บทที่ 7 พระเอกผู้กินหมั่นโถวห้าลูกในคราวเดียว และนางเอกที่หวาดกลัวความมืด
ชายหนุ่มไม่พูดสิ่งใด ทว่านัยน์ตาสีเข้มของเขากลับจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา
“ล้อเล่นน่า ฉันจะหนีไปไหนได้ล่ะ?”
จ้าวชิงซงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เสี่ยวซานยังเด็กและไม่ฉลาดนัก คำพูดของเขาก็เหมือนผายลมนั่นแหละ อย่าไปใส่ใจเขาเลย”
ลี่หรงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ผิดกับคนอื่นที่คงไม่พอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น ทว่าเธอกลับเพียงกลอกตาพร้อมกระแอมในลำคอ ก่อนจงใจพูดว่า “ฉันไม่สนใจ แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง ฉันเป็นแค่ผู้หญิงขี้เกียจที่ไม่สามารถทำงานหนัก ได้แต่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ”
แม้แต่จ้าวชิงซงที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงมาก่อน เมื่อได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าคือตรงไหน หลังจากครุ่นคิด เขาก็กระซิบว่า “คุณไม่ใช่คนขี้เกียจ”
ใช่ เธอจะเป็นคนขี้เกียจได้อย่างไร ในเมื่อเธอสามารถทำอาหารให้เขาได้ ส่วนจะไปทำงานหรือไม่นั้น จ้าวชิงซงไม่สนใจเรื่องนี้จริง ๆ เพราะถ้าลี่หรงสามารถอยู่แบบนี้ได้ เขาก็เต็มใจที่จะเลี้ยงดูเธอ
“เข้าใจแล้ว ๆ เอาเป็นว่าฉันจะเอาผ้าออกไปซัก ส่วนคุณก็รีบเอากรวดไปเก็บให้เรียบร้อย ตอนนี้เตรียมอาหารเสร็จแล้ว มากินข้าวด้วยกันก่อน แล้วค่อยไปทำงานของคุณต่อให้เสร็จ”
มื้อนี้ลี่หรงทำกะหล่ำปลีดองผัด เนื้อรมควัน และหมั่นโถแป้งขาวไว้สิบลูก
หลังจากเตรียมอาหารมื้อใหญ่เสร็จ จ้าวชิงซงก็หยิบจานชามออกมา พร้อมตั้งท่าจะไปล้างไม้ล้างมือ ทว่าลี่หรงที่เหลือบมองไปยังแผ่นหลังของเขากลับถามขึ้นมาเสียก่อน “น้องชายของคุณอยู่ที่ไหน”
“กลับไปแล้ว”
“ทำไมไม่เรียกเขาให้มากินข้าวด้วยกันล่ะ”
จ้าวชิงซงคิดถึงท่าทางที่เอาแต่ใจของเสี่ยวซาน และกลัวว่าภรรยาจะไม่มีความสุข เขาจึงพูดว่า “เขาบอกว่าต้องกลับไปกินกับที่บ้าน เลยต้องกลับถึงบ้านก่อนมืด”
“เอาล่ะ คราวหน้าถ้ามีคนช่วยคุณทำงาน อย่าปล่อยให้พวกเขาต้องหิวไม่ว่าจะยังไงก็ตาม” ลี่หรงว่าพลางหยิบน้ำเชื่อมออกมา ซึ่งนี่เป็นน้ำเชื่อมที่เหอซิ่งเอามาให้ตอนที่เธอกำลังนวดแป้ง
โดยตอนนั้นเหอซิ่งได้หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า หล่อนวางมันลงบนเตา ก่อนกระซิบกับลี่หรงว่า “นี่สะใภ้รอง ฉันเก็บมันมาให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ”
“หือ?”
ลี่หรงตกตะลึง เมื่อเห็นมันเทศอวบอ้วนและกลมโตทั้งสองลูก เธอสงสัยว่าพี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ไปหยิบเอามันเทศสภาพดีแบบนี้มาจากไหน?
ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความก็รู้ได้ว่าเหอซิ่งคงขุดหาลงเข้าไปในดินและนำมันกลับมาอย่างลับ ๆ เป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตในทุ่งนาถือเป็นของทุกคน และมีเพียงคนที่ทั้งโลภและกล้าเท่านั้นที่จะแอบนำผลผลิตกลับมากินที่บ้าน
ปกติเหอซิ่งเป็นคนซื่อสัตย์และไม่ใช่คนแบบนั้น นี่อาจจะเป็นการทำเพื่อลี่หรงโดยเฉพาะ
แน่นอนว่า ลี่หรงไม่อยากได้ เมื่อกำลังจะคืนมันให้กับอีกฝ่าย สาวเจ้าก็เดินออกไปก่อนแล้ว
…
ขณะนี้จ้าวชิงซงกำลังกินหมั่นโถวห้าลูกติดต่อกัน ซึ่งหมั่นโถวเหล่านั้นลูกใหญ่กว่ากำปั้นของคนทั่วไปเล็กน้อย ทำให้ลี่หรงที่กินจนอิ่มและดื่มน้ำเชื่อมเข้าไปหนึ่งชาม ต้องตกตะลึงกับความอยากอาหารของชายตรงหน้า ก่อนถามว่า “คุณอิ่มไหม?”
“อิ่มแล้ว”
“ไม่ต้องกังวล ยังมีอีกมากในหม้อ”
“ผมอิ่มแล้ว” ก่อนหน้านี้จ้าวชิงซงรู้สึกหิวมาก แต่ตอนนี้เขาอิ่มแล้ว และตระหนักบางอย่างได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนรีบอธิบายว่า “พอดีวันนี้ผมไม่ได้กินข้าวกลางวัน”
ลี่หรงขมวดคิ้ว “คุณไม่ควรทำแบบนี้อีกในอนาคต เราจะทำงานโดยไม่กินข้าวได้อย่างไร?”
วันรุ่งขึ้น ลี่หรงตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสาม เพราะเธอกังวลอะไรบางอย่าง ต้องไม่ลืมว่า ‘นางเอก’ ในนิยายที่เธอเคยอ่านแนวนี้ส่วนใหญ่ต่างทำเงินใน ‘ตลาดเสรี’ หญิงสาวจึงวางแผนที่จะไปที่นั่น แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก รอบข้างกลับยิ่งน่ากลัว มันทั้งมืด ไร้ซึ่งผู้คน และอ้างว้าง จะมีก็เพียงเสียงนก เสียงกบ และเสียงจักจั่นที่ดังอยู่ตลอดเวลา
สำหรับคนที่ไม่เคยเดินในตอนกลางคืนมาก่อน นั่นถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอน ก่อนจะรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมา เธอตัดสินใจรีบหันหลังและวิ่งกลับบ้าน เมื่อวิ่งมาหยุดพักหายใจหน้าประตูบ้าน กำลังจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ลี่หรงก็ต้องกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ
จ้าวชิงซงรีบคว้าเอวของหญิงสาวแล้วปิดปากเธอไว้ “อย่าร้อง นี่ฉันเอง”
“อืม~” ลี่หรงตบมือของเขาเบา ๆ
“คุณกำลังทำอะไร!” ลี่หรงตบหน้าอกตัวเอง
“ฉันกลัวแทบตาย! ทำไมคุณถึงตื่นเช้าขนาดนี้?”
“ผมก็อยากถามคุณเหมือนกันว่าจะออกไปไหนกลางดึกแบบนี้?”
แน่นอนว่าลี่หรงไม่สามารถบอกความคิดของตัวเองได้ ถ้าผู้ชายคนนี้รู้ว่าเธออยากทำ ‘ธุรกิจ’ เขาจะต้องบ่นเธอแน่นอน
“ฉันไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้งั้นหรอ”
ดวงตาของจ้าวชิงซงกลายเป็นเฉียบคมในพลัน “คุณไปเข้าห้องน้ำ แต่แต่งตัวดีขนาดนี้เลยเหรอ? และตัวคุณก็เปียกไปด้วยน้ำค้างแบบนี้อีก โกหกได้แย่จริง ๆ ไม่รู้หรือไงว่าส่วมกลางของหมู่บ้านเหม็นขนาดไหน แต่นี่กลับไม่มีกลิ่นเลย”
“ฉันต้องการไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ” ลี่หรงไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย เพราะชายตรงหน้าเคยเป็นทหารมาก่อน ดังนั้นเขาต้องมีทักษะสืบสวนที่ไม่ธรรมดา …ว่าแล้วหญิงสาวก็ยกแขนขึ้นยื่นให้จ้างชิงซงดม เธอจ้องหน้าชายตรงหน้าแล้วพูด “ฉันมีกลิ่นติดน่ะ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองดมดูสิ”
กลิ่นหอมจาง ๆ ของหญิงสาวผสมกับกลิ่นน้ำค้างของหญ้าลอยเข้ามาในจมูกของจ้าวชิงซง
เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปนอนกันต่อเถอะ”
ลี่หรงถอนหายใจอย่างพึงพอใจ เพราะเอาชนะอีกฝ่ายด้วยกลอุบายได้ในที่สุด เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเอนตัวลงบนเตียงเตา แน่นอนว่าหล่อนหลับลึกทันทีที่หัวถึงหมอน จนแม้แต่ยามที่จ้าวชิงซงเรียกเธอ หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกตัว
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่อีกฝ่ายพูดมาเบา ๆ
“ในหมู่บ้านต้าเจียง มีคนหลากหลายแซ่อยู่รวมกัน เหตุก็เพราะบรรพบุรุษของเราต่างมาจากทั่วพื้นที่ และเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรกิน บรรพบุรุษของพวกเราจึงต้องขุดรากไม้มาแทะ บางคนก็โชคร้ายเสียจนไม่มีแม้แต่รากไม้ให้แทะด้วยซ้ำ ทำให้มีคนอดตายกันมากมาย โดยคนที่เหลือก็จะนำศพเหล่านั้นไปฝังตามข้างทางแบบง่าย ๆ ทำให้พอตกกลางคืน ‘บรรพบุรุษ’ ที่หิวตายเหล่านั้นจะตื่นขึ้นเพราะความโหยหิว บ้างก็มาหาลูกหลาน บ้างก็ขึ้นมาขุดรากไม้หาของกิน ครั้งหนึ่ง… เคยมีชายเกียจคร้านคนหนึ่งตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อขโมยข้าวโพด จู่ ๆ ชายคนนั้นก็ตะโกนว่าผีหลอก…”
ยิ่งลี่หรงฟังมากเท่าไร เธอก็ยิ่งตื่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่เสียงนั้นจะพูดจบ หญิงสาวพลันดีดตัวขึ้นมาก่อนกรีดร้องและเอามือปิดหู “จ้าวชิงซง! คุณกำลังพูดเรื่องอะไรไร้สาระน่ากลัว ๆ ตอนกลางดึกแบบนี้ห๊ะ!”
ให้ตายเถอะ! ลี่หรงอดไม่ได้ที่จะตระโกนออกมา เจ้าตัวชั่วร้ายจ้าวชิงซงเล่าเรื่องผี หวังหลอกให้เธอกลัวจริง ๆ!
ก่อนหน้าเธอก็รู้สึกกลัวมากพออยู่แล้วตอนออกไปเดิน มาขณะนี้เขาก็ยังจะทำให้เธอกลัวมากขึ้นไปอีก ด้วยการเล่าเรื่องผี! ว่าแล้วลี่หรงก็ปิดหูและนอนหันหลังให้จ้าวชิงซง
จ้าวชิงซงเหลือบมองแผ่นหลังเธอแล้วเผยยิ้มบาง ๆ ด้วยเหตุที่เขาเล่าออกไป ก็เพราะรู้ว่าลี่หรงไม่ได้ต้องการไปเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน ส่วนการที่เธอตกใจกลัวตอนถึงบ้าน นั่นก็ย่อมหมายความว่าผู้หญิงคนนี้ขี้กลัวเพียงใด เขาจึงเล่าเรื่องผีให้เธอฟัง เพื่อที่คราวหน้าจะได้ไม่กล้าออกไปกลางดึกอีก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หลับตาเพื่อเตรียมตัวนอน ทำให้ห้องตกอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ทว่าจู่ ๆ ลี่หรงก็กระซิบเรียกเขาอีกครั้ง จ้าวชิงซงจึงลืมตาขึ้นและมองไปทางหญิงสาว
ทว่าเพราะไม่ได้ยินคำตอบจากเขา ลี่หรงจึงเรียกซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกล่าวเดิม
จ้าวชิงซง “อื้ม?”
ลี่หรงเงียบลง ส่วนจ้าวชิงซงก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ทว่าไม่นานหลังจากที่หลับตา เขาก็ได้ยินลี่หรงเรียกชื่อของตนอีกครั้ง ในที่สุดจ้าวชิงซงก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เพียงต้องการยืนยันว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ เธอหรือไม่ จ้าวชิงซงจึงตอบกลับอีกครั้ง
แน่นอนว่าลี่หรงไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่ไม่นานเธอจะเรียกชื่อเขาอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มต้องตอบกลับไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งเสียงเรียกของลี่หรงก็ค่อย ๆ แผ่วเบาและเว้นห่างออกไปเรื่อย ๆ ตลอดทั้งคืน ก่อนที่จ้าวชิงซงจะยืนยันได้ว่าเธอหลับแล้ว เขาจึงหลับตานอนบ้าง
หลังจากได้ยินเสียงไก่ขันอยู่ข้างนอก ลี่หรงก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
MANGA DISCUSSION