตะถึงดวงตา “เธอเป็นบ้าหรือไง?”
หลี่เฟยฮวายิ้มบาง ๆ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ฉันว่าคนที่เป็นบ้าคือเธอนะ”
พูดจบ หลี่เฟยฮวาก็เปิดกระติกน้ำของเธอและสาดน้ำอุ่น ๆ ใส่หญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชาในทันใด “โง่!”
หญิงสาวไม่คิดว่าหลี่เฟยฮวาจะโต้ตอบ เธอจึงตกใจจนร้องกรี๊ดออกมา
เหวินเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในฐานะอาจารย์ เขาจึงรีบเข้ามาแยกทั้งสองคนออกจากกัน เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบ ๆ เองก็เข้ามาช่วย รวมถึงลู่อันหยางที่รีบรุดเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
ลู่อันหยางรู้สึกกังวลใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลี่เฟยฮวาโกรธถึงเพียงนี้ ในความทรงจำของเขา หลี่เฟยฮวาเป็นคนอ่อนโยนและว่านอนสอนง่ายเสมอ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอโกรธจริง ๆ
แต่เขาเองก็โกรธไม่แพ้กัน
ทันใดนั้น ลู่อันหยางก้าวตรงไปยังหญิงสาวคนนั้น พลางตะโกนออกมาเสียงดัง “ขอถามหน่อยเถอะ เธอเป็นบ้าหรือเปล่า? เพื่อนฉันทำอะไรให้เธอเดือดร้อนนักหนาหรือไง? หรือว่าสามีเธอนอกใจ? ถึงได้คลั่งจนขาดสติแบบนี้!”
คำพูดของลู่อันหยางทำให้หญิงสาวที่โกรธอยู่แล้วยิ่งโมโหหนัก “หลี่เฟยฮวาก็เป็นแค่หญิงร่านไร้ยางอาย! ในโปสเตอร์ก็เขียนไว้แล้ว จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง?”
“ทำไมจะเป็นเรื่องโกหกไม่ได้ล่ะ” ลู่อันหยางโต้กลับ “วันหลังฉันก็จะเขียนเกี่ยวกับเธอบ้าง จากนั้นก็เอาไปติดประกาศให้คนได้รู้ แล้วถ้าเป็นเธอจะบอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จล่ะ?”
นักศึกษาหญิงคนนั้นโกรธจนหน้าแดง “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมเธอถึงได้โวยวายขนาดนี้ล่ะ?”
ลู่อันหยางไม่เคยแพ้ในการโต้เถียง “แค่อ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัวก็ตัดสินนิสัยของหลี่เฟยฮวาแล้ว เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าสิ่งที่เขียนในใบปลิวเป็นความจริงหรือเปล่า?”
นักศึกษาหญิงคนนั้นยังคงเถียงต่อ “แล้วหลี่เฟยฮวา มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขียนในใบปลิวเป็นเรื่องโกหกล่ะ?”
หลี่เฟยฮวาเช็ดน้ำบนใบหน้าเสร็จแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชากว่าปกติ “ทำไมฉันต้องพิสูจน์ด้วยล่ะ?”
“อะไรนะ?” นักศึกษาคนนั้นงุนงง
“คนอื่นใส่ร้ายฉัน แล้วฉันต้องพิสูจน์เหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงเหนื่อยตายแน่” หลี่เฟยฮวาทำเสียงจุ๊จุ๊ ก่อนจะพูดต่อในทันที “ฉันไม่ได้โง่เหมือนเธอหรอกนะ นกบินสูงย่อมถูกยิงก่อน ต่อไปอย่าได้โผล่หน้าออกมาทุกเรื่องแบบคนบ้าอีกล่ะ”
หลังจากพูดจบ หลี่เฟยฮวาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น
เหวินเทียนที่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในฐานะอาจารย์ เขาต้องจัดการเรื่องนี้ “พวกเธอสองคนมาที่ห้องพักเดี๋ยวนี้”
หลี่เฟยฮวาไม่แสดงอาการใด ๆ เพียงแค่พยักหน้า “ค่ะ”
เมื่อนักศึกษาหญิงคนนั้นได้ยิน เธอก็ราวกับถูกสาดน้ำเย็นเข้าใส่ ก่อนจะหันหน้าไปหาอาจารย์แล้วส่ายหน้า “ฉัน…”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ เหวินเทียนและหลี่เฟยฮวาก็เดินจากไปแล้ว
นักศึกษาหญิงกัดฟันและจำต้องฝืนใจเดินตามไป
เมื่อคนที่เกี่ยวข้องจากไป เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่
“เมื่อกี้ หลี่เฟยฮวาเท่มากเลยนะ ก่อนหน้านี้นึกว่าเธอเป็นเด็กเรียนอ่อนแอ คนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะตอบโต้แบบนี้ได้”
“ใช่ หลี่เฟยฮวาจริง ๆ แล้วไม่เหมือนกับที่ลือกันเลย ดูเหมือนเธอจะไม่สนิทกับใครในห้องเลย ยกเว้นลู่อันหยางที่สนิทกันหน่อย พวกเธอคิดว่าผู้ชายในใบโปสเตอร์นั่นจะเป็นลู่อันหยางหรือเปล่า?”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเหรอ? หลี่เฟยฮวากับลู่อันหยาง ไม่ใช่เพื่อนกันหรือ ? ”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน และปกติก็ไม่เห็นว่าพวกเขามีพฤติกรรมอะไรเป็นพิเศษนี่ ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เขียนในดปสเตอร์นั้นไม่น่าเชื่อถือ”
“หลี่เฟยฮวา ก็เป็นกรรมการฝ่ายการศึกษาของพวกเราไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเธอไปห้องสมุดบ่อย ๆ ไม่ก็ไปกินผัดหมี่ซั่วที่โรงอาหารกับเพื่อนร่วมหอ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น ฉันว่าโปสเตอรืนั่นต้องเป็นข่าวลือแน่ ๆ ”
…
ทุกคนเห็นพฤติกรรมประจำวันของหลี่เฟยฮวาและแน่นอนพวกเขาไม่ได้ตาบอด จึงมองออกว่าเธอเป็นคนแบบไหน
แต่ข่าวลือก็ยังคงแพร่กระจาย ยากที่จะแยกแยะความจริงจากความเท็จ แต่ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันถกเถียงและดูเหมือนจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้น
ในห้องทำงานของอจารย์ หลี่เฟยฮวาไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นในห้องเรียนกำลังพูดอะไรกัน
เธอยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานของเหวินเทียนและเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอย่างละเอียด
นักศึกษาหญิงคนนั้นตั้งแต่เข้ามาในห้องทำงานก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เหวินเทียนสีหน้าดูลำบากใจอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หลี่เฟยฮวา ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรก”
หลี่เฟยฮวาตอบอย่างจนปัญญา “อาจารย์เหวินคะ ฉันไม่สนใจเรื่องใบปลิวนี่หรอกค่ะ แถมฉันก็ไม่คิดว่าจะมีคนสมองไม่ทำงานมาหาถึงที่แบบนี้”
ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเธอ แต่หลี่เฟยฮวารู้ดีว่าเรื่องนี้คงสืบสวนได้ยากเพราะไม่มีหลักฐาน เธอก็ไม่ได้หวังว่าจะหาตัวคนร้ายเจอตั้งแต่แรก
หลี่เฟยฮวาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ผมยังเปียกชื้นอยู่ แต่ตอนนี้เธอยังยิ้มออกมาได้ “แค่อาจารย์เชื่อฉันก็พอแล้วค่ะ คนอื่นไม่สำคัญหรอก”
สีหน้าของเหวินเทียนดีขึ้นมาก เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ คนที่อยู่เบื้องหลังต้องการจะทำลายเธอเลยนะ!”
แม้ว่าตอนนี้สังคมจะเปิดกว้างกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่เข้าใจ
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็สามารถทำลายชีวิตคนได้ทั้งชีวิต
MANGA DISCUSSION