บทที่ 106 ผมต้องถามภรรยาก่อนครับ
เมื่อได้ฟังคนรักพูดออกมาแบบนั้น ใบหน้าของหวงหมิงเจ๋อก็ขาวซีดราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขายืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เมื่อตั้งสติได้หลินเซียวอี้ก็หายลับไปจากสายตาแล้ว
ทันใดนั้น หวงหมิงเจ๋อรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า ทุกอย่างมืดมนลงในพริบตา
ความสัมพันธ์ของพวกเขามันจบลงแล้วจริง ๆ
…
เช้าวันใหม่ หลี่เฟยฮวาเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางกลับบ้าน แต่เพราะลุงหยางกับป้าจู สุขภาพไม่แข็งแรง หวงหมิงลู่จึงไม่ยอมให้ทั้งสองมาส่ง
ก่อนไป หลี่เฟยฮวายังแอบยัดเงิน 200 หยวน ให้ป้าจู แต่โดนปฏิเสธกลับมา
“เอาไปเถอะค่ะป้า หนูตั้งใจให้จริง ๆ”
“ไม่เอา ๆ เก็บไว้เถอะ” ป้าจูรีบปฏิเสธ
แม้หลี่เฟยฮวาจะจากไปแล้ว แต่พอป้าจูกลับเข้าห้องก็เจอเงินซ่อนอยู่ใต้หมอน ทั้งเหรียญทั้งธนบัตร รวม ๆ แล้วมากกว่า 200 หยวนอีก!
ป้าจูน้ำตาคลอเบ้า มือเหี่ยวย่นเช็ดน้ำตาช้า ๆ “เด็กคนนี้รู้ว่าเราไม่รับเลยแอบเอามาซ่อนไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ หลี่เฟยฮวานี่เป็นเด็กดีจริง ๆ”
ลุงหยางเองก็ซาบซึ้งใจจนตาแดงก่ำ “ใช่ ๆ หมิงลู่นี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้ภรรยาดีแบบนี้”
ตัดภาพมาที่ภรรยาดีเด่นอย่างหลี่เฟยฮวาที่กำลังเผชิญหน้ากับอาการเมารถสุดอีกครั้ง
การเดินทางด้วยรถโดยสารที่แสนโคลงเคลง ทำเอาหลี่เฟยฮวารู้สึกมึนงงไปหมด แต่เพื่อให้ไปให้ถึงอำเภอต้าซิงทัน พวกเขาต้องรีบต่อรถไฟในทันที
โชคดีที่ขากลับไม่ต้องขนของฝาก หวงหมิงลู่เลยรับหน้าที่แบกภรรยาตลอดทาง
“เธออยากพักหน่อยนะ”
ในที่สุดทั้งคู่ก็ขึ้นรถไฟได้สำเร็จ หลี่เฟยฮวาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“หวงหมิงลู่ โชคดีที่มีเธออยู่ข้าง ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงกลับอำเภอต้าซิงไม่ได้แน่”
โชคดีที่หวงหมิงลู่จองตั๋วนอนได้ 2 ที่ ซึ่งหากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่ค่อยจะมีสภาพดีขึ้นสักเท่าไหร่ ส่วนหลี่เฟยฮวาก็ไม่ได้เรื่องมากอะไร เธอทำเพียงแค่ปูเสื้อผ้าเป็นที่รองแล้วก็กระโจนลงบนที่นอนและหลับไปในทันที
หวงหมิงลู่นั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ และเมื่อเกิดอาการเมื่อยล้าก็เอนกายงีบหลับตรงปลายเตียง
พวกเขากลับถึงอำเภอต้าซิงช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น แต่เพราะหลี่เฟยฮวาพักผ่อนไม่พอ เธอเลยขอตัวเข้านอนทันทีโดยไม่ได้ทานอะไร
ส่วนหวงหมิงลู่ก็กลับไปรายงานตัวที่กองทัพ แน่นอนว่าผู้บังคับการกรมทหาร รออยู่ก่อนแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาได้โทรมาขอให้ช่วยเรื่องบันทึกการโอนเงิน
“เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่” ซุนหลงเหยาเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
ในเมื่อเรื่องนี้ปิดบังไปก็ไร้ประโยชน์ หวงหมิงลู่จึงเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
ซุนหลงเหยาฟังจบก็ตาโต “นายมั่นใจแล้วเหรอ ว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ”
“ครับ ผมได้ยินกับหูตัวเอง” หวงหมิงลู่ยืนยันเสียงหนักแน่น
“แล้วแบบนี้จะเอายังไงต่อล่ะ ถึงยังไงตระกูลหวงก็เลี้ยงดูนายมาตั้งหลายปี”
จริง ๆ แล้วซุนหลงเหยาไม่ค่อยชอบหน้าเหอม่านชิงกับหวงมี่มี่สักเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันคนละเรื่องกัน อยู่ ๆ จะตัดขาดกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาคงโดนคนนินทาว่าอกตัญญูไปจนชั่วชีวิตแน่
หวงหมิงลู่ไม่แปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
“ผมจะฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับพวกเขาครับ”
ซุนหลงเหยาถึงกับอ้าปากค้าง ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
หวงหมิงลู่เข้าใจดีว่าการกระทำของตนมันน่าตกใจ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนแรกในประเทศที่คิดฟ้องร้องพ่อแม่บุญธรรม ในสายตาคนทั่วไปคงมองว่าเขาอกตัญญู
แต่เขาก็ไม่เคยลังเล ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนี้
เขาไม่แคร์สายตาคนอื่น แค่หลี่เฟยฮวาอยู่เคียงข้างเขาก็พอ คิดได้แบบนี้แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป
ซุนหลงเหยาตกใจกับการตัดสินใจของหวงหมิงลู่มาก แต่เขารู้จักลูกน้องคนนี้มานาน รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนอกตัญญู คงเป็นเพราะคตระกูลหวงทำอะไรไว้เยอะ คราวนี้คงไม่พ้นโดนเอาคืน
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ตบบ่าหวงหมิงลู่เบา ๆ “ฉันไม่ได้จะขัดอะไรนายนะ แค่อยากเตือนเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่ขอก่อนหน้านี้ ฉันอนุมัติแล้ว พรุ่งนี้นายส่งรายงานได้เลย ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราอยู่ข้างนายเสมอ”
หวงหมิงลู่เป็นคนเก่ง เป็นกำลังสำคัญที่กองทัพต้องการ เรื่องซื้อขายเด็กครั้งนี้ เขาถือเป็นเหยื่อ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ผิด
เขาบอกให้หวงหมิงลู่สบายใจ พรุ่งนี้เลิกฝึกแล้วไปกินเลี้ยงฉลองกัน
ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผมต้องถามภรรยาก่อนครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซุนหลงเหยาก็หัวเราะลั่น “โห นายเป็นขนาดนี้เลยเหรอ? เป็นถึงเสือผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าภรรยาไม่ให้ไปก็คือจะไม่ไปจริง ๆ หรือไง”
“ครับ” หวงหมิงลู่พยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล “ผมเชื่อฟังหลี่เฟยฮวาทุกอย่าง อีกอย่าง…เธอทำอาหารไม่เป็น”
ซุนหลงเหยาได้ยินแบบนั้นก็ทำเสียง “จุ๊ ๆ” แล้วเบือนหน้าหนี
หลี่เฟยฮวาไม่เคยขัดใจหวงหมิงลู่อยู่แล้ว พอรู้ว่าเขาจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนทหารก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังหยิบเงิน 30 หยวนให้อีกต่างหาก
เมื่อรับเงินมา ก็ทำให้เขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
รายงานของหวงหมิงลู่ถูกส่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วันต่อมาทางกองทัพและสถานีตำรวจก็ร่วมมือกันตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขากล่าวเป็นความจริง จึงเข้าข้างทหารในสังกัดทันที เรื่องการฟ้องร้องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
หวงหมิงเจ๋อกับหลินเซียวอี้ก็ทะเลาะกันจนต้องหย่าร้าง อีกทั้งเรื่องที่บ้านของตระกูลหวงวุ่นวายไปหมด แถมยังโดนกดดันจากกองทัพ
แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็จบลง
เรื่องนี้ถึงขั้นได้ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตอะไร
หลี่เฟยฮวารู้เรื่องก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ด้านหวงชิงหยูกับเหอม่านชิงโดนตัดสินจำคุกคนละ 10 ปี ส่วน หวงมี่มี่ที่โดนโทษยักยอกทรัพย์สิน แม้จะสำนึกผิด แต่ก็โดนตัดสินจำคุก 5 ปี
แม้ระหว่างนั้นอาจจะได้รับการลดหย่อนโทษ แต่เทียบกับความทุกข์ทรมานที่หวงหมิงลู่ ได้รับตอนเด็ก ๆ แล้ว มันช่างไม่สาสมเอาเสียเลย
จะทำยังไงได้ ในยุคนี้กฎหมายยังไม่สมบูรณ์ โลกก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ
แต่ยังไงซะ…คนเลวก็ต้องได้รับผลกรรมในที่สุด
น่าเสียดายก็แค่เรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของหวงหมิงลู่ยังคงเป็นปริศนา
ยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่พัฒนา แม้แต่เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ก็ล้าหลัง
เทคโนโลยี DNA ที่ใช้หลอกหวงมี่มี่ก่อนหน้านี้นั้นแน่นอนว่ายังไม่มี เพราะการตรวจ DNA อย่างเป็นทางการต้องรออีกเป็นสิบปี
ส่วนในยุคนี้ การที่เด็กหายไปก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยิ่งไม่รู้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับหวงหมิงลู่เลย โอกาสในการเจอพ่อแม่ที่แท้จริงก็ยิ่งริบหรี่
แต่จากบันทึกที่ได้รับมา ตอนที่พวกค้ามนุษย์ลักพาตัวหวงหมิงลู่ไปนั้น ที่คอของ เขามีจี้หยกห้อยอยู่ ซึ่งบนจี้นั้นสลักตัวอักษรว่า “ซู่เฉิงอู่”
แต่เพราะครอบครัวหวงยากจน หวงชิงหยูเลยเอาจี้หยกไปขายในราคาถูก ๆ ทำให้ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ของไว้ดูต่างหน้า
หลี่เฟยฮวานึกแล้วก็โมโห ไอ้พวกค้ามนุษย์กับไอ้คนที่ซื้อเด็กไปสมควรโดนประหารชีวิตให้หมด!
แม้หลี่เฟยฮวาจะหัวร้อน แต่หวงหมิงลู่กลับไม่คิดมาก
เมื่อสังเกตุเห็นภรรยาหงุดหงิดก็รีบพูดขึ้น “เรื่องผ่านไปแล้ว ปล่อยมันไปเถอะนะ อย่าคิดมากเลย”
หลี่เฟยฮวาได้แต่ทำใจ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงอีก
แต่แอบคิดในใจว่า พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอจะพยายามให้มากกว่านี้ มุ่งไปทางสายวิทยาศาสตร์ชีวภาพดีกว่า
อย่างน้อยเธอก็เป็นเด็กเรียนเก่ง เรียนรู้เรื่องชีววิทยาบ้างก็น่าจะรุ่งใช่ไหมล่ะ?
ผลักดันเทคโนโลยีการตรวจ DNA ให้เกิดขึ้นเร็ว ๆ ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
พอพูดถึงเรื่องมหาวิทยาลัย หลี่เฟยฮวาก็นึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ได้ตรวจผลสอบเลยนี่นา
ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 20 วันแล้ว กว่าจดหมายตอบรับจะมาถึงก็คงอีกครึ่งเดือน แต่ผลสอบก็น่าจะออกในเร็ว ๆ นี้
หวงหมิงลู่เองก็จำได้ แต่ไม่อยากกดดันเธอเลยทำเป็นไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วหลังเลิกฝึกทุกวัน เขาจะแอบมานั่งถือกระดาษกับปากกาแล้วใจจดใจจ่ออยู่ในห้องทำงานตลอด
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง….เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หวงหมิงลู่ที่รอรับสายอยู่ก่อนแล้ว จึงรีบรับสายในทันที
MANGA DISCUSSION