บทที่ 109 เจอเพื่อนร่วมห้อง
เมื่อได้รับคำชมถึงคะแนนสุดยอด หลี่เฟยฮวาก็หน้าแดงด้วยความเขิน เพราะไม่ว่าจะยุคไหน การทำคะแนนระดับนี้ก็ถือว่าเป็น ‘คนที่สุดยอด’ แน่นอน!
ในขณะเดียวกัน ลู่อันหยางดูผ่อนคลายและตอบคำถามอาจารย์ได้อย่างฉะฉาน เขาคว้าอันดับ 3 ของห้องไปครอง แถมคะแนนยังสูงจนอาจารย์ต้องเอ่ยปากชมไม่หยุด ทำเอาทั้งห้องอดชื่นชมหนุ่มคนนี้ไม่ได้
หลี่เฟยฮวาเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนาอาจจะยาวไปนิด เลยรีบรับกุญแจห้องพักแล้วขอตัวออกมา ทันใดนั้นก็มีกลุ่มนักศึกษาใหม่เดินเข้ามาในห้อง ลู่อันหยางเห็นเพื่อนร่วมห้องในกลุ่มนั้นพอดี จึงโบกมือลาหลี่เฟยฮวาแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนทันที
วันรายงานตัววันแรกของหอพักหญิงมีความคึกคักเป็นอย่างมาก และที่สำคัญคือยังห้ามผู้ชายไม่ให้เข้ามาภายในอาคาร ทำให้หวงหมิงลู่ ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับแบกกระเป๋าใบโตขึ้นห้องไปส่ง หลี่เฟยฮวา
ก็แหม… เขาอดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ว่าถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วยหลี่เฟยฮวาจะเอาชีวิตรอดในสนามรบที่เรียกว่า ‘การจัดห้อง’ ได้ยังไง
เรื่องนี้หวงหมิงลู่รู้กระจ่างแจ้งอยู่ในใจไม่ใช่ว่าหลี่เฟยฮวาขี้เกียจหรือไม่ยอมเรียนรู้อะไรหรอกนะ แต่มันเป็นพรสวรรค์ล้วน ๆ ทำความสะอาดทีไรเป็นต้องมีของตกหล่นอยู่ร่ำไป ปูเตียงก็ทำได้แค่พอให้คนนอนได้เท่านั้นแหละ
เพราะหลี่เฟยฮวานี่เป็นเด็กพื้นที่เลยขอใช้สิทธิ์ให้เขามาถึงวันสุดท้ายได้ พอเธอเปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ กำลังขะมักเขม้นกับการจัดห้องอยู่แล้ว
หลี่เฟยฮวาในชุดเดรสขาวสะอาดตา เดินเข้ามาในห้องท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านเงาไม้และส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เพื่อนร่วมห้องต่างมองมาที่ประตูอย่างไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่เบิกกว้างราวกับต้องมนต์
“เธอ…” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา
โชคเข้าข้างหลี่เฟยฮวาเสียจริง! เพราะเธอได้อยู่ห้องพักรวมแค่หกคนเท่านั้น ดีกว่าห้องสิบหรือสิบสองคนลิบลับ!
หลี่เฟยฮวาวางกระเป๋าลงบนพื้น ก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อนใหม่ด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ หลี่เฟยฮวา ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับทุกคนนะคะ”
ลู่ซือเจี้ยเห็นหลี่เฟยฮวาก็รีบกระโดดจากเตียงข้าง ๆ มาหาเธอพร้อมกับยิ้มกว้างแนะนำตัวว่า “สวัสดีค่ะสหายหลี่ ฉันชื่อลู่ซือเจี้ย ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”
เยว่ซูเม่ยที่อยู่ไม่ไกลก็ส่งเสียงใส ๆ มาสมทบ “ส่วนฉันชื่อเยว่ซูเม่ย”
หลี่เฟยฮวา ยิ้มตาหยีให้กับเพื่อนใหม่ทั้งสอง “สวัสดีค่ะทุกคน”
สายตาของหลี่เฟยฮวาเลื่อนไปหยุดที่เตียงฝั่งตรงข้าม เด็กสาวเจ้าของเตียงนั้นดูเงียบขรึม สวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าและมีรอยปะอยู่หลายจุด ผมเปียยาวสองข้างตกลงมาปิดใบหน้า เธอไม่ได้เอ่ยทักทายหลี่เฟยฮวาแต่อย่างใด
อี้ซูเม่ยเห็นอีกฝ่ายเงียบกริบก็เดาว่าตู้จื่อเถิงคงเป็นสาวน้อยขี้อาย เลยหันไปบอกเพื่อนซะเลย “สหายหลี่ เธอชื่อตู้จื่อเถิง”
หลี่เฟยฮวา ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รู้สึกเอ็นดูตู้จื่อเถิงขึ้นมาจับใจ เลยพยักหน้าให้ตู้ชื่อเถิงเป็นเชิงรับรู้ พร้อมกับแนะนำตัวอีกรอบ “เข้าใจแล้ว ชื่อน่ารักดีนะ ฉันชื่อหลี่เฟยฮวา ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ตู้จื่อเถิงเงยหน้ามองหลี่เฟยฮวาอย่างประหลาดใจ ราวกับเพิ่งเคยมีคนเรียกชื่อเธอโดยไม่หัวเราะเยาะเป็นครั้งแรกแถมยังชมว่าชื่อน่ารักอีกต่างหาก!
ถึงจะดูผิวเข้มไปหน่อยเพราะงานหนักตู้จื่อเถิงก็มีดวงตาที่เป็นประกาย สดใสซะจนไม่น่าเชื่อว่าจะแบกรับแรงกดดันจากชีวิตและครอบครัวเอาไว้มากมายขนาดนี้
เอาเข้าจริง นอกจากความฉลาดแล้ว การที่ตู้จื่อเถิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งด้ คงต้องอาศัยความมานะบากบั่นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
หลี่เฟยฮวายิ้มละไมให้ตู้จื่อเถิงอย่างเป็นมิตร
ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่หวงหมิงลู่จะผลักประตูเข้ามาในห้องหลี่เฟยฮวา เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมแนะนำหวงหมิงลู่ให้รู้จักเสียสนิท
“นี่หวงหมิงลู่ค่ะ สามีของฉันเอง เขาจะเข้ามาจัดขอ
ให้ฉัน”
หวงหมิงลู่ พยักหน้าเล็กน้อยให้ทุกคนเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะเดินตัวลีบไปทางเตียงที่ว่างอยู่อย่างเงียบเชียบเหมือนนินจาแฝงตัวในเงามืด ก่อนที่หวงหมิงลู่ หยิบผ้าสะอาดที่เตรียมไว้มาเช็ดเตียงให้ หลี่เฟยฮวา อย่างเบามือราวกับดูแลไข่ในหิน
หลี่เฟยฮวา เหลือบมองน้ำสกปรกในถังที่พระเอกเพิ่งยกมา แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้มี หวงหมิงลู่ เทวดาตัวน้อยมาโปรด ไม่งั้นเธอคงไม่รอดแน่ๆ งานนี้ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ส่งหวงหมิงลู่มาให้!
ว่าแล้วหวงหมิงลู่ผู้เชี่ยวชาญด้านงานบ้านก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย สมกับเป็นมืออาชีพ!
ก่อนจะกลับไปหวงหมิงลู่ก็ควักเงินเก็บส่วนตัวเดือนที่แล้วออกมาทั้งหมด ถึงจะดูน้อยนิด แค่สิบหยวนแต่นั่นก็คือทั้งหมดที่หวงหมิงลู่มี
หลี่เฟยฮวาเห็นแล้วก็อดเลิกคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้
หืม เกิดอะไรขึ้นนะ?
หวงหมิงลู่พูดอย่างจริงจังกับหลี่เฟยฮวาว่า “เปิดเทอมใหม่ค่าใช้จ่ายเยอะนะ ตั้งใจเรียนให้ดี รู้มั้ย อ้อ! แล้วก็อย่าลืมโทรหาฉันทุกวันด้วย ถ้าฉันไม่รับแสดงว่าออกไปทำภารกิจอยู่นะ”
หลี่เฟยฮวาพยักหน้ารับรู้คำสอนของหวงหมิงลู่ อย่างว่าง่าย เรื่องพวกนี้ตอนที่เธอไปที่สถาบันวิจัย หวงหมิงลู่ก็พร่ำสอนเธอซะจนจะท่องได้แล้ว แต่เธอก็ตอบกลับไปว่า ‘ได้’ ด้วยความอดทนและไม่มีความไม่เบื่อหน่ายเลยสักนิด
“อ้อจริงสิ! วันนี้บ่ายคุณมีฝึกไม่ใช่เหรอ รีบกลับไปได้แล้ว อย่ามัวโอ้เอ้เสียเวลาเลย”
หวงหมิงลู่ไม่ใช่คนพูดมากแต่วันนี้เขามีเวลาว่างแค่ช่วงเช้าเท่านั้น ก่อนกลับเลยอดไม่ได้ที่จะกำชับหลี่เฟยฮวาอีกเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือลา
หลี่เฟยฮวากำลังวุ่นวายกับกระเป๋าเดินทางใบโตหลังจากที่หวงหมิงลู่ กลับบ้านไปแล้ว และถึงแม้เธอจะกลับบ้านทุกสัปดาห์หรืออย่างมากก็สองสัปดาห์ แต่เสื้อผ้าที่เธอนำมาด้วยนั้นสามารถอัดแน่นตู้เสื้อผ้าได้ทั้งตู้เลยทีเดียว
ทันใดนั้นเองลู่ซือเจี้ยก็พุ่งพรวดเข้ามาใกล้พร้อมกับคำถามที่ทำให้หลี่เฟยฮวาแทบสำลักอากาศ “หลี่เฟยฮวา เธอแต่งงานแล้วหรอ?”
หลี่เฟยฮวาเห็นลู่ซือเจี้ยตื่นเต้นจนต้องขมวดคิ้วน้อยๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทกันแต่เธอก็พยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ลู่ซือเจี้ยรีบโบกมือแก้เก้อ กลัวเพื่อนใหม่จะเข้าใจผิด “เปล่า ๆ แค่ตกใจนิดหน่อย เห็นเธอหน้าเด็กมากเลยน่ะ”
หลี่เฟยฮวาอายุยี่สิบ ถือว่าเด็กจริง ๆ แต่อย่างที่รู้กันว่าเดี๋ยวนี้คนแต่งงานมีลูกกันตั้งแต่ช่วงอายุเท่านี้ก็มีให้เห็นเยอะแล้ว แต่ในมหาวิทยาลัยนี้สิ นักศึกษาหญิงถือว่าน้อยอยู่ดี แถมห้องพักของเธอก็มีคนอยู่แค่หกคนจากคณะต่าง ๆ กัน
ยิ่งได้รู้หลี่เฟยฮวาดันเรียนเอกฟิสิกส์ ลู่ซือเจี้ยถึงกับตกใจ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะเลือกเรียนวิชาที่ดูซับซ้อนขนาดนี้
หลี่เฟยฮวาแค่ยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ “ทางบ้านจัดการให้น่ะ”
พูดจบก็เริ่มควานหาขนมจากในกระเป๋าเดินทางใบโตอย่างสบายใจ หวงหมิงลู่รู้ดีว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ แถมบางทียังแอบเช็ค ถ้าขนมเริ่มใกล้หมดก็จะรีบไปซื้อมาเก็บไว้ให้ใหม่ ช่างเอาใจเก่งจริง ๆ
หลี่เฟยฮวาชอบกินช็อกโกแลตที่สุด จึงไม่แปลกที่หวงหมิงลู่จะเตรียมช็อกโกแลตไว้ให้เพียบตอนที่เธอเดินทางมาเรียนที่นี่ แต่ตอนนี้อากาศร้อนเกินไป ช็อกโกแลตที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเลยเริ่มละลายเยิ้มจนกลายเป็นก้อนเหนียว ๆ
หลี่เฟยฮาแจกช็อกโกแลตให้ทุกคนคนละนิดคนละหน่อย ทำเอาลู่ซือเจี้ย กับเยว่ซูเม่ยยิ้มแก้มปริ
เพราะทั้งคู่มาจากครอบครัวธรรมดา ขนมหวานหายากแบบนี้ ปกติต้องมีเส้นสายถึงจะได้ลิ้มลอง ทั้งปีได้กินไม่กี่ครั้ง แถมต้องแบ่งกันอีกต่างกับวันนี้ที่ได้มาแบบจัดเต็ม!
MANGA DISCUSSION