บทที่ 74 กินเลี้ยงงานฉลองครบเดือน นินทาบ้านอื่น
วันรุ่งขึ้น จ้าวชิงซงเรียกพี่ชายให้ไปช่วยขุดหลุมในครัว ในเมื่อซ่อนคนไม่ได้ ทำได้เพียงซ่อนไข่เท่านั้น
เมื่อลี่หรงเห็น เธอก็รู้สึกประทับใจทันที ผู้ชายคนนี้มักจะทำมากกว่าพูดเสมอ
เช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายที่เขาเข้าไปซื้ออาหารหมูในตัวเมือง เขาก็ได้ไปผ่าตัดทำหมันแล้วด้วย
ถ้าจะถามว่าลี่หรงว่ารู้ได้อย่างไร แน่นอนว่าหลังจากเสร็จกิจ ชายหนุ่มก็พูดอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีถุงยางแล้วรู้สึกดีจัง…”
ในช่วงกลางฤดูร้อน ทั้งครอบครัวจ้าวไปงานเลี้ยงกัน
งานฉลองครบเดือน
จ้าวชิงหลิ่วให้กำเนิดเด็กชายชื่อเถี่ยตั้นเอ๋อร์
ทั้งครอบครัวสวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย พากันมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านตระกูลหลี่
หลังจากที่หลี่ต้าไห่สร้างบ้านใหม่ แล้วย้ายเข้าไปอยู่ ชีวิตก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้มีลูกชายตัวน้อยเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ถ้าบอกว่าไม่ภูมิใจก็เป็นไปไม่ได้ นอกจากครอบครัวจ้าวแล้ว งานฉลองครบเดือนยังเชิญคนในหมู่บ้านหลายคนมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
มีโต๊ะตั้งหลายสิบโต๊ะ บรรยากาศรื่นเริง
ทันทีที่จ้าวชิงหลิ่วคลอดลูก หลี่ต้าไห่ไปที่บ้านสกุลจ้าว เพื่อรายงานแม่จ้าวว่าลูกสาวกับหลานปลอดภัยแล้ว
ในเวลานั้น แม่จ้าวได้เลือกแม่ไก่แก่ตัวหนึ่งในบ้าน แล้วอุ้มไปให้ครอบครัวลูกสาว เมื่อลี่หรงรู้เรื่องนี้ ก็มอบนมผงกระป๋องใหม่ที่ยังไม่ได้เปิด ฝากไปให้เธอด้วย
เหอซิ่งย่อมไม่ตระหนี่ เธอฝากไข่ต้มน้ำตาล และนมมอลต์หนึ่งกระป๋องให้แม่จ้าวนำไปเช่นกัน
ในช่วงที่อยู่เดือน จ้าวชิงหลิ่วไม่สามารถออกมาเจอญาติมิตรได้ หลี่ต้าไห่จึงเป็นคนรับทุกอย่างไปแทน
จ้าวชิงหลิ่วขอให้หลี่ต้าไห่ขอบคุณทุกคนแทนเธอ
วันนี้ครบกำหนดอยู่เดือนแล้ว แม่จ้าวสามารถพาสมาชิกครอบครัว อย่างลี่หรงและเหอซิ่งเข้าไปในบ้าน เพื่อเยี่ยมจ้าวชิงหลิ่วและเถี่ยตั้นเอ๋อร์ได้แล้ว
ลี่หรงมองเถี่ยตั้นเอ๋อร์สักพัก แล้วพูดด้วยความเอ็นดูว่า “กรรมพันธุ์ของตระกูลจ้าวนั้นแข็งแกร่งมาก ตาของเถี่ยตั้นเอ๋อร์เหมือนตาของพี่ใหญ่เลย อืม… คล้ายจ้าวชิงซงด้วยค่ะ”
เหอซิ่งคลี่ยิ้มกว้าง “หลานชายหน้าคล้ายลุงสินะ”
แม่จ้าวห่วงใยลูกสาวมาก รีบตรวจดูอาการของจ้าวชิงหลิ่วอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของลูกสาวมีเลือดฝาด และเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย เธอคิดว่าในช่วงที่อยู่เดือน ลูกเขยคงจะดูแลลูกสาวของเธออย่างดี
ความจริงแล้วในตอนนั้น หลี่ต้าไห่ไม่สามารถหาไก่ได้เยอะมากนัก เขาจึงไปหาซื้อที่ร้านสหกรณ์ ทว่ากลับมีตั๋วไม่เพียงพอ จ้าวชิงซงจึงเป็นคนหาวิธีช่วยให้เขาได้ไก่มา
จ้าวชิงซงช่วยโดยไม่ต้องใช้ตั๋ว แต่ต้องใช้เงิน
เงินจำนวนนั้นไม่ได้ทำให้จ้าวชิงซงลำบาก เขาไม่คิดจะขอเงินคืนแต่อย่างใด ด้วยเพราะเป็นการซื้อให้พี่สาวของเขากิน
แต่หลี่ต้าไห่คิดว่าถ้าจ้าวชิงซงไม่ยอมรับเงิน เขาก็จะไม่รับไว้
สุดท้ายจ้าวชิงซงก็จำต้องยอมรับ
เรื่องระหว่างผู้ชาย ลี่หรงและคนอื่น ๆ ไม่รู้เลย
ด้วยกังวลว่าอันอันจะรบกวนเถี่ยตั้นเอ๋อร์ เมื่อลี่หรงมาถึงบ้านสกุลหลี่ เธอจึงฝากอันอันไว้กับพวกต้าหนิว เพื่อให้ไปเล่นกับเหอฮวาและเด็กคนอื่น ๆ
ในห้องมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คน และทารกน้อยอายุหนึ่งเดือนหนึ่งคน
ทันใดนั้น แม่จ้าวก็ถามว่า “พวกคนตระกูลหลี่ที่น่าหงุดหงิดพวกนั้น ได้รับเชิญให้มากินข้าวเย็นในงานด้วยหรือเปล่าล่ะ?”
จ้าวชิงหลิ่วรู้ว่า แม่กำลังถามถึงพ่อและแม่เลี้ยงตัวแสบของหลี่ต้าไห่ จึงส่ายหน้าตอบ “ไม่ได้เชิญหรอก กลัวว่าจะมาสร้างความรำคาญน่ะสิ”
จ้าวชิงหลิ่วพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ แสดงว่าเกิดเรื่องบางอย่าง
ตอนนี้จ้าวชิงหลิ่วไม่ได้ตั้งใจจะปกปิด เธอเล่าว่า “ตอนที่ฉันใกล้คลอด แม่เลี้ยงมาหาหลายครั้ง บอกว่าอยากให้ลูกชายของเธอใช้บ้านหลังใหม่ของเรา เป็นเรือนหอตอนแต่งสะใภ้เข้าบ้าน”
“เธอไปเอาหน้ามาจากไหน?” แม่จ้าวโกรธมาก “หาดีไม่ได้เลย เอาแต่ทำเรื่องทำร้ายจิตใจคน”
“ใช่ไหมล่ะคะ?” จ้าวชิงหลิ่วยิ้มเยาะ “ถ้าปล่อยให้เธอมาอาศัยอยู่จริง ๆ คงยากที่จะไล่เธอออกไปได้”
เป็นครั้งแรกที่ลี่หรงเห็นสีหน้าเย้ยหยันของคนอย่างจ้าวชิงหลิ่ว แน่นอนว่าไม่ว่าคนคนหนึ่งจะซื่อแค่ไหน ก็จะเปลี่ยนไปหากถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์กดดันบางอย่าง
จ้าวชิงหลิ่วเล่าต่อ “ฉันปฏิเสธไปหลายครั้งแล้ว จนเกือบจะผลักแม่เลี้ยงล้มลง ตอนนั้นในบ้านก็เกือบจะลุกเป็นไฟ เลยต้องเรียกเลขาประจำหมู่บ้านให้มาช่วยคุมเธอหน่อย”
ลี่หรงถามว่า “แยกครอบครัวกันไปแล้ว เธอจะยังมาที่นี่ได้อย่างไรกันคะ?”
“เฮ้อ… เหมือนกระดูกหักแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมอยู่ พ่อของเขายังไม่ตาย จะตัดขาดกันอย่างหมดจดได้อย่างไร?”
คนอย่างแม่เลี้ยงของหลี่ต้าไห่ คงไม่มีบ้านไหนอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งเข้าบ้านเธอหรอก
บอกว่าต้องใช้เงิน ทั้งที่ตัวเธอเองไม่ค่อยมีเงิน
ลี่หรงสงสัยเล็กน้อย “แม่สามีเป็นแบบนี้ ใครจะยอมให้ลูกสาวแต่งเข้าครอบครัวเธอคะ?”
“ได้ยินมาว่าเจ้าสาวคนนี้ ไม่ใช่คนที่จับคู่กันตั้งแต่แรก เธอไม่ได้อยากแต่งงานเลย แค่คุยนิดเดียวก็รู้แล้วว่านิสัยของว่าที่แม่สามีเป็นอย่างไร ใครจะยินดีแต่งงานเข้าบ้านคนแบบนี้ล่ะคะ” จ้าวชิงหลิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง “เห็นว่าหลังจากไปหาที่บ้านแล้ว คนอื่นในครอบครัวก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีลูกสาวหลายคน ก็เลยไม่สนใจ พวกเขาแค่ต้องการเงิน ไม่ว่าจะร้อยหรือสองร้อยก็ยังนับว่าดี”
“แม่เลี้ยงคนนั้นมีเงินเยอะถึงขนาดเต็มใจจ่ายเหรอ?”
จ้าวชิงหลิ่วยิ้มเยาะอีกครั้ง “ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่แม่เลี้ยงคงไม่ยอมจ่ายแน่นอน ได้ยินมาว่าเธอไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นแต่เช้า คนเดินผ่านไปผ่านมาตั้งเยอะแยะ แต่เธอก็ยังไปด่าครอบครัวของฝ่ายหญิง ว่าบ้านนั้นขายลูกสาวกิน คิดว่าตลกไหมล่ะคะ?”
มันค่อนข้างน่าขบขัน
ในเมื่อไม่ชอบของขวัญหมั้นหมายของคนอื่น ไม่อยากให้มีงานแต่งแล้ว ทำไมถึงยังไปเต้นแร้งเต้นกาต่อหน้าคนอื่นอีก?
ลี่หรงอยากรู้ว่า “แล้วตอนนี้จะไม่มีงานแต่งแล้วเหรอ แล้วผู้หญิงคนนั้นมาจากครอบครัวไหนกัน?”
จ้าวชิงหลิ่วตอบว่า “อยู่หมู่บ้านถัดไปนี่เอง ฉันไม่รู้ชื่อของผู้หญิงคนนั้น แต่ได้ยินมาว่าเธอคนนั้นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เธอถูกอาคนรองของเธอปั่นหัว ทำให้ทะเลาะกับแม่เลี้ยงได้ตลอดทั้งวัน”
“แบบนี้ก็ยังจะให้เข้าบ้านได้อยู่เหรอ?” แม่จ้าวไม่เข้าใจ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” จ้าวชิงหลิ่วเล่าให้แม่จ้าวฟังว่า “อาคนรองของเขาหน้าตาดี ผู้หญิงหลายคนก็เลยตกหลุมรัก แต่ครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นด้วย ไม่รู้ว่ามันเป็นกลอุบายสกปรกที่แม่เลี้ยงสอนหรือเปล่านะ พวกเขาอยู่กันสองต่อสอง แถมยังไปลอบจูบกันในป่าด้วย ถ้าไม่มีใครไปเห็นเข้า บางทีอาจจะเกิดเรื่องไปแล้วก็ได้”
จ้าวชิงหลิ่วกล่าวว่า “แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในเมื่อมีคนเห็นแล้ว ชื่อเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ถูกทำลายไป ครอบครัวดี ๆ จึงไม่มีทางอยากแต่งเธอเข้าบ้าน แม่เลี้ยงก็เลยรีบเร่งให้เธอแต่งกับลูกชาย และสินสอดที่ให้เจ้าสาวก็กลายเป็นราคาถูก สุดท้ายก็แต่งงานกันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”
ลี่หรงฟังแล้วหดหู่เล็กน้อย ทันทีที่เข้าประตูมาก็เกิดเรื่องแล้ว จากนี้ไปน้องชายของหลี่ต้าไห่จะมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะต้องเป็นคนกลางคั่นระหว่างแม่กับภรรยา…
ตอนที่ลี่หรงอยู่เดือนครบกำหนด เดิมทีจ้าวชิงซงวางแผนไว้ว่าจะจัดงานฉลองครบเดือน
ทว่าต่อมาอันอันเกิดล้มป่วยระหว่างอยู่เดือน เธอกลัวคนอื่น ๆ จะตกใจ จึงไม่ได้จัดงาน เพียงแค่กินข้าวร่วมกันในครอบครัวเท่านั้น
แม่จ้าวและคนอื่น ๆ คุยกับจ้าวชิงหลิ่วในห้องเป็นเวลานาน เมื่องานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม หลี่ต้าไห่ก็ยกข้าวเข้ามาให้จ้าวชิงหลิ่วกิน แล้วขอให้แม่จ้าวและคนอื่น ๆ ออกไปกินข้าวกันข้างนอก
อันอันถูกพวกต้าหนิวพาไปเล่นด้วย ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ ไปเล่นอะไรกัน แต่เมื่อลี่หรงเห็นเขา เด็กน้อยก็เหงื่อออกมากแล้ว
ลี่หรงส่งเสียงเรียกอันอัน
เด็กน้อยยังคงเดินได้ไม่มั่นคงนัก ต้าหนิวจึงต้องช่วยจับไว้ เมื่อเขาเห็นลี่หรง ดวงตากลมโตเหมือนองุ่นของอันอันก็เป็นประกาย จึงรีบปล่อยมือจากต้าหนิว แล้วเดินไปหาลี่หรงอย่างรวดเร็ว
เขาอายุยังไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม สามารถยืนได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ยังไม่สามารถเดินได้อย่างมั่นคงนักหากไม่มีคนคอยจับ
เมื่อเขาวิ่งไปหาแม่ ลี่หรงเห็นว่าอีกก้าวเดียวเขาคงจะล้มลงแล้ว แต่เนื่องจากเด็กน้อยยังคงก้าวมาข้างหน้า เธอจึงรีบเดินเข้าไปหมายจะอุ้มเขาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะเดินได้แล้ว
เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งยอง ๆ แล้วยื่นมือให้อันอัน “ลูกรัก มานี่เร็ว”
MANGA DISCUSSION