บทที่ 84 หลี่เซียงขายหน้าเพราะข่าวดี
“อย่ามัวแต่ยืนอยู่อย่างนั้นเลยค่ะ เชิญนั่งกินข้าวกันเถอะค่ะ” ลี่หรงจัดชามตะเกียบพลางพูด
พวกผู้ชายนั่งโต๊ะเดียวกัน พวกผู้หญิงอย่างลี่หรงกับเด็กน้อยนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง
เมื่อเข้าประจำที่ ลี่หรงก็ถามภรรยาของซ่งเสี่ยวซาน “ไม่มีอะไรที่กินไม่ได้ใช่ไหมคะ?”
ภรรยาของซ่งเสี่ยวซานปรายตามองอาหารบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้น “ไม่มีค่ะ ฉันกินได้หมดเลย แต่ด้วยอากาศที่ค่อนข้างหนาวนี้ ฉันอาจจะกินฟักเขียว*[1] ได้น้อยหน่อยนะคะ”
“อื้ม! เชิญกินได้ตามสบายเลยนะคะ” ลี่หรงพูด
หลังกินมื้ออาหารอย่างสนุกสนาน ต่างก็แยกย้ายกลับบ้าน
บ้านใกล้เรือนเคียงเมื่อได้ยินเสียงจากบ้านตระกูลจ้าว ก็พอจะเดาว่าคงมีเรื่องน่ายินดีบางอย่างเกิดขึ้น ทว่าบ้านของเพื่อนบ้านก็ไม่มีใครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต่างก็เป็นสมาชิกที่ทำงานกันทั้งนั้น
จะสนใจเรื่องผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปทำไมกัน
ชั่วขณะแรกก็ไม่ได้คิดมากอะไร
ทว่า เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อที่ลอยมาจากในบ้านตระกูลจ้าว ก็พากันน้ำลายสอ
ทั้งต่างรู้สึกหงุดหงิดใจ ‘ทำไมบ้านตระกูลจ้าวถึงกินเนื้ออีกแล้วล่ะ!’
อีกทั้งเนื้อในครั้งนี้ต้องเยอะมากแน่ ๆ ถึงได้กลิ่นที่คุ้นเคยมาก่อน
ถึงจะรู้สึกคล้ายกลิ่นหอมเนื้อ ทว่าก็รู้สึกเหมือนไม่เคยกินมาก่อน…
เจ้าตัวน้อยเริ่มกินข้าวเองได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ลี่หรงฉีกเนื้อเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในชาม พร้อมด้วยผักอีกเล็กน้อย แล้วใส่เนื้อกระต่ายที่เลาะกระดูกลงไปเพิ่มด้วยอีกหน่อย
อันอันใช้ช้อนเล็ก นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยบนเก้าอี้สูงที่มีราวกั้น
ลี่หรงพูดคุยกับพวกแม่เจ้า แล้วปรายตามองอันอันเป็นครั้งคราว ก็พบว่าเขากินเนื้อกระต่ายอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน
เหมือนกับที่เหอซิ่งพูดจริงด้วย ถ้าหากไม่รับรู้ก็อาจจะกินได้อร่อยกว่าใคร ๆ
เมื่อกินอิ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันต่อมา หน่วยยุวชนก็กระจายข่าวที่มียุวชนเพียงสามคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
ปีแรกที่ฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหนึ่งพันเก้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ด ไม่ได้แบ่งรอบแรกหรือรอบสอง เพียงคิดตามเกณฑ์ เมื่อคะแนนถึงเกณฑ์ก็สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้
สาขาวิทยาศาสตร์สองร้อยหกสิบคะแนน สาขาศิลปะศาสตร์สองร้อยเก้าสิบคะแนน เมื่อผ่านเกณฑ์ก็ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
มีสามคนในหน่วยยุวชนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ได้แก่ หูเสวียป๋อ หยางเต๋อเป่า และเฉินหลิงหลิงยุวชนหญิงอีกคนหนึ่ง
ลี่หรงไม่แปลกใจที่หยางเต๋อเป่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ อย่างไรเสียสภาพครอบครัวก็มีส่วน อีกอย่างเขากับลี่หรงก็อ่านหนังสือเร็วกว่าคนอื่นขนาดนั้น เรียกได้ว่าทบทวนแทบจะพร้อมกัน
หยางเต๋อเป่าไม่ได้ออกมาดูผลสอบ เขารู้ผลสอบเมื่อสองวันก่อนที่ครอบครัวโทรมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องออกไป
ไม่รู้ด้วยว่าลี่หรงสอบได้กี่คะแนน เพื่อเลี่ยงความสงสัยในใจ เขาก็ไม่ได้ออกตัวไปถามยุวชนคนอื่นเช่นกัน
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีสามีแล้วอย่างลี่หรงต่อหน้าเหล่ายุวชนคนอื่นได้
ด้วยเหตุนี้ เขาถึงเพิ่งได้ออกไปดูผลสอบกับหลัวปิงในวันนี้ ทว่าน่าเสียดายที่รายชื่อตรงหน้าไม่กี่ชื่อถูกเบลอออกหมดแล้ว จึงมองไม่เห็นว่าเป็นใคร
ทั้งสองจึงเข้าใจไปเองว่าลี่หรงสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
เมื่อกลับหมู่บ้าน หลัวปิงเห็นหลี่เซียง ก็จงใจเปิดเผยกับเธอว่าลี่หรงสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
ใช่ แค่ไม่เห็นผลสอบของลี่หรง เธอก็เข้าใจไปเองว่าลี่หรงสอบไม่ผ่าน
ครั้งก่อนเธอก็ให้หลี่เซียงรู้ว่าลี่หรงสมัครสาขาวิทยาศาสตร์ ‘โดยไม่ได้ตั้งใจ’
ขณะที่เข้างานตอนบ่าย ยุวชนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหล่านั้นกำลังตกเป็นประเด็นของเหล่าสมาชิก
รวมถึงพ่อจ้าวกับจ้าวชิงซงที่เงียบขรึมมาโดยตลอด กลับทำงานกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ด้วยหน้าตาเบิกบาน มีแรงทำงานมากเป็นพิเศษ
แม่จ้าวเองก็พูดคุยกับพวกผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความกระตือรือร้นเช่นกัน ผู้หญิงก็แบบนี้ การพูดคุยทำให้งานเกษตรที่จืดชืดลำบากน้อยลง
เธอนึกถึงลี่หรงที่สอบได้อันดับสอง ในใจก็ชื่นมื่น คิดว่าอีกเดี๋ยวถ้าเธอถูกถามค่อยพูดอวดสักหน่อย
ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะมีนักศึกษามหาวิทยาลัยทุกบ้าน
เธอมองหน่วยยุวชน มีเพียงสามคนที่สอบผ่าน
หลังจากลี่หรงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ เธอก็แทบจะไม่มีเรื่องอะไรให้ทำเลย
เธอเพิ่งจะรู้ผลสอบเมื่อวานนี้เอง ทำให้รู้สึกมีแรงไปทั้งตัว อย่างไรตอนนี้ก็ว่างอยู่ด้วย จึงตั้งใจทำขนมโก๋ถั่วเขียวนำไปให้พวกแม่จ้าวกินในที่ทำงานคงดีไม่น้อย
ท้ายที่สุด ลี่หรงก็ทำไปเยอะมาก มีแม้กระทั่งส่วนของสมาชิกในที่ทำงานด้วย
ลี่หรงไปถึงก็เห็นแม่จ้าวทะเลาะกับผู้หญิงที่เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แม่จ้าวหน้าแดง คล้ายกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก ด้วยท่าทางที่ไม่มีทางแย้งอีกฝ่ายได้เลย
มีคนห้ามอยู่รอบ ๆ แม่จ้าวถกแขนเสื้อขึ้นแล้วด้วย!
ลี่หรงเดินเข้าไป “แม่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
เหล่าสมาชิกที่คอยห้ามแม่จ้าวกับผู้หญิงคนนั้น เมื่อเห็นลี่หรงก็ทำสีหน้าต่างกันออกไป
ลี่หรงไม่คิดจะใส่ใจสายตาของพวกเธอ แล้วเดินตรงเข้าไปหาแม่จ้าว “แม่คะ เธอทำอะไรแม่หรือเปล่าคะ?”
แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าเมื่อได้ฟัง ก็รู้ได้ว่าหญิงสาวต้องการหนุนหลังแม่จ้าวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ไม่มีอะไรหรอก” แม่จ้าวเช็ดหน้าพร้อมพูด “นังบ้าหลี่เซียงหน้าไม่อาย บอกว่าเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ผ่าน ต้องเน่าตายอยู่ที่หมู่บ้านของเรา แล้วยังบอกอีกว่าเจ้ารองบ้านเรา…”
แม่จ้าวไม่ได้พูดประโยคสุดท้าย ทว่าลี่หรงก็เดาได้ว่าประโยคหลังที่หลี่เซียงพูดไม่ใช่คำที่ดีอะไร
หลี่เซียง… ลี่หรงราวกับนึกขึ้นได้โดยพลัน แม่สามีของหวงต้าหลานที่ขโมยไส้กรอกของเธอในปีนั้นไม่ใช่เหรอ?
ลี่หรงแสยะยิ้ม น้ำเสียงนุ่มนวล “ใครบอกว่าฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ผ่านล่ะคะ?”
ลี่หรงไม่ใช่คนประเภทที่เก็บเงียบไม่สู้คน หากเป็นเรื่องที่ยืนยันแล้ว เธอก็ไม่สนใจคำพูดของคนอื่นอีก
หลี่เซียงยังจำเบื้องหลังครอบครัวที่ลี่หรงแนะนำตัวก่อนหน้านี้ได้ สถานที่ที่เคยไปไกลสุดในชีวิตเธอก็ไม่เกินตัวอำเภอ นับประสาอะไรกับตระกูลของลี่หรง
ไม่ว่าจะเรื่องดีเรื่องร้าย หลี่เซียงก็กลัวการไปพบสันติบาลเป็นที่สุด
ทว่าความมั่นใจของลี่หรงที่เอาแต่บอกจะไปแจ้งสันติบาลในตอนนั้น เป็นสิ่งที่คนแบบหลี่เซียงไม่มี
ขณะนี้ที่ลี่หรงกวาดตามอง เธอก็สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว แล้วผลักความรับผิดชอบออกไป “ตอนกลางวันฉันเจอยุวชนหลัว เธอบอกแบบนี้มาเอง ด้วยเพิ่งกลับจากดูผลสอบที่ตัวอำเภอ ฉันไม่ได้พูดส่งเดชนะ”
ทำไมถึงมีหลัวปิงอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเช่นนี้เกือบจะทุกทีเลยนะ
ลี่หรงปิดปากเงียบ เธอเหลือบมองหลี่เซียง “คุณก็อายุเยอะแล้ว หูคงไม่ดี หลัวปิงบอกว่าเธอสอบไม่ผ่านต่างหาก ไม่ใช่ฉัน คุณป้าคะ หูมีปัญหาก็รีบรักษาเถอะค่ะ”
แม่จ้าวตบมือ หัวเราะชอบใจ “ได้ยินหรือยังหลี่เซียง มีปัญหาก็รีบรักษาเสียนะ”
สมาชิกด้านข้างที่ได้ยินก็กลั้นขำ อยากหัวเราะก็ไม่กล้า
กลัวว่าจะไปมีเรื่องกับหลี่เซียงเข้า
หญิงสาวคนนี้สุดยอดไปเลย
หากมีเรื่องกับหลี่เซียง ต่อไปผู้หญิงคนนี้ก็จ้องแต่จะนินทาครอบครัวคุณโดยเฉพาะ หากบ้านของคุณมีเรื่องไม่ดีแค่นิดเดียว เธอก็จะนำออกมาพูดกระทบกระทั่งเป็นคนแรก
ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอยู่ตลอด
ลี่หรงก็เป็นตัวอย่างของความกล้ายืนหยัดในตัวเองที่ดีมาก
หลี่เซียงจ้องเขม็ง ริ้วรอยที่ตาก็บีบย่นกว่าเดิม เธอกรีดร้องด้วยความโกรธ “เธอบอกว่าใครมีปัญหา?”
ลี่หรง “ฉันไม่ได้บอกว่าคุณมีปัญหา แค่คิดว่าคุณหูไม่ดี เลยแนะนำให้ไปหาหมอเฉย ๆ เท่านั้นค่ะ”
“เธอ!” หลี่เซียงชี้หน้าลี่หรงพูดไม่ออกอยู่นาน
ลี่หรงไม่อยากมองเธออีก ไม่มีอะไรจะพูดกับคนที่ถูกหลอกใช้แบบนี้หรอก
ทว่าหลี่เซียงยังคงไม่ย่อท้อ “หากเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ทำไมหัวหน้ากลุ่มยุวชนถึงบอกว่ามียุวชนเพียงสามคนในหน่วยยุวชนที่สอบผ่านล่ะ?”
ลี่หรงหันหน้ามองเธอ แค่รู้สึกสงสารเธอเล็กน้อย “หัวหน้าหูบอกว่าหน่วยยุวชน แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่หน่วยยุวชนแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ไม่ได้นับฉันเข้าไปด้วยนี่คะ”
ผู้หญิงใบหน้ากลมข้างกายที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เธอพูดเสียงเบา “ใช่ค่ะ ยุวชนลี่สอบได้อันดับสอง พวกเราไปดูผลสอบตอนนั้นก็เห็นแล้ว คะแนนสูงเสียด้วย น้อยกว่าอันดับหนึ่งแค่สี่คะแนนเองเท่านั้นเองค่ะ”
[1] ฟักเขียว มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ทานแล้วจะทำให้ร่างกายเย็นลง เหมาะที่จะรับประทานในช่วงอากาศร้อน
MANGA DISCUSSION