บทที่ 77 ลงทะเบียนสอบเข้ามหาวิทยาลัย
แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้หน้าตาสะสวยเท่าลี่หรง แต่เธอก็ขยันทำงาน ไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยล้าของงานในฟาร์ม
เธอเป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานอย่างขยันขันแข็งทั้งวันทั้งคืน
เธอไม่รู้ว่าจ้าวชิงซงกำลังทำอะไรอยู่ เพราะเธอเองคงจะตื่นตระหนกเรื่อง ‘ทำธุรกิจ’
แม้ว่าหญิงสาวในชนบทที่ทำงานกับครอบครัว จะอ่านหนังสือไม่ออก แต่ก็สามารถก้มหน้าก้มตาทำงานหาเลี้ยงชีพได้
เมื่อเวลาผ่านไป พวกเธอก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่ทำงานขยันขันแข็งเหมือนกัน
มีเพียงลี่หรงเท่านั้นที่แตกต่าง
เธอเป็นคนฉลาด คิดในสิ่งที่คนอื่นคาดไม่ถึง ทั้งยังมีน้ำใจ ต่างจากคนอื่น ๆ ในหลายเรื่อง
หากไม่ได้พบกับจ้าวชิงซง ลี่หรงอาจแต่งงานกับชายที่มีความรู้และร่ำรวยมากกว่าเขา
สำหรับจ้าวชิงซง ลี่หรงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาคบหาด้วยในชีวิตนี้
จ้าวชิงซงคิดว่าลี่หรงอ่านหนังสือหนักมาก และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นอกจากเขาจะยินดีกับเธอแล้ว จ้าวชิงซงก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยด้วย
แม้ว่าเขาจะบอกว่าเมื่อลี่หรงกลับไปเรียนในเมือง เขาจะหาทางพัฒนาหน้าที่การงานที่นั่นก็ตาม
แต่เมื่อถึงเวลานั้น จ้าวชิงซงจะแน่ใจได้หรือ ว่าเขาจะสามารถหางานในเมืองได้ จนสามารถช่วยเหลือภรรยา และไม่ทำให้เธอต้องอับอาย?
จ้าวชิงซงนึกกลัวและอดรู้สึกถึงกังวลในใจไม่ได้
เขากลับไปที่เตียงเตา นอนกอดลี่หรงไว้ในอ้อมแขนแน่น
ลี่หรงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาอารมณ์ไม่ดี แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เพียงแค่ไปดับถ่าน จะเครียดขนาดนี้ได้อย่างไร?
ในความมืด ลี่หรงขมวดคิ้ว แล้วจับมือของจ้าวชิงซงที่กำลังกอดเอวเธอ “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
จ้าวชิงซงตอบด้วยน้ำเสียงทื่อ “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถึงตอนนั้นผมจะตั้งใจทำงานหนัก แล้วตามคุณเข้าไปในเมืองนะครับ”
หลังจากเงียบไปนาน ลี่หรงก็มองออกว่าจ้าวชิงซงกำลังกังวลอะไรอยู่
เธอยิ้มก่อนพลิกตัวไปกอดเอวของจ้าวชิงซง แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ ไม่งั้นถึงตอนนั้นฉันก็จะช่วยคุณด้วยค่ะ!”
ความกังวลและความลังเลในใจหายไปทันที จ้าวชิงซงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ”
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ลี่หรงจึงหยุดอ่านหนังสือสองสามวัน
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กสามารถเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว ในตอนที่ลี่หรงกำลังอ่านหนังสืออยู่ อันอันก็เป็นเด็กดีมาก ไม่ค่อยมารบกวนเท่าไรแล้ว
ตอนนี้ที่ลี่หรงไม่อ่านหนังสือ อันอันจึงกะพริบตาโต แล้วพูดว่า “แม่… เขียน อ่าน”
ลี่หรงบีบแก้มอ้วนนิ่มของเขา แล้วพูดว่า “วันนี้ไม่อ่านจ้ะ”
“เอ๊ะ!” เด็กน้อยอ้าปากเป็นรูปตัวโอ เผยให้เห็นฟันน้ำนมซี่เล็ก แล้วพูดว่า “ถ้างั้น… แม่เล่นด้วยกัน”
“เล่นได้สักพักนะ” ลี่หรงพาเขาไปเดินเล่นรอบลานบ้าน พลางกำจัดวัชพืชในแปลงผัก
เด็กน้อยเล่นอย่างเพลิดเพลิน จนกางเกงและรองเท้าของเขาเปื้อนดินโคลน
ลี่หรงไม่สนใจ รอจนกว่างานจะเสร็จ ค่อยพาเด็กน้อยไปเปลี่ยนรองเท้าและเสื้อผ้าสะอาด
ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ครอบครัวของลี่หรงกลับไปบ้านของผู้อาวุโสตระกูลจ้าว เพื่อรับประทานอาหารเย็น
เมื่อก่อนการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็เพียงแค่รับประทานอาหารด้วยกันเท่านั้น
ปีนี้ลี่หรงมีความตั้งใจอยากทำขนมไหว้พระจันทร์กินเอง
ในยุคนี้ไม่มีเตาอบ แต่ลี่หรงสามารถทำเตาอบขนมของเธอเองได้
จุดถ่านด้านล่างเตาไฟ แล้วใช้หม้อดินที่มีก้นแบนกว้างวางไว้ด้านบน
เธอทำไข่แดงเค็มเองด้วยไข่กับเกลือ และทำถั่วบดเองด้วย สุดท้ายก็ทำไส้ถั่วไข่แดงกับไส้เนื้อ
ผิวขนมไหว้พระจันทร์อบนั้น แตกต่างจากขนมไหว้พระจันทร์ทั่วไปในยุคใหม่มาก พวกมันมีสีขาวและค่อนข้างแข็งเล็กน้อย
แต่โดยรวมแล้วถือว่ารสชาติดี
อย่างน้อยทุกคนที่ได้กินก็ออกปากชม
ปลายเดือนตุลาคม ในที่สุดก็มีการประกาศนโยบาย ให้กลับมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง
ระบบการรับเข้าเรียนถูกปฏิรูปใหม่ และมหามหาวิทยาลัยก็กลับมาเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนอีกครั้ง
รัฐส่งเสริมให้ยุวชนสอบเข้ามหาวิทยาลัย และตระหนักถึงคุณค่าชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย
ข่าวการกลับมาเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัย แพร่ไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว
คนหนุ่มสาวที่ไปยังต่างจังหวัด เมื่อได้ยินแบบนี้ก็แทบน้ำตาไหล ในที่สุดพวกเขาก็กลับบ้านได้แล้ว!
พวกเขาหลั่งน้ำตา รู้สึกมีแรงบันดาลใจ!
พวกเขาต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และกลับเข้าเมือง เพราะตอนนี้ได้ตระหนักถึงคุณค่าในตนเองแล้ว
แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือน
ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ทำให้พวกเขาถึงกับเหงื่อตก!
แต่ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ทิ้งโอกาสนี้ไปเด็ดขาด
ยุวชนทุกคนรีบไปหาซื้อหนังสือ ซื้อทุกเล่มที่เห็นว่ามีประโยชน์
แม้แต่ยุวชนที่แต่งงานและมีลูกแล้วก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ในที่ทำงานเมื่อรู้ว่ายุวชนต้องสอบ จึงมอบหมายงานให้ไม่มาก เพื่อจะได้มีเวลาทบทวนอย่างเต็มที่
มีบางคนพูดเรื่องไร้สาระ อย่างเรื่องที่บอกว่าคนที่ไปอยู่ชนบทแล้วแต่งงาน ก็จะหนีครอบครัวไปหรือเปล่า?
พวกเขามักชอบคาดเดาว่าในชนบทไม่ค่อยมีความบันเทิงมากนัก และการพูดถึงข้อบกพร่องของครอบครัวคนอื่น เสียจนกลายเป็นงานอดิเรกไปแล้ว
แม่จ้าวได้ฟังแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็มีลูกสะใภ้ที่เป็นยุวชนอยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าลี่หรงก็กำลังอ่านหนังสืออยู่ ดูจะจริงจังมากด้วย
แสดงว่าต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยด้วยใช่ไหม?
ช่วงนี้แม่จ้าวรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้
เธอคิดอย่างมีเหตุผลว่าลี่หรงเป็นคนดี หลังจากสอบผ่านคงจะไม่กลับไปอยู่ในเมือง โดยทอดทิ้งสามีกับลูกไป
แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าลี่หรงกลับไปอยู่ในเมือง แล้วได้พบคนที่มีความรู้กว่านี้สักหน่อย คนฉลาดมักจะชอบคนที่มีความรู้ ลูกชายของเธอก็จะถูกดูหมิ่นว่าเป็นคนไร้การศึกษา!
เมื่อนึกได้ดังนั้น แม่จ้าวก็ตัวสั่นไปทั้งตัว
แบบนี้ไม่ได้การแล้ว
ในวันนี้จ้าวชิงซงออกจากบ้านไปตามปกติ
แม่จ้าวตัดสินใจตามเขาออกไป เมื่ออยู่ห่างจากประตูบ้านสกุลจ้าวแล้ว แม่จ้าวก็ดึงจ้าวชิงซงไว้
เธอกระซิบถามเขาว่า “ภรรยาของลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยหรือเปล่า?”
จ้าวชิงซงพยักหน้า ตอบว่าใช่
แม่จ้าวยิ่งขมวดคิ้วแน่น “แม่… แม่กังวลว่าเธอจะไม่กลับมาอีก หลังจากกลับเข้าเมืองไปแล้ว ลูกไม่กลัวเหรอ?”
จ้าวชิงซงหัวเราะ “มีอะไรต้องกลัวล่ะครับ ไม่หนีหรอกครับ ลูกชายของแม่จะตามเธอเข้าไปในเมืองด้วย เธอหนีไปไหนไม่ได้หรอกครับ”
แม่จ้าวถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าจ้าวชิงซงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ก็ถอนหายใจ เอาเถอะ… ลูกหลานมีบุญกรรมเป็นของตัวเอง เธอจึงไม่ต้องกังวลมากนัก
หากลี่หรงอยากจะจากไปจริง ๆ ต่อให้ไม่มีใครอื่น เธอก็คงจะจากไปอยู่ดี
ยังมีเวลาเหลือก่อนสอบอีกหนึ่งเดือน ทุกคนทุ่มเวลาไปกับการอ่านหนังสือ บางคนไม่ยอมกินน้ำด้วยซ้ำ ด้วยคิดว่าการเข้าห้องน้ำนั้นทำให้เสียเวลา
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ลี่หรงดูผ่อนคลายกว่ามาก
เธออ่านหนังสือก่อนคนอื่นแต่เนิ่น ๆ ตอนนี้เธอเพียงแค่ต้องทบทวนความรู้เดิมทุก ๆ สองสามวัน พร้อมกับฝึกทำโจทย์ตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละวัน
ลี่หรงคิดว่าเธอคงไม่เหมือนนางเอกในนิยายทะลุมิติย้อนเวลา ที่จู่ ๆ ก็ทำคะแนนสอบได้สูงสุด
สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือสอบให้ผ่าน เพราะการเป็นนักศึกษาในยุคนี้นั้นดีมาก หากได้เป็นนักศึกษา ก็จะมีอนาคตที่สดใสอยู่ข้างหน้าแน่นอน
เมื่อถึงเวลาลงทะเบียนก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย จ้าวชิงซงไปส่งลี่หรงถึงที่ โดยทิ้งลูกน้อยไว้ที่บ้าน
ลี่หรงบอกว่าถ้าเธอไปที่นั่นด้วยตัวเองจะเร็วกว่า
แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็คงจะดีถ้ามีชายหนุ่มไปด้วย
ลี่หรงอ่านฟิสิกส์เยอะมาก เพราะเธอตั้งใจจะสมัครเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เมื่อมาถึงสถานที่ลงทะเบียน เธอก็พาจ้าวชิงซงเดินไปตามคำแนะนำ แล้วไปยังสำนักทะเบียนคณะวิทยาศาสตร์
เจ้าหน้าที่ที่รับลงทะเบียน คิดว่าจ้าวชิงซงเป็นคนที่มารายงานตัว
ปรากฏว่าเป็นลี่หรง หลังจากอ่านหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเธอ ไม่ใช่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายคนนั้นก็ถามจ้าวชิงซงอีกครั้ง ว่าเขาต้องการรายงานตัวหรือไม่
MANGA DISCUSSION