บทที่ 60 ฟื้นตัวจากไข้ขึ้นสูง
แม่จ้าวจับมือลี่หรงแล้วพูดว่า “แม่จะไปตามหมอมาให้นะ”
หมอที่เธอพูดถึงนั้น คือหมอจากสถานีอนามัยในชุมชน
ลี่หรงกังวลเกินกว่าจะทันได้ฉุกคิด จึงได้แต่พยักหน้าเมื่อได้ยินแม่จ้าวพูดคำว่าหมอ
จ้าวชิงซงกลับมาพอดี เมื่อเขาเห็นแม่จ้าวกำลังจะรีบวิ่งออกไป จึงรั้งอีกฝ่ายไว้ “แม่ครับ ทำไมถึงวิ่งเร็วขนาดนี้ครับ?”
“อันอันเป็นไข้สูง หลานแหวะนมออกมาจนหมดเลย แม่ต้องรีบไปสถานีอนามัยแล้ว”
สีหน้าของจ้าวชิงซงกลายเป็นเคร่งเครียดทันที “ผมจะพาเขาไปเองครับ กว่าจะเรียกหมอมาก็คงใช้เวลานานเกินไป”
หลังจากใช้ผ้าอ้อมสามชั้นพันเด็กน้อยไว้แน่น เพราะกลัวว่าจะโดนลมหนาวก็นำตะกร้าไม้ไผ่ที่สะอาดมาแล้ววางเจ้าตัวเล็กลงไป เพื่อพาไปสถานีอนามัย
หมอที่สถานีอนามัยกำลังรักษาคนป่วยอยู่ เมื่อเห็นจ้าวชิงซงเดินมาพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ก็เหลือบมองเขา “คนไข้เป็นอะไรมาครับ?”
จ้าวชิงซงเปิดฝาตะกร้าไม้ไผ่ “คุณหมอครับ ช่วยตรวจดูอาการลูกชายของผมหน่อยครับ เขาไข้ขึ้นสูงมาก”
หมอตรวจดูก็พบว่าเด็กน้อยหน้าแดงผิดปกติ ลมหายใจแผ่วเบา จึงสอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปวัดไข้
ระหว่างรอเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ หมอจึงไปตรวจคนไข้ชายอีกคนหนึ่ง เสร็จแล้วค่อยมาตรวจอุณหภูมิร่างกายของอันอันต่อ
หมอหยิบเทอร์โมมิเตอร์ขึ้นมาดู “อืม… สามสิบแปด ไข้ค่อนข้างสูงอยู่นะครับ เป็นมาตั้งแต่หลังคลอดเลยหรือเปล่า?”
จ้าวชิงซงส่ายหน้า
“เด็กเล็กแบบนี้ ผมไม่กล้าสั่งยาที่นี่หรอกครับ อันดับแรกต้องพยายามลดไข้ก่อน ใช้ผ้าขนหนูอุ่น ๆ เช็ดบริเวณหน้าผาก คอ ฝ่ามือ ฝ่าเท้าและแขนขา ถ้ายังตัวร้อนขึ้นอีกจะต้องพาไปโรงพยาบาลครับ”
จ้าวชิงซงขอบคุณเขา แล้วแกะผ้าที่คลุมเด็กน้อยออกบางส่วนตามคำแนะนำของหมอ ว่าอย่าใช้ผ้าพันตัวทารกแน่นจนเกินไป
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จ้าวชิงซงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไม่กล้ารีรอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที “ผมจะพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”
ก่อนออกจากบ้าน จ้าวชิงซงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเกวียนวัวที่บ้านถูกคนอื่นยืมไปแล้ว และต้องใช้เวลาสองวันจึงจะถูกนำมาคืน
ที่บ้านมีจักรยาน แต่จ้าวชิงซงขี่ไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าความพิการของเขาเป็นอุปสรรคข้อใหญ่ในชีวิต และรู้สึกเกลียดขาของตัวเองขึ้นมา
ลี่หรงกล่าวว่า “งั้นฉันจะไปเองค่ะ ฉันขี่จักรยานไปได้”
แน่นอนว่าจ้าวชิงซงไม่ยอม “จะขี่ไปได้ยังไงครับ คุณยังต้องอยู่เดือนนะ!”
จ้าวชิงหยางเดินออกมา “จะไปโรงพยาบาลเหรอ ให้ฉันขี่จักรยานไปเถอะ แล้วนายอุ้มหลานซ้อนไปก็ได้”
เหลือแค่วิธีนี้แล้วเท่านั้น
ไข้ลดลงภายในคืนแรกที่ไปนอนโรงพยาบาล
แต่จ้าวชิงซงยังไม่กล้าวางใจ จึงให้ทารกน้อยพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกสองวัน เพื่อให้แน่ใจว่าไข้จะไม่กลับมาอีก ถึงจะพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้านได้
ขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คนในหอผู้ป่วยเดียวกันเห็นเขาคอยดูแลลูกเพียงลำพังจึงถามเขาว่า “แม่เด็กไปไหนล่ะ?”
“อยู่เดือนที่บ้านครับ” จ้าวชิงซงยังคงมองลูกน้อยไม่วางตา
คนที่ถามคำถามมองไปที่ขาของจ้าวชิงซง และคิดว่าชายคนนี้คงถูกผู้หญิงทอดทิ้งไปแล้วแน่ แม่คนไหนจะยอมปล่อยลูกไว้แบบนี้กัน?
ลี่หรงเป็นห่วงลูกน้อยมาก วันรุ่งขึ้นหลังจากที่จ้าวชิงซงออกจากบ้านไป เธอก็คิดจะตามไปโรงพยาบาลด้วย
แม่จ้าวหยุดลี่หรงไว้ ถ้าออกไปข้างนอกตอนนี้เธอจะติดโรคได้ง่าย
ลี่หรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่บ้าน ทว่าใจของหญิงสาวลอยไปอยู่ที่โรงพยาบาลเสียแล้ว
สองวันที่ผ่านมา ลูกน้อยไม่อยู่บ้าน เธอจึงไม่ได้ให้นมลูกเลย หน้าอกของลี่หรงพลันคัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ จึงต้องบีบน้ำนมออกมาทิ้งบ้าง
ลี่หรงมองดูน้ำนมที่ถูกบีบจนเต็มชามด้วยความเสียดาย
ในที่สุดจ้าวชิงซงก็กลับมาพร้อมกับลูกน้อย เขากินนมผงมาสองวันแล้ว แม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะหิว แต่ก็ยังกินได้ไม่เยอะ
เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ เจ้าตัวน้อยก็เคลื่อนตัวเข้าหาหน้าอกของลี่หรงโดยสัญชาตญาณ
ลี่หรงเปิดเสื้อให้นมลูก เด็กน้อยรีบดูดอย่างแรงและกระตือรือร้น
เมื่อให้นมลูกเสร็จ ลี่หรงยังคงรู้สึกเจ็บหน้าอกอยู่ แต่ไม่แม้แต่จะร้องออกมาสักคำเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เธอรักลูกชายสุดหัวใจ ก่อนค่อย ๆ ใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าน้อย ๆ ที่อ่อนโยนของเจ้าตัวน้อย
เมื่อได้ยินเสียงเขาดื่มนมดังอึก ๆ ก็รู้สึกโล่งใจมากแล้ว
หลังจากการอยู่เดือน จ้าวชิงซงได้ต้มน้ำร้อนในหม้อใบใหญ่ เพื่อทำน้ำอุ่นให้ลี่หรงอาบ
ขั้นแรก เธอชำระล้างร่างกายด้วยน้ำสมุนไพรตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้รู้สึกเหมือนมีขี้ไคลหลุดออกจากผิวหนัง ลี่หรงขอให้จ้าวชิงซงเปลี่ยนน้ำอุ่นให้ล้างตัวอีกครั้ง จนในที่สุดหญิงสาวค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
สดชื่นเหลือเกิน!
จ้าวชิงซงใช้ประโยชน์จากตอนที่ไม่มีแสงแดดจ้าส่องลานบ้าน เติมน้ำสมุนไพรลงในอ่างไม้ แล้วอาบน้ำให้เจ้าตัวเล็ก
หลังจากพ้นช่วงอยู่เดือนแล้ว ทารกน้อยก็ดูตัวใหญ่ขึ้น รอยจ้ำแดงบนตัวก็จางลง ผิวพรรณกลายเป็นขาวนวลอ้วนท้วน ดวงตากลมโตดำสนิท เมื่อคนมาหยอกล้อก็จะส่งเสียงหัวเราะอย่างไร้เดียงสา เผยให้เห็นเหงือกน้อย ๆ สีชมพู
แม้แต่ตอนเป่าฟองน้ำลายเล่น ก็ยังดูน่ารัก
ทุกคนบอกว่าหน้าตาเขานั้นเหมือนกับผู้เป็นแม่มาก แต่ถ้าจะบอกให้ละเอียดก็คือทั้งการแสดงออกทางสีหน้า ดวงตากลมโตราวผลองุ่น ริมฝีปากและจมูกของเด็กน้อย ราวถูกแกะสลักมาจากพิมพ์เดียวกับจ้าวชิงซง
ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องดี เพราะใบหน้าของผู้เป็นพ่อเองก็หล่อเหลาเอาการ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เด็กน้อยก็ถูกจับแต่งตัว ก่อนถูกอุ้มออกไปให้ลี่หรงดู
หลังจากที่ภรรยาให้กำเนิดลูกชายแล้ว จ้าวชิงซงก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยสามารถหันความสนใจกลับมาให้กับการทำงานอีกครั้ง
ลี่หรงรู้สึกว่าเธอไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป จึงครุ่นคิดว่าตนจะทำงานอะไรดี และไม่ว่างานอะไรก็จำเป็นต้องพาลูกน้อยไปด้วย
เธอออกไปทำงานข้างนอกไม่ได้ เพราะร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ และยังไม่มีใครว่างพอจะช่วยดูแลลูกให้ด้วย
เมื่อใกล้ถึงเดือนมิถุนายน ลี่หรงรู้สึกว่าการทำพะโล้นั้นเหมาะสมที่สุด
ก่อนหน้านี้จ้าวชิงซงเป็นคนนำไปขายให้กับลูกค้าประจำ ในเมื่อหญิงสาวไม่ได้ทำมานานแล้ว เขาจึงต้องหาเวลาไปประกาศให้ลี่หรง
ทันทีที่ลูกค้าเก่ารู้ว่าจะมีพะโล้ขายแล้วก็ดีใจมาก รีบมาสั่งซื้อกันทีละคนสองคน
ในที่สุดลี่หรงก็สามารถทำงานได้อย่างสบายใจ
คราวนี้จ้าวชิงซงไม่สามารถไปช่วยส่งของให้เธอได้ โชคดีที่เขาเคยพาจ้าวชิงหยางไปด้วยก่อนหน้านี้
พี่ใหญ่จ้าวจึงมีหน้าที่ส่งสินค้า
เหอซิ่งช่วยลี่หรงทำพะโล้ และได้รับเงินเดือนเท่าเดิม เหอซิ่งมีความสุขมาก “เฮ้อ! ในที่สุดก็มีงานทำสักที”
ลี่หรงยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ต้องทำงานหนักขึ้นซะแล้วนะคะ”
“จะเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าไม่ทำงาน แล้วจะเอาเงินมาจากไหนกันล่ะ หลังจากทำงานในกลุ่มมาหนึ่งปี เงินที่ได้ก็ยังไม่มากเท่าทำงานกับเธอสักสองสามเดือนเลย แล้วฉันยังต้องส่งเอ้อร์หนิวไปโรงเรียนเดือนกันยายนนี้ด้วย”
หมูในฟาร์มสุกรของจ้าวชิงซงถูกนำมาเลี้ยงช้า ทำให้ยังไม่โตตามมาตรฐานการเชือด ระหว่างนี้จึงยังไม่สามารถจัดหาเนื้อหมูให้หญิงสาวได้
จ้าวชิงซงจึงไปหาช่องทางอื่น เพื่อซื้อหมูมาให้ลี่หรง
ลี่หรงเลือกซื้อเป็ดมามากมาย ทำให้ดูเหมือนร้านขายพะโล้ของคนรุ่นหลัง
ขณะเดียวกัน ก็มีการพัฒนาสูตรปีกเป็ดและตีนเป็ดให้มีรสชาติหลากหลาย
ระหว่างที่หญิงสาวทำงาน เธอมักจะวางเจ้าตัวน้อยไว้บนเปลไม้ไผ่ที่จ้าวชิงซงทำขึ้นมา ถ้าเจ้าตัวเล็กไม่ยอมนอน เธอก็จะแบกเขาไว้ด้านหลัง
เด็กน้อยนอนหลับบนหลังแม่ ดูดนิ้วพลางเป่าฟองน้ำลายอย่างเชื่อฟัง ไม่ร้องไห้งอแง
ช่างน่ารักน่าชัง
ในวันนั้นจ้าวชิงซงกลับมาแต่หัวค่ำ พ่อแม่ลูกอาบน้ำเร็ว ก่อนมานอนด้วยกันบนเตียงเตา
เด็กน้อยนอนหงาย มองใบหน้าใหญ่ทั้งสองที่กำลังมองเขาอยู่ แล้วยิ้มอย่างร่าเริง
เด็กน้อยสี่แขนขาชี้ขึ้นฟ้า สักพักก็ยัดกำปั้นตัวเองเข้าไปในปาก
เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างไหวไปมา เมื่อถูกลี่หรงจับเล่นก็ยิ่งแกว่งไปมามากกว่าเดิม
จ้าวชิงซงชอบส่งเสียงหยอกล้อ พลางจั๊กจี้หน้าอกของเด็กน้อย ทำให้เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะแจ่มใสออกมา
ลี่หรงกับจ้าวชิงซงก็มีความสุขเช่นกัน
สามพ่อแม่ลูกกำลังสนุกสนานกัน
ก่อนเข้านอน ลี่หรงให้นมลูกน้อยอีกครั้ง เขาจะได้หลับสนิท ไม่ตื่นมาร้องงอแงกลางดึก
ลี่หรงที่เลี้ยงลูกเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าหลังจากสามเดือนแรก ลูกน้อยแทบจะไม่วุ่นวายกลางดึกอีกเลย จึงรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกนั้นค่อนข้างเรียบง่าย
เมื่อเธอเล่าให้เหอซิ่งฟัง อีกฝ่ายก็ทำหน้ามุ่ย “แสดงว่าอันอันเป็นเด็กดี ลูกสองคนของฉันร้องโยเยจนไม่มีใครนอนได้เลย… ต่างกันมากเลยทีเดียว”
หลังจากได้ดื่มนมแล้ว เจ้าตัวเล็กก็ถูกจ้าวชิงซงอุ้มพลางลูบหลังเบา ๆ อยู่พักหนึ่ง ไม่นานเขาก็หลับไป
ในขณะที่ลี่หรงกำลังให้นมลูกน้อย จ้าวชิงซงก็มองด้วยจิตใจปั่นป่วน
ความคิดที่ทั้งควรคิดและไม่ควรคิดผุดขึ้นมาในใจ
ทั้งสองห่างหายจากกิจกรรมคู่รักมานานแล้ว
จ้าวชิงซงกำลังหวนนึกถึง
สายตาอันเร่าร้อนที่จ้องมองมาทำให้ลี่หรงรู้สึกร้อนรุ่ม ทั้งสองเคยทำทุกอย่างด้วยกันมาแล้ว หญิงสาวจึงเข้าใจสิ่งที่สายตาของชายหนุ่มต้องการสื่อได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น เมื่อจ้าวชิงซงวางลูกน้อยที่กำลังหลับสนิท ไว้อีกด้านหนึ่งของเตียงเตา ลี่หรงก็ไม่แปลกใจเลย
เมื่อชายหนุ่มแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปหาเธอ ทั้งสองกอดก่ายกันไม่อาจควบคุม
กิจกรรมรักที่ห่างหายไปนาน ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น
……
จากนั้นจ้าวชิงซงก็กอดลี่หรงด้วยความพึงพอใจ ซึ่งทั้งสองยังคงอ้อยอิ่งแนบชิดกัน เขาพูดด้วยความเสียดายว่า “เจ้าเด็กคนนี้ช่างเกะกะจริง ๆ เลยนะครับ”
ลี่หรงตีหน้าอกเขา “เกะกะได้อย่างไรกันคะ แต่คุณอยากได้เองไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้คุณชอบรบเร้าว่าอยากเป็นพ่อคนไม่ใช่เหรอคะ?”
“ผมเองครับ ผมเอง…” จ้าวชิงซงหัวเราะเบา ๆ ก่อนอ้อนวอนหญิงสาว “ขออีกรอบนะครับ”
“อย่าเข้าไปข้างในนะคะ” ลี่หรงเตะเขาเบา ๆ “ฉันไม่อยากท้องลูกคนที่สองเร็ว ๆ นี้”
“ครับผม” จ้าวชิงซงตอบ “ผมได้ยินมาว่าโรงพยาบาลประจำอำเภอ มีอุปกรณ์สำหรับวางแผนครอบครัวให้ฟรี พรุ่งนี้ผมจะไปรับมานะครับ”
ธุรกิจขายพะโล้กำลังเฟื่องฟู ลี่หรงรู้สึกว่าเธอยังมีศักยภาพมากมายที่สามารถพัฒนาได้
แต่เธอนึกภาพไม่ออกว่าเธอจะทำเงินได้อย่างไร หากต้องหลีกเลี่ยงทางการ และหลบเลี่ยงสายตาของคนที่แอบจับตาดูเพื่อเก็งกำไร
จนถึงเดือนตุลาคม จ้าวชิงซงกลับมาจัดหาเนื้อหมูให้กับโรงงานเหล็กอีกครั้ง
ทั้งสองพาลูกน้อยไปเที่ยวอำเภอ เมื่อได้พบกับอู๋จื่อกัง ก็เชิญเขาไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารของรัฐ
ตอนที่ได้เจอลี่หรงเมื่อปีที่แล้ว เธอยังมีท้องโตอยู่ ทว่าตอนนี้หญิงสาวคลอดลูกน้อยออกมาแล้ว
อู๋จื่อกังมีความสุขมาก หลังจากได้หยอกล้อเล่นกับเด็กน้อย “เด็กคนนี้เรียบร้อยมากเลย ไม่เหมือนลูกผมสักนิด เป็นเด็กที่ชอบส่งเสียงดังมากเลยทีเดียว”
จ้าวชิงซงไม่ออกความเห็น “ลูกผมส่งเสียงดังมากตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องแล้วครับ ถ้าออกมาแล้วยังงอแงเสียงดังอีก ก็คงต้องจัดการกันสักหน่อยแล้วครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ” อู๋จื่อกังหัวเราะ จากนั้นจึงเล่าเรื่องซุบซิบให้ลี่หรงและกับสามีฟัง
ลี่หรงเกือบจะเดาได้ตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มเล่า ไม่ค่อยแปลกใจมากนัก
จ้าวชิงซงก็ไม่แปลกใจเช่นกัน เขาเม้มปาก ราวกับว่าเป็นไปตามที่คิดไว้
ในท้ายที่สุดอู๋จื่อกังก็ประหลาดใจ “พวกคุณไม่แปลกใจเหรอครับ กฎการเก็งกำไรไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดอีกต่อไป พวกคนที่แอบทำแบบนี้ ก็เริ่มกระตือรือร้นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
จ้าวชิงซงหัวเราะเบา ๆ “นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ เราพึ่งพาเศรษฐกิจแบบวางแผนมาโดยตลอด มีตั๋วไม่มีเงิน มีเงินกลับไม่มีตั๋ว ควรเปิดกว้างตั้งนานแล้วครับ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ผมจะบอก แต่ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้จะถูกประกาศเมื่อไหร่” อู๋จื่อกังลดเสียงลง “คนคนนั้นกลับไปแล้ว ว่ากันว่าได้ยื่นข้อเสนอไปแล้วด้วย เมื่อการตัดสินใจประเด็นนี้ผ่าน มันจะเป็นข่าวดีสำหรับประชาชน สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณตอนนี้คือ ผมหวังว่าพวกคุณจะเตรียมพร้อมให้ดี เมื่อนโยบายนี้เปิดใช้ จะได้มีเงินลงทุนครับ”
ลี่หรงและจ้าวชิงซงมองหน้ากันแล้วยิ้ม “พวกเราเตรียมพร้อมเสมอค่ะ”
“โรงงานได้จ้างคนงานเพิ่ม อาหารบางอย่างเลยยังไม่เพียงพอ คงต้องยุ่งกับการหาแหล่งวัตถุดิบไปทั่วเลยครับ” ผู้จัดการอู๋พลั้งปากบ่น
[1] การอยู่เดือน คือ การให้คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกได้พักฟื้น ปรับสมดุลร่างกาย และพักผ่อนอยู่บ้านเป็นเวลา 1 เดือน
MANGA DISCUSSION