ตอนที่ 66 สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหรอ
“หืม! เธอมาจากเมืองใหญ่เหรอ ถ้างั้นเธอคงได้เจอท่านประธานแล้วใช่ไหม?”
“ยังไม่เคยเจอท่านประธานเลยค่ะ” ลี่หรงยิ้ม “แต่เคยไปจัตุรัสเทียนอันเหมินนะคะ”
“ดีจังเลย” อาสะใภ้เจิ้งถอนหายใจ “อยู่ชนบทคงจะลำบากมากใช่ไหม?”
“ก็ดีนะคะ ฉันแต่งงานกับจ้าวชิงซง หลังมาที่ชนบทได้ไม่นาน” ลี่หรงเม้มปาก “เขาไม่ค่อยอยากให้ฉันทำงานด้วย ตอนนี้ก็เลยว่างอยู่ค่ะ”
“เสี่ยวจ้าวเป็นเด็กฉลาด ถึงเธอจะไม่ได้ทำงาน เขาก็ดูแลภรรยาได้เพราะเขาเก่งมาก เหล่าเจิ้งของอาก็ยังได้เงินเพราะทำงานกับจ้าวชิงซงของเธอด้วย อีกไม่นานวันชื่นคืนสุขของเธอก็จะมาถึงแล้วล่ะนะ”
ลี่หรงยิ้ม “หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ”
อาสะใภ้เจิ้งทำตุ๋นหม้อไฟ กินกับแผ่นแป้งอร่อยอย่าบอกใครเชียว
หลังจากหม้อใบใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะ อาสะใภ้เจิ้งก็เรียกทุกคนให้มากินข้าว
พวกผู้ชายได้ยินเสียงเรียก จึงรีบเข้ามานั่ง ลี่หรงไม่เห็นอันอันจึงถามจ้าวชิงซงว่า “อันอันอยู่ไหนคะ?”
จ้าวชิงซงบุ้ยปากไปทางห้องด้านหลัง “หลับไปแล้วครับ อุ้มไปไว้ในห้องแล้ว”
“อ๋อ… งั้นเดี๋ยวจะไปเตรียมข้าวไว้ให้เขาก่อนนะคะ” ลี่หรงถืออาหารเสริมไว้ในมือ แล้วหันกลับไปที่ห้องครัว เพื่อเอาไปอุ่นในหม้อ
อาสะใภ้เจิ้งจึงบอกให้ลี่หรงรีบมานั่งกินข้าวหลังจากป้อนอาหารเจ้าตัวน้อยแล้ว
ที่โต๊ะอาหารเย็น พวกผู้ชายมักจะคุยกับผู้ชายด้วยกันเกือบตลอดเวลา ส่วนลี่หรงกับอาสะใภ้เจิ้งก็คุยกันตามประสาผู้หญิง
สวีฟู่ดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว แล้วบอกให้พี่ใหญ่แนะนำพี่สะใภ้ใหญ่ให้ทุกคนรู้จัก
“อีกสักพักอาจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักแน่นอน” เจิ้งเต๋อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่านึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปหาซ่งเซียนผิง แล้วถามว่า “น้องซ่ง ทำไมไม่พาภรรยามากินข้าวเย็นด้วยกันล่ะ?”
“หืม? เธอไปบ้านน้องสาวครับ เลยไม่ได้มาด้วย”
หลังมื้ออาหาร ลี่หรงก็ช่วยเก็บจานชามออกไป
อาสะใภ้เจิ้งกลัวว่าลี่หรงจะช่วยล้างจาน เธอก็เลยเอาจานใส่หม้อไว้ก่อน เพื่อรอให้แขกออกไปก่อนจึงค่อยล้างจาน
อันอันตื่นขึ้นมาร้องไห้จ้า ลี่หรงจึงอุ้มปลอบเด็กน้อย ก่อนจะป้อนข้าว
อาสะใภ้เจิ้งมองด้วยใบหน้าเอ็นดูเจ้าตัวเล็ก “โอ๋ ๆ หลานชายที่รัก กินให้อร่อยนะจ๊ะ”
“อะงืม…” อันอันอมโจ๊กคำใหญ่จนแก้มป่อง ขณะยิ้มให้อาสะใภ้เจิ้ง ซึ่งทำให้เธอแทบละลายเพราะความน่ารัก
จ้าวชิงซงกำลังดื่มชา พลางมองไปที่อันอันเป็นครั้งคราว สายตาผู้เป็นพ่ออ่อนโยนมาก
หลังจากที่เจ้าตัวเล็กกินอิ่มแล้ว ก็นั่งเล่นบนเตียงเตาอยู่นาน
พวกจ้าวชิงซงนั่งดื่มชากัน จนถึงตอนนี้ทุกคนก็ยังไม่ง่วง แต่เมื่อเห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเขาจึงกล่าวลาเจิ้งเต๋อหยาง แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
อาสะใภ้เจิ้งลังเลใจมากที่จะปล่อยเจ้าตัวเล็กไป เธอจับแก้มเล็ก ๆ ของเขาอย่างเบามือ แล้วบอกให้พวกเขาเดินทางปลอดภัย
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ลี่หรงถอดเสื้อผ้าลูกออก ก่อนพาลูกชายไปอาบน้ำ เธอจึงพบว่ามีอั่งเปาอยู่ในอกเสื้อของเด็กน้อย
ลี่หรงนำไปให้จ้าวชิงซงดูด้วยความประหลาดใจ “เงินห้าหยวนค่ะ”
“เก็บไว้เถอะครับ” จ้าวชิงซงเชิดคาง “เงินไม่ได้เยอะแยะอะไร”
ลี่หรงกลอกตามองเขา เดี๋ยวนี้เขารู้สึกว่าเงินห้าหยวนไม่ใช่เงินเยอะแล้ว
เธอก้มลงหอมแก้มอันอัน “นี่คืออั่งเปาซองแรกสำหรับวันปีใหม่แรกของอันอัน แม่จะเก็บไว้ให้ลูก ตกลงไหม?”
เจ้าตัวเล็กจะเข้าใจสิ่งที่ลี่หรงพูดยาว ๆ ชัดเจนได้อย่างไร เจ้าตัวเล็กทำเพียงยิ้มโชว์ฟัน แล้วตบมือตะโกนว่า “แม่…”
ในวันที่หิมะตก ลี่หรงจะอาบน้ำให้ลูกทุก ๆ สองสามวันเท่านั้น
ทุกครั้งที่อาบน้ำ จ้าวชิงซงจะวางเตาถ่านไว้ข้าง ๆ เสมอ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยหนาวจนเหมือนถูกแช่แข็ง
ในปีนี้ยุวชนหลายคนกลับบ้านไปเฉลิมฉลองปีใหม่ ศูนย์ยุวชนในชุมชนจึงเงียบเหงา
ลี่หรงไม่คิดจะกลับบ้าน เหตุผลแรกก็คือลูกยังเด็กเกินไป จึงไม่สะดวกที่จะอยู่บนรถไฟเป็นเวลาหลายวัน
เหตุผลที่สองคือหลังปีใหม่คือปี 1977 จากความทรงจำเรื่องประวัติศาสตร์ของเธอ ลี่หรงรู้ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ในปี 1977
เธอคิดว่าจะกลับไปตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย
มีขนมของขวัญปีใหม่มากมายถูกส่งมาจากเมืองหลวง รวมถึงอั่งเปาให้หลานชายที่มีชื่อของพี่ชายแต่ละคนเขียนเอาไว้ด้วย
ลี่หรงเปิดอั่งเปา ปรากฏว่านับรวมกันได้เกือบหนึ่งร้อยหยวน
ยังไม่ถึงปีใหม่ เจ้าตัวน้อยก็ได้รับเงินอั่งเปามากมาย
ลี่หรงเก็บเงินอั่งเปาของเจ้าตัวน้อยไว้ในถุง “นี่เป็นกองทุนไว้ให้แม่เลี้ยงลูกไงล่ะ ฮ่า ๆ”
“แม่…อีก…”
“กินสิลูก” ลี่หรงหยิบคุกกี้ชิ้นหนึ่ง มาวางในมือของเจ้าตัวเล็ก ให้เขาแทะเล่น
จ้าวชิงซงกลับมาจากข้างนอก แล้วเห็นลี่หรงนั่งนับเงินอยู่ข้าง ๆ เขาจึงยิ้ม “อั่งเปาที่พวกพี่ใหญ่ให้มาเหรอครับ?”
ลี่หรงขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ “อันอันน่ารักน่าเอ็นดู ลุงสามคนให้อั่งเปาเขาหมดเลย เขาสามารถหาเงินได้มากมายจากการรับซองอั่งเปาทุกปีเลยนะเนี่ย”
เธอก้มลงหอมแก้มอันอัน
อันอันเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตา แม้ว่าไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงยิ้ม แต่เขาก็รู้สึกถึงความรักอันอ่อนโยนของแม่ หลังจากถูกหอมแก้ม เจ้าตัวเล็กยิ้มแย้มแจ่มใส
และยังมีจดหมายที่ครอบครัวของลี่หรงส่งมาด้วย โดยพ่อของลี่หรงบอกกับเธอว่า ชายคนนั้นกลับมาที่รัฐบาลกลางแล้ว และได้ออกนโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษาบางประการ และเสนอให้ดำเนินการสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อ แม้ว่าจะยังไม่มีการออกนโยบายเฉพาะ แต่ก็รู้ได้ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งแน่นอน
คุณพ่อลี่เขียนจดหมายมาบอกด้วยความเป็นห่วง บอกให้ลี่หรงตั้งใจเรียน
ลี่หรงรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่าตระกูลลี่จะได้ยินข่าวล่วงหน้าแล้ว และขอให้เธอเตรียมตัวให้พร้อม
คุณพ่อลี่ทำงานในธนาคาร พี่ชายน่าจะบอกข่าวนี้ให้เขาฟัง
ลี่หรงจำได้ว่าในหนังสือต้นฉบับ นางเอกไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีจดหมายดังกล่าวหรือไม่
จดหมายฉบับนี้ช่วยลี่หรงได้มาก
ลี่หรงบอกกับจ้าวชิงซง ถึงความเป็นไปได้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง จากนั้นเธอก็จะเตรียมตัวสอบอย่างตั้งใจ
หากไม่มีจดหมายฉบับนี้ ลี่หรงคงต้องหาข้ออ้างมาบอกจ้าวชิงซง ว่าเธอต้องการทบทวนความรู้เผื่อวันข้างหน้า ทว่าตอนนี้ ด้วยจดหมายนี้ เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
จ้าวชิงซงถามเธอว่า “คุณอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อเหรอครับ?”
“แน่นอนค่ะ” ลี่หรงพยักหน้า “การศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรม ไม่ว่าจะทำอะไรในอนาคต ฉันหวังว่าฉันจะได้เรียนต่อค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสอบสินะครับ” จ้าวชิงซงตัดสินใจ “หลังปีใหม่ ผมจะซื้อหนังสือให้คุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หลังจากได้รับการสนับสนุนจากชายหนุ่ม หญิงสาวก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ก่อนโน้มตัวไปหอมแก้มอีกฝ่าย
“เอ๊ะ!” จู่ ๆ ลี่หรงก็พูดขึ้นมา “คุณก็สอบด้วยกันสิคะ เราจะได้ไปเมืองหลวงด้วยกัน”
ทันใดนั้นใบหน้าของจ้าวชิงซงก็หม่นลง “อย่าเลยครับ ผมดูเหมือนคนอยากอ่านหนังสือตรงไหนกัน แล้วผมก็ไม่ได้อ่านมาสองสามปีแล้ว ภรรยา คุณยกโทษให้ผมได้ไหมครับ?”
พรืด!
ลี่หรงหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเขาปฏิเสธจริง ๆ เธอจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นจะให้ฉันอ่านคนเดียวเหรอคะ?”
“ใช่ครับ” จ้าวชิงซงหยอกล้อลูกชาย แล้วตอบอย่างสบาย ๆ
ลี่หรงเลิกคิ้ว จงใจหยอกเขา “คุณไม่กลัวว่าฉันจะได้พบกับคนที่ดีกว่าในมหาวิทยาลัยเหรอคะ?”
จ้าวชิงซงขมวดคิ้ว มองเธอ แล้วกอดลี่หรงที่กำลังยิ้มยั่วเขาด้วยแขนข้างหนึ่ง “คุณกล้าเหรอครับ! ผมจะไม่ว่าคุณ แต่ผมจะฆ่าเจ้าบ้าพวกนั้น”
“… ก็ฉันเห็นคุณดูไม่ร้อนใจเลยนี่คะ”
“ได้โปรดเถอะครับภรรยา ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ สามีของคุณเรียนไม่เก่งจริง ๆ ครอบครัวเราอยากให้คุณเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนเดียวพอแล้วครับ” จ้าวชิงซงก้มหน้ามองอันอัน “แต่ในอนาคต บางทีอันอันอาจจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย ผมจะรับผิดชอบเรื่องหาเงินให้เองครับ”
“ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องกังวลครับ ถ้าคุณเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง ผมจะพาอันอันไปด้วย จะได้คอยจับตาดูคุณได้ตลอดทั้งวัน”
ลี่หรงประหลาดใจเล็กน้อย เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่จ้าวชิงซงมีความคิดที่จะย้ายไปอยู่ในเมืองด้วยตัวเองแล้ว
MANGA DISCUSSION