ตอนที่ 64 เชิญมาทานอาหารกลางวัน
โชคดีที่ตอนนี้ต้าหนิวกับน้องชายอยู่ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน จึงสามารถช่วยดูแลลูกน้อยให้ได้
ลี่หรงขี่จักรยานออกไปข้างนอก
หลังออกจากหมู่บ้านไปไม่ไกลนัก และยังอยู่ในเขตทุ่งนาของหมู่บ้านต้าเจียง ลี่หรงก็พบกับหยางเต๋อเป่าและหลัวปิงที่น่าจะเพิ่งกลับมาจากธุระที่ไหนสักแห่ง
สองคนนี้จะยังอยู่ด้วยกันอีกเหรอ?
จากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งสองก็น่าจะเป็นศัตรูกันราวไฟกับน้ำไม่ใช่เหรอ?
ลี่หรงรีบปั่นอย่างรวดเร็ว คิดจะขี่เลยไปตอนที่ทั้งสองยังไม่เห็นเธอ
บางเรื่องยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้นเท่านั้น หลัวปิงตะโกนเรียกลี่หรงเสียงดัง และถึงกับกางแขนเข้าขวางรถจักรยานไว้
ลี่หรงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องจอด “มีอะไรเหรอ? ฉันกำลังรีบอยู่”
“พูดอย่างกับว่าเราไม่รู้จักกัน” หลัวปิงเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอกำลังจะไปไหนเหรอ?”
ในใจลี่หรงบอกว่าพวกเราไม่ได้สนิทสนมกันตั้งแต่แรก แต่เธอกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วหลัวปิงจะยิ่งต่อความยาวสาวความยืดจึงได้แต่ระงับอารมณ์ไว้ “ไปซื้อของ เธอให้ฉันไปเถอะ ฉันรีบจริง ๆ”
หยางเต๋อเป่าจับแขนของลี่หรง “หรงหรง”
“อย่าเรียกฉันแบบนั้น” ลี่หรงดึงแขนกลับมา ร่างกายสั่นงันงกราวกับว่าเธอเพิ่งสัมผัสบางอย่างที่น่าขยะแขยง พลางขมวดคิ้วพูด “ถ้าจ้าวชิงซงของฉันมาได้ยินเข้า ฉันจะอธิบายลำบาก”
“ใกล้จะตรุษจีนแล้ว ปีนี้รายงานตัวแล้วกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ได้ เธออยากกลับด้วยกันไหม?” หยางเต๋อเป่ายิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะซื้อตั๋วให้คุณเอง”
ลี่หรงส่ายหน้าปฏิเสธ
ตลกแล้ว ถ้าอยากจะกลับ เธอกลับเองไม่ได้เชียวเหรอ?
ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่อยู่ใกล้หยางเต๋อเป่าเด็ดขาด
ลี่หรงมองเขา “ลูกชายของฉันอายุยังไม่ถึงขวบด้วยซ้ำ พาเขาขึ้นรถไฟกลับด้วยไม่สะดวกหรอก คุณกลับไปก่อนเถอะ ส่วนฉันคงต้องรออีกสักพักหนึ่ง”
“เธอทิ้งเด็กไว้กับจ้าวชิงซงสิ” หยางเต๋อเป่าคะยั้นคะยอลี่หรง “คุณกลับบ้านครั้งล่าสุดมันผ่านมานานแค่ไหนแล้วล่ะ คุณอากับคุณน้าคงคิดถึงเธอมากแล้ว”
“หยุดพูดได้แล้ว ถ้าฉันจะกลับไปจะบอกให้จ้าวชิงซงซื้อตั๋วให้ไม่ได้เลยเหรอ ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันต้องไปแล้วจริง ๆ เดี๋ยวของในร้านสหกรณ์จะหมดซะก่อน”
หยางเต๋อเป่าตกตะลึง “เธอไม่ได้รักเจ้าคนบ้านนอกนั่นจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”
“คนบ้านนอกอะไร คุณดูถูกชาวนาเหรอ?” ลี่หรงไม่พอใจ “งั้นความคิดของคุณก็มีปัญหาแล้ว”
เธอกลอกตาใส่หยางเต๋อเป่า แล้วรีบปั่นจักรยานออกไป โดยไม่ชายตามองสองคนนี้อีก
“พี่ดูสิคะ ฉันเพิ่งบอกไปตะกี้ว่าลี่หรงปีกกล้าขาแข็งแล้ว เธอจะยังสนใจพี่ได้ยังไงล่ะคะ” หลัวปิงยิ้มให้หยางเต๋อเป่าอย่างประจบประแจง “พี่เต๋อเป่า ฉันต่างหากที่เหมาะสมกับพี่ที่สุด”
หลังจากที่จอดจักรยานพูดคุยแค่ไม่กี่ประโยค ลี่หรงก็รู้สึกหนาวเล็กน้อยเพราะลมหนาว หลังจากปั่นจักรยานไปสักพัก ในที่สุดร่างกายของเธอก็อบอุ่นขึ้น
เนื่องจากต้องสร้างความประทับใจให้กับอู๋จื่อกังในวันพรุ่งนี้ ลี่หรงจึงซื้อผักมาเยอะเป็นพิเศษ
เธอตื่นขึ้นมาก็ยุ่งแต่เช้า ลี่หรงรีบเข้าครัว ก่อนต้มกระดูกวัวลงหม้อ เคี่ยวจนได้ซุปสีขาวขุ่น
ใส่แค่พุทราแดงและเม็ดเก๋ากี้ ไม่ต้องใส่อย่างอื่นเพิ่มอีก เพียงเท่านี้ก็อร่อยแล้ว
อากาศหนาวเหน็บ เธอจึงตุ๋นซุปไก่ให้มีน้ำซุปสีเหลืองทอง น่ารับประทานมาก
ก่อนหน้านี้ที่ขายพะโล้ให้กับอู๋จื่อกัง ลี่หรงมองออกแต่แรกเลยว่าเขาชอบอาหารรสเผ็ด
เธอจึงเลือกทำอาหารรสเผ็ดหลายอย่าง
หมูเส้นผัดพริกหวาน ไก่ผัดเผ็ด ไส้ผัดพริก ผัดผักออซุ่น ทุกจานล้วนมีรสเผ็ด
อาหารมังสวิรัติมีเพียงสองอย่างเท่านั้น คือ เต้าหู้หม่าโผวและผัดผักกาดขาว
เมื่อรวมกับซุปอีกสองอย่างแล้ว ก็มีทั้งหมดแปดอย่าง
จากมุมมองของคนยุคสมัยใหม่อย่างลี่หรง อาหารพวกนี้ไม่ใช่อาหารมื้อใหญ่
ทว่าหากดูตามจำนวนคนในปัจจุบัน และข้อจำกัดในยุคนี้ อาหารเหล่านี้ก็นับว่าค่อนข้างหรูหรา
เมื่ออู๋จื่อกังเห็น เขาก็แปลกใจเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “บอกว่าจะมาทานข้าวกันสบาย ๆ แต่ทำไมต้องทำอาหารหลายอย่างขนาดนี้ล่ะครับ”
ลี่หรงยิ้ม “ไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไร ฉันก็เลยทำมาเผื่อหลายอย่างค่ะ ไม่ได้เยอะมาก ทานได้ตามใจเลยนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะทานไม่หมด กลัวจะทานไม่อิ่มมากกว่าค่ะ”
“ลองชิมดูสิครับ ภรรยาของผมทำอาหารเก่ง ผู้จัดการลองชิมเถอะครับ”
“ไม่ต้องเรียกว่าผู้จัดการแล้วครับ อยู่ข้างนอก ถ้าไม่ได้คุยธุระกัน เราถือเป็นพี่น้องกันนะครับ เรียกว่าพี่อู๋ก็ได้ เพราะผมอายุมากกว่าคุณแค่เจ็ดแปดปี”
จ้าวชิงซงยิ้ม แล้วเรียกชัดถ้อยชัดคำด้วยความเคารพ “ได้ครับ พี่อู๋ จากนี้ไปพี่จะเป็นพี่ชายของผม”
ลี่หรงยิ้ม ก่อนรินเหล้าขาวให้ทั้งสอง
ตอนแรกอู๋จื่อกังคิดว่าลี่หรงทำอาหารมาเยอะเกินไป แต่เมื่อเขากัดไปคำแรก เขาก็ชื่นชมฝีมือการทำอาหารของลี่หรงไม่หยุดปาก
“นี่คือไก่หั่นลูกเต๋าผัดซอสหรือเปล่าครับ ทำไมถึงผัดได้อร่อยขนาดนี้?”
“ใช่ค่ะ เราเรียกว่าไก่ผัดเผ็ดค่ะ จะเหมือนไก่หั่นลูกเต๋าผัดซอสที่ใส่พริกเพิ่ม อร่อยนะคะ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนทำแบบนี้ครับ”
ลี่หรงยิ้ม สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมแบบปิด อินเทอร์เน็ตยังไม่พัฒนา อู๋จื่อกังเป็นคนเหนือแท้ ๆ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน
คนรุ่นหลัง มีใครบ้างที่ไม่รู้จักไก่ผัดเผ็ด?
ลี่หรงรีบกินอย่างรวดเร็ว ก่อนปล่อยให้จ้าวชิงซงกับอู๋จื่อกังกินไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ดื่มเหล้าและคุยกันเสียงดัง
ลี่หรงอุ้มลูกน้อยพลางป้อนข้าวไปด้วย และพูดคุยกับพวกเขาเป็นครั้งคราว
หลังอาหารกลางวัน อู๋จื่อกังไม่ได้ออกไปทันที เขานั่งบนเก้าอี้เอนพลางพูดคุยกับจ้าวชิงซง เพื่อรอให้สร่างเมา
ลี่หรงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายถึงพูดจาเก่งขนาดนี้ หลังจากล้างจานแล้ว เธอก็ยกซุปเห็ดหูหนูขาวมาให้พวกเขา “พี่ใหญ่อู๋ มาค่ะ ลองทานนี่สักหน่อย เป็นของหวานค่ะ”
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า อู๋จื่อกังกล่าวคำอำลาลี่หรงกับสามี แล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่อย่างนั้นจะมืดเสียก่อน และยังมีหิมะปกคลุมเต็มถนนด้วย เวลาขี่จักรยานจะมองเห็นถนนได้ยาก ทำให้ลื่นไถลได้ง่ายและไม่ปลอดภัย
ลี่หรงเก็บกุนเชียงให้อู๋จื่อกัง “พี่ใหญ่อู๋ ช่วยเอาไปฝากพี่สะใภ้ให้หน่อยนะคะ กุนเชียงชิ้นนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ล่วงหน้า ไว้เจอกันปีหน้านะคะ”
จ้าวชิงซงไปส่งเขาออกจากหมู่บ้าน เมื่อกลับมา ชาวบ้านหลายคนก็เห็นเข้า จึงถามเขาว่า “คนใหญ่คนโตนั่นเป็นใครเหรอ หรือว่าเป็นเพื่อนในกองทัพ?”
อู๋จื่อกังแต่งตัวเรียบร้อย แต่เขาไม่ได้หวีผมจนมันเงาตามปกติ เมื่อเขาไม่ได้จัดทรงผม เขาก็ดูเด็กลงหลายปี จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกชาวบ้านจะคิดเช่นนั้น
จ้าวชิงซงยิ้มให้ก่อนจะพูดเฉไฉ โดยไม่บอกตัวตนของอู๋จื่อกัง เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น
เนื่องจากกำลังคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่บ้าน จ้าวชิงซงจึงไม่ได้อยู่คุยกับพวกชาวบ้านนานนัก หลังจากพูดไปไม่กี่คำ เขาก็หาข้ออ้างขอตัวกลับบ้าน
จึงไม่ได้ยินความคิดเห็นของพวกชาวบ้านที่มีต่อเขา
“เจ้ารองจ้าวมีชีวิตที่ดีจริง ๆ ถึงขาจะใช้การไม่ได้ดี แต่ก็ยังได้แต่งงานกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ ได้รู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย และไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานก็ตาม”
“ใช่ไหมล่ะ ผู้ชายคนเมื่อกี้ดูเหมือนนายทหารเลย หรือว่าจะเป็นพี่ชายของยุวชนลี่?”
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ดูสง่าน่าเกรงขาม มองปราดแรกก็รู้เลยว่าเป็นคนมีการศึกษา”
“สง่าน่าเกรงขามอะไร นั่นเรียกว่าสุภาพเรียบร้อยต่างหาก! ฮ่า ๆ ๆ ”
“ให้ตายเถอะ ฉันก็พูดตามที่ยุวชนพูดนั่นแหละ”
“จำมาผิดแล้ว”
เมื่อจ้าวชิงซงกลับบ้าน ลี่หรงเพิ่งเก็บชามซุปเห็ดขาวไป
เขาเดินไปหยิบชามจากมือลี่หรง “บอกแล้วว่าผมจะล้างจานเอง คุณไม่ต้องทำหรอกครับ”
หญิงสาวมีความสุข “มีแค่ไม่กี่ใบเองค่ะ”
“คุณทำอาหารเหนื่อยแล้ว ต่อไปให้ผมล้างจานเองนะครับ วันนี้พี่อู๋มา ผมเลยไม่ค่อยได้คุยกับคุณเลย จานชามกองโตพวกนี้ ปล่อยให้ผมล้างเถอะครับ”
จ้าวชิงซงล้างจาน แล้วใส่ฟืนลงไปในเตาเพื่อต้มน้ำอาบ
เมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จ ทั้งยังตบท้ายด้วยซุปเห็ดหูหนูขาวอีก ทำให้อาหารในท้องยังย่อยไม่หมด
ทั้งสองอิ่มจนไม่คิดถึงอาหารเย็นอีก
MANGA DISCUSSION