บทที่ 88 คิดเอาเปรียบ
คงเพราะเป็นวันใกล้เข้าเรียน รถไฟจึงอัดแน่นไปด้วยผู้คน
โชคดีที่จ้าวชิงซงได้ตั๋วมา จึงทำหน้าที่คุ้มกันพวกลี่หรงระหว่างที่กำลังเบียดเสียดกันเพื่อขึ้นรถไฟได้ในที่สุด ก่อนจะเดินหาที่นั่งในขบวน
แทบจะเป็นครั้งแรกที่ลี่หรงนั่งรถไฟตู้นอน ทั้งยังเป็นที่นอนเบาะแข็งอีกด้วย
ตั๋วรถไฟตู้นอนเบาะนุ่มในเวลานี้มีข้อจำกัดมาก จะซื้อได้ก็ต้องมีจดหมายแนะนำตัวจากอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยหรือบุคคลระดับสูงประมาณหนึ่ง
ตั๋วที่นอนเบาะแข็งที่จ้าวชิงซงซื้อ เป็นเตียงล่างตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
เตียงล่างค่อนข้างสะดวกในการขยับตัวมากกว่า
ผู้โดยสารมีจำนวนเยอะมาก ทว่าการจัดการกลับไม่ได้ดีเด่นอะไร ทำให้ภายในขบวนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม
หลังจากกินข้าวที่ร้านอาหารรัฐเสร็จ เจ้าตัวน้อยก็ให้ลี่หรงอุ้มตลอดเวลา สัมภาระที่เหลือก็ให้จ้าวชิงซงรับผิดชอบทั้งหมด
เมื่อมีผู้โดยสารมาก สัมภาระก็มีมากเช่นกัน การจะเดินไปทางไหนก็ต้องคอยระมัดระวังให้ดี
ก้าวเดินพร้อมกับไหล่ที่แทบจะเบียดเสียดกันกับคนอื่น
ลี่หรงดีใจที่ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ หากวันนี้อากาศร้อนอบอ้าว คงจะต้องมีกลิ่นเหงื่อผสมปนเปกันอยู่ในตู้รถไฟไม่น้อยแน่
ในที่สุดก็เดินหาที่นั่งจนเจอ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ลี่หรงวางอันอันลงบนเบาะ แล้วก้มถอดรองเท้าให้เขา ก่อนตัวเองจะนั่งลง
เตียงบนฝั่งเธอมีคนนอนอยู่ ลี่หรงเหลือบมองผู้โดยสาร ปรากฏเป็นเด็กสาว ไม่สามารถบอกอายุได้ อาจจะเป็นยุวชนที่ไปเรียนมหาวิทยาลัย
ครอบครัวใหญ่ฝั่งตรงข้าม ผู้ใหญ่สองคนพร้อมด้วยเด็กสามคน
เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ
นั่งกันเต็มเตียงล่าง
ซึ่งที่นั่งตรงนั้นเป็นของจ้าวชิงซง
เขาตามหลังลี่หรงออกมา แล้วพูดกับสามีของครอบครัวนั้น “สหาย ขอโทษด้วยครับ พอดีที่นั่งตรงนี้เป็นของผม รบกวนพวกคุณลุกขึ้นให้ผมด้วยนะครับ”
จ้าวชิงซงตัวสูง ทั้งยังแบกกระเป๋าใบใหญ่ ในมือถือของมากมาย
คงเป็นเพราะเห็นเขาคนเดียว ยังเป็นผู้ชายอีกด้วย ภรรยาของครอบครัวนั้นจึงเข้ามาสมทบ แล้วชี้เตียงบนพร้อมพูดว่า ทั้งเตียงบนและเตียงกลางเป็นของพวกเขาทั้งหมด เตียงกลางฝั่งลี่หรงก็ด้วย
แล้วถามจ้าวชิงซงต่ออย่างกระตือรือร้นว่า ขอเปลี่ยนที่นั่งได้ไหม พวกเขาดูแลลูกไม่สะดวก
จ้าวชิงซงปฏิเสธโดยทันที
ภรรยาเห็นจ้าวชิงซงตกลงด้วยยาก จึงเรียกให้ลูก ๆ ลุกขึ้นพลางบ่นพึมพำ “ดูเป็นชายร่างสูงกำยำดีออกแท้ ๆ ทำไมใจแคบแบบนี้ ให้พวกฉันปีนขึ้นปีนลงดูแลลูกอย่างนี้ไม่สะดวกหรอก”
“ถ้าเตียงบนไม่สะดวก คราวหน้าคุณก็ซื้อเตียงล่างสิครับ อย่าคิดแต่จะเอาเปรียบผู้โดยสารคนอื่น ด้วยการขอแลกที่ทีหลังเลยนะคะ” ลี่หรงอดเปิดปากพูดไม่ได้
โชคดีที่จ้าวชิงซงปฏิเสธ หากเขายอม ลี่หรงก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
ราคาเตียงในขบวนล้วนไม่เท่ากัน เตียงกลางแพงกว่าเตียงบน เตียงล่างแพงกว่าเตียงกลาง
ฝ่ายหญิงคิดจะเอาเปรียบกันชัด ๆ
เธอได้ยินคำพูดของลี่หรง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที แล้วกลอกตาใส่อีกฝ่าย “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องเลยนะ ฉันไม่ได้ขอเปลี่ยนที่นั่งกับเธอเสียหน่อย”
ไม่รอให้ลี่หรงเอ่ยปาก จ้าวชิงซงก็พูดแทรกก่อนแล้ว
เขาพูดเสียงเย็นเยียบ “ผมก็ต้องดูแลลูกเหมือนกันครับ คงแลกที่นั่งให้คุณไม่ได้หรอก”
เขาวางสัมภาระทั้งหมดลงบนเตียงล่าง แล้วเอื้อมมือไปหาเจ้าตัวน้อย “อันอัน มาหาพ่อนี่มา”
“ครับ”
อันอันขยับร่างเล็กไปที่ขอบเตียง แล้วไถลลงมา ขาเล็กก้าวไปเพียงก้าวเดียว ก็ถูกจ้าวชิงซงอุ้มไปแล้ว
จ้าวชิงซงเข้าหอมหน้าเจ้าเนื้อของอันอันอย่างแรง แล้วพูด “ทำเหมือนบ้านอื่นไม่มีลูกต้องดูแลอย่างนั้นแหละ”
ลี่หรงนั่งลงบนเตียง ปรายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาได้ใจ คล้ายกับกำลังพูดว่า ‘นึกไม่ถึงล่ะสิ?’
ตอนนี้คนสายตาเฉียบแหลมก็มองออกทั้งนั้นว่า พวกจ้าวชิงซงกับลี่หรงเป็นครอบครัวสมาชิกสามคน
หญิงสาวตรงหน้าพลันมีสีหน้าอับอาย จ้องสามีตัวเองเขม็ง แล้วปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างเก้อเขิน
ผู้โดยสารบางคนในตู้รถไฟยังหาที่นั่งไม่เจอ บางคนก็ถือสัมภาระไม่ทันได้นั่งที่ให้เรียบร้อย
ทว่ารถไฟก็เริ่มเดินเครื่องพร้อมเสียงหวีดเสียแล้ว
ตู้รถไฟสีเขียวขบวนยาวเริ่มเคลื่อนตัว
หลังจากคนที่เดินอยู่ในตู้รถไฟน้อยลงแล้ว จ้าวชิงซงก็หยิบแก้วไปตักน้ำกลับมา
เขาถามลี่หรงว่าจะดื่มหรือไม่
ลี่หรงบอกว่าอยากดื่มน้ำที่มีรสชาติ
จ้าวชิงซงไม่มีทางเลือก ภรรยาของเขาล้วนเพียบพร้อมดีทุกอย่าง ทว่าเพียงเลือกกินและไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าเท่านั้นเอง
โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว จึงหยิบนมมอลต์กับแก้วเคลือบลายออกมาจากถุง แล้วชงให้ลี่หรง
เจ้าตัวน้อยดื่มแค่น้ำเปล่า เขาไม่เลือกกินแม้แต่น้อย จ้าวชิงซงเป่าน้ำอุ่นให้เย็นขึ้นหน่อย แล้วพูดกับเขาเสียงเบา “แม่ของลูกจู้จี้จุกจิกที่สุด เฮ้อ… ดูอันอันของเราสิ ดื่มแค่น้ำเปล่าก็ได้”
อันอันถูกชมก็ยิ่งมีความสุข ก่อนประคองแก้วดื่มน้ำอึก ๆ หมดไปครึ่งแก้วใหญ่ แล้วยังยื่นแก้วให้จ้าวชิงซงราวกับจะขอคำชมจากพ่ออีก
ลี่หรงไม่พอใจที่ถูกสามี ‘กล่าวหา’ เช่นนั้น “จู้จี้จุกจิกแล้วอย่างไรคะ คุณก็ตามใจไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ชอบก็เอาฉันไปคืนที่บ้านก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ก็ค่อยไปบอกแม่ยายของคุณเองก็แล้วกัน”
จ้าวชิงซงยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ “ไม่คืนครับ ๆ ผมกำลังอบรมอันอันตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้เขาตามใจคุณเหมือนผมในวันข้างหน้าต่างหาก”
“ฮึ” ลี่หรงยื่นแก้วน้ำให้เขา “คุณเอาไปล้างเถอะค่ะ”
จ้าวชิงซงรับแก้ว ก่อนกำลังจะเดินไปก็ถูกเจ้าตัวน้อยเกาะขาไว้ จ้าวชิงซงก้มหน้ามองเขา “เป็นอะไรครับลูก”
“อันอันก็อยากดื่มน้ำหวาน”
“อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ!” ลี่หรงหัวเราะจนตัวงอ “ดูท่าลูกชายคุณก็ไม่ได้ดื่มแค่น้ำเปล่าแล้วนะคะ”
จ้าวชิงซงปวดหัว แล้วมองเจ้าตัวน้อยที่เงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าเล็กที่คล้ายกับแม่ของเขาแทบทุกส่วน พร้อมกับพูดเสียงเบา “อันอันอยากดื่มน้ำหวาน”
เขาแอบคิดว่า เจ้าตัวน้อยยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนลี่หรงเข้าไปทุกที
งั้นจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
ทำได้แค่ชงน้ำหวานให้อันอันเท่านั้น
จ้าวชิงซงชงนมมอลต์ครึ่งแก้วเล็กให้เจ้าตัวน้อย
เจ้าตัวน้อยดื่มเสร็จก็เลียริมฝีปาก เพื่อลิ้มรสที่ติดปลายลิ้นดังแจ๊บ ๆ อยู่ตลอด
จ้าวชิงซงกับลี่หรงหัวเราะเขา
ก่อนขึ้นรถครอบครัวของลี่หรงกินข้าวและดื่มน้ำแล้ว ตอนนี้ลี่หรงจึงไม่หิวและไม่กระหายน้ำเลย กลับค่อนข้างง่วงเสียด้วยซ้ำ
จ้าวชิงซงเห็นเธอหาว ก็นึกได้ว่าวันนี้พวกเขาตื่นกันตั้งแต่เช้า จึงให้เธอหลับสักพัก
ลี่หรงพยักหน้า แล้วถามอันอัน “ลูกรัก จะมานอนกับแม่ไหมคะ?”
เจ้าตัวน้อยส่ายหน้า
ลี่หรงจึงปล่อยเขาไป แล้วถอดรองเท้าเอนตัวลง
เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟ พลังของเด็กน้อยที่เยอะเป็นทุนเดิมยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันอันที่ขึ้นรถไฟครั้งแรกและเจอกับสิ่งแปลกใหม่รอบตัว ทำให้เขายิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก
เด็กน้อยพิงหน้าต่างและมองไปข้างนอก เห็นอะไรก็ชี้ให้จ้าวชิงซงดู
เจ้าตัวน้อยรู้ว่าแม่หลับ ดังนั้นจะทำเสียงดังไม่ได้
จ้าวชิงซงก็หรี่เสียงพูดกับเขา เมื่อเผชิญกับ ‘ทำไม’ เป็นหมื่นครั้งของอันอัน เขาก็จะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ด้วยความอดทน
พวกเด็กเตียงบนไม่ได้ปีนขึ้นเตียงไปนอน กลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ฝั่งที่ไม่มีเตียงตั้งอยู่ เมื่อครู่พวกเขานั่งส่งเสียงเอะอะอยู่ตรงนั้นตลอด จนเมื่อเห็นอันอันดื่มนมมอลต์ แล้วได้กลิ่นหอมหวานนั้น ก็มองด้วยความอิจฉาอยู่นาน
ได้กลิ่นหอมน้ำตาลก็พลันกลืนน้ำลาย
เงียบได้ไม่เท่าไร ก็กลับมาส่งเสียงเอะอะอีกครั้ง
พ่อแม่ของพวกเขาก็ไม่ได้สนใจเด็กเหล่านั้น
จ้าวชิงซงกลัวว่าพวกเขาจะรบกวนการพักผ่อนของลี่หรง จึงบอกให้พวกเขาเบาเสียงลงหน่อย เดาว่าเด็กพวกนั้นคงเกเรจนเคยตัว จึงทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของจ้าวชิงซง
ก่อนกลับมาส่งเสียงเอะอะเช่นเดิม
จ้าวชิงซงเล่านิทานให้อันอันฟังอย่างเนิบนาบ “เด็กบางคนส่งเสียงดังมากบนรถไฟ จึงดึงดูดคนชั่วที่จับเด็กเข้ามา จากนั้นพวกเขา… ก็ถูกคนชั่วจับตัวไป”
อันอันกอดแขนของจ้าวชิงซงแน่น “อันอันไม่เสียงดัง คนชั่วจะไม่มาใช่ไหมครับ?”
เขาปิดปาก คล้ายกับจะยืนยัน
เด็กพวกนั้นได้ยินก็ตกใจกลัว ไม่แม้แต่จะส่งเสียงเอะอะอีกแล้ว แล้วเรียกหาคนบนเตียง “พ่อแม่… พวกเราก็อยากขึ้นไปนอนด้วยได้ไหม?”
MANGA DISCUSSION