บทที่ 51 แบ่งเงินปันผลสิ้นปี เงินฝากของครอบครัวเกินหนึ่งหมื่นหยวน
เพราะร่วมมือกับโรงงานเหล็ก ฟาร์มสุกรจึงมีรายได้ก้อนใหญ่
จ้าวชิงซงก็ไม่ได้ชักช้าแต่อย่างใด เมื่อเงินถึงมือก็รีบไปซื้อยาฉีดทันที
เมื่อเห็นคนเลี้ยงหมูฉีดยาให้ลูกหมูทีละตัว จ้าวชิงซงก็ปล่อยวางสิ่งที่คิดมานานหลายวันได้ในที่สุด
เจิ้งเต๋อหยางคาดการณ์ไว้ไม่ผิด หลังจากเข็มที่สอง ลูกหมูก็ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ความอยากอาหารก็กลับมาเป็นปกติ
เหล่าหุ้นส่วนพลันฉีกยิ้มกันถ้วนหน้า
จ้าวซิงหยางและเหอซิ่งสองสามีภรรยาช่วยงานลี่หรง ทำให้ที่ผ่านมามีเงินออกจำนวนหนึ่งแล้ว ช่วงเดือนกันยายนก็พอที่จะส่งต้าหนิวไปเรียนประถมหนึ่งที่โรงเรียนได้แล้ว
ต้าหนิวขยันขันแข็ง เมื่อเลิกเรียนก็แบกกระเป๋าผ้ากลับบ้านพร้อมตะโกนด้วยใบหน้าผอมเกรอะกรังมีแต่เหงื่อว่า “ผมเลิกเรียนแล้ว จะรีบทำการบ้านเลยครับ”
ตอนนี้เข้าสู้ช่วงฤดูหนาว กลางวันเริ่มสั้นลง ที่ทำงานและโรงเรียนก็เลิกเร็วเช่นเดียวกัน
ลี่หรงปรายตามองนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนฟ้าจะมืด คาดว่าจ้าวชิงซงคงกำลังเดินทางกลับ เธอจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปหุงข้าว
หลังตั้งครรภ์เกือบห้าเดือน ท้องของลี่หรงก็เห็นได้ชัดมากขึ้น เมื่อวางข้าวลงไปก็เป็นอันเรียบร้อย เธอคอยเฝ้ามองอยู่ที่ประตูครัว ส่วนต้าหนิวใช้ม้านั่งนั่งทำการบ้านอยู่ที่ประตูโถง
ต้าหนิวอยากทำการบ้านให้เสร็จก่อนค่ำ เพราะเมื่อฟ้ามืดจะต้องจุดน้ำมันก๊าด นั่นนับเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น
ประตูโถงยังพอมีแสง จึงทำตรงนั้นได้
อีกอย่างด้านในประตูลมหนาวไม่สามารถพัดผ่านเข้ามาได้ เด็กชายจึงไม่ต้องทนหนาว
ลี่หรงเดินเข้าไปหาหลานชาย “ทำการบ้านเหรอต้าหนิว”
“อื้ม” ต้าหนิวไม่แม้แต่จะเงยหน้า เห็นเพียงมือเล็กที่จับปลายดินสอกำลังเขียนอักษรตัวใหญ่บนสมุด
ไม่รู้ว่าดินสอแท่งนี้ใช้มานานแค่ไหนแล้ว ถึงเหลือขนาดเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็มองไม่เห็นว่าเขาจับดินสออยู่ด้วยซ้ำ เดิมทีก็มองไม่เห็นด้ามดินสอยาวออกมาเลย
ลี่หรงถามด้วยรอยยิ้ม “ไปเรียนสนุกไหม?”
“สนุกมากครับ!”
ลี่หรงยิ้มอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย ก่อนกลับเข้าครัว ด้วยไม่อยากรบกวนเขาตอนทำการบ้านแล้ว ขณะกำลังเดินกลับ ก็ได้ยินต้าหนิวเรียกหาเธอ
“เป็นอะไรไปเหรอ?”
ต้าหนิวเงยหน้าที่เล็กซูบพร้อมถาม “อาสะใภ้รอง คุณครูที่โรงเรียนพวกเราเป็นยุวชนกันทั้งนั้น อาก็เป็นยุวชนเหมือนกัน ทำไมอาถึงไม่ไปเป็นคุณครูล่ะครับ?”
ลี่หรงพูดไม่ออก “เด็กอย่างเธอนี่นะ ไม่ใช่ว่ายุวชนทุกคนจะได้เป็นคุณครู”
“น้องชายของผมจะออกมาตอนไหนเหรอครับ?” ต้าหนิวมองครรภ์ของลี่หรง ก่อนถามอย่างไร้เดียงสา “พอน้องออกมาแล้ว อาก็จะส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนใช่ไหมครับ?”
หญิงสาวหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “ต้องส่งไปเรียนอยู่แล้วสิ ประมาณปีหน้าก็จะออกมาแล้วล่ะ ว่าแต่ เธอรู้ได้อย่างไรว่าเป็นน้องชาย ไม่ชอบน้องสาวเหรอ?”
ต้าหนิวส่ายหน้า “ผมอยากได้น้องชาย เด็กผู้หญิงน่ารำคาญเกินไป เสี่ยวฮวาแล้วก็เสียวเหม่ยในหมู่บ้านชอบร้องไห้ เห็นแมลงก็ร้องไห้ เห็นงูก็ร้องไห้อีก…”
ลี่หรงคิดในใจว่าถ้าฉันเห็นงูก็อยากร้องไห้เหมือนกัน เธอพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เหอฮวาก็เป็นเด็กน่ารักมากเลยนะ ทั้งไม่ดื้อไม่ซน แถมขยันขันแข็ง”
ต้าหนิวพยักหน้าเหมือนคิดบางอย่าง “นั่นสิ น้องเหอฮวาดีมากเลย งั้นอาสะใภ้รองคลอดน้องสาวเถอะ ผมจะพาเธอไปจับแมลงในทุ่ง…”
ลี่หรงหน้าเจื่อน “…เธอรีบทำการบ้านให้เรียบร้อยเถอะ”
คืนนี้จ้าวชิงซงกลับมาช้าหน่อย เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นจากการเดินทาง ไม่รู้ว่ากลับมาจากที่ไหน
ลี่หรงได้กลิ่นที่ติดตัวเขา เทียบกับที่ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่ในฟาร์มเลี้ยงหมูทั้งวันยังไม่ได้เลย เมื่อเขากลับถึงบ้านจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
ลี่หรงทำอาหารให้ชายหนุ่ม จ้าวชิงซงจึงรับชามตะเกียบมาพร้อมพูด “คุณไม่ต้องเตรียมให้ขนาดนี้ก็ได้ครับ แค่ส่วนของคุณก็มากพอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงผมก็ได้ครับ ผมทำเองได้ ท้องของคุณใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ผมไม่ได้ดูแลภรรยาก็แย่พออยู่แล้ว แต่ยังให้ภรรยามาดูแลผมอีก”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ฉันอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ขยับตัวเยอะหน่อยจะได้ดีต่อลูกนะคะ จริงสิ ทำไมคืนนี้คุณถึงกลับช้าขนาดนี้ล่ะ?”
“วันนี้ผมไปดูแม่ไก่มา กำลังหาแม่ไก่แก่*[1] ตัวใหญ่หน่อยกลับมาเลี้ยง เอาไว้ข้างฟาร์มเลี้ยงหมู เก็บไว้ให้คุณกินตอนอยู่ไฟหลังคลอด”
“คุณช่างดีจริง ๆ เลย” ลี่หรงพลันรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา
เมื่อถึงสิ้นปี จ้าวชิงซงจะยุ่งเป็นพิเศษ ทำงานนอกบ้านทั้งวัน หิมะจะตกหนักสักกี่รอบ เขาก็ยังคงกินอาหารเช้าให้เสร็จก่อนออกไปทำงานโดยไม่หวั่น แล้วค่อยกลับบ้านมาตอนฟ้ามืด
ลูกหมูป่วยกลุ่มนั้น ภายหลังจ้าวชิงซงก็ออกเงินทุนจำนวนมากไปซื้ออาหารสัตว์ ให้อาหารหมูที่มีโภชนาการครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น
หลังจากลูกหมูกลับมาอยากอาหาร ก็กินได้มากเป็นพิเศษ
ในที่สุดจากที่กินกันจนอ้วนท้วนแข็งแรง ก็ถึงเกณฑ์มาตรฐานสามารถส่งเชือดได้แล้ว
จ้าวชิงซงจึงโล่งใจขึ้นมาก
หลังจากได้ร่วมงานกับอู๋จื่อกัง ช่องทางการขายของฟาร์มสุกรก็เพิ่มขึ้นมาอีกทางตามพื้นฐานของ ‘ตลาดเสรี’
จ้าวชิงซงรู้แหล่งที่มาอาหารของโรงงานเหล็กหน่วยงานสาธารณะเหล่านี้ดีว่า มีจำนวนที่กำหนดไว้เหมือนกับตั๋วแลกอาหารของพลเรือน
ส่วนเรื่องที่ทำไมอู๋จื่อกังถึงทำการค้ากับเขา แม้จ้าวชิงซงจะไม่เคยถาม ทว่าเขารู้ดีว่าในกระบวนการนี้คงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากแน่นอน
ความร่วมมือในระยะเวลานานเป็นเรื่องดีสำหรับจ้าวชิงซง ขณะเดียวกันในใจเขาก็รำลึกถึงความช่วยเหลือจากอู๋จื่อกังในตอนแรกไว้เสมอมา ถ้าไม่ใช่เพราะโรงงานเหล็ก ฟาร์มเลี้ยงหมูของเขาก็คงไม่อาจยืนหยัดได้เร็วขนาดนี้แน่นอน
ดังนั้นก่อนตรุษจีน แม้จะมีการขึ้นราคาเนื้อหมูเกิดขึ้น ทว่าจ้าวชิงซงก็ยังคงให้ราคาเดิมกับโรงงานเหล็กเช่นเดิม
อู๋จื่อกังชื่นชมการตัดสินใจของจ้าวชิงซง ทั้งสองติดต่อค้าขายกันเป็นเวลานาน จนเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องคนหนึ่งได้เลยทีเดียว
หลังจากการปฏิรูปเปิดกว้าง อู๋จื่อกังก็เชื่อมั่นกว่าเดิมว่าตนมองคนไม่ผิด
แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้เอาไว้ว่ากันทีหลัง
ในที่สุดจ้าวชิงซงก็เอาหมูที่เลี้ยงมาเป็นอย่างดีส่งเชือดอย่างราบรื่น
กลุ่มหมูที่ขายให้โรงงานเหล็กในตอนนั้น จ้าวชิงซงก็ให้ราคาไม่ต่างจากที่ขายให้เจ้าอื่นเท่าไร ดังนั้นจึงถือว่าราคาหมูกลุ่มนั้นไม่ได้ขาดทุนมากนัก
หมูก่อนหน้านี้ จ้าวชิงซงรับผิดชอบทั้งอาหารลูกหมู ค่าจ้างหุ้นส่วน และค่าใช้จ่ายฟาร์มสุกร
เรื่อยมาจนตอนนี้สามารถส่งหมูที่ได้มาตรฐานไปเชือดขายได้แล้ว เงินที่ขายได้ล้วนเป็นกำไรทั้งสิ้น
จ้าวชิงซงเร่งคิดคำนวณบัญชีให้เสร็จในปีที่แล้ว แล้วแบ่งเงินปันผลให้เจิ้งเต๋อหยางและคนอื่นตามจำนวนหุ้น
จำนวนหุ้นที่สวีฟู่ครอบครองมีน้อยที่สุด ทว่าก็ได้เงินมาสี่พันกว่าหยวน
เขาตกตะลึง พลันหยิบเงินกำหนึ่งมานับไม่หยุด นับประมาณสามรอบกว่าจะยอมเชื่อ เขากลืนน้ำลาย “พี่จ้าวครับ เงินนี่เยอะมากเลย จำนวนหุ้นของผมแบบนี้ก็ได้มาตั้งสี่พันกว่า งั้นพี่กับพี่เจิ้งไม่เกินหมื่นเลยเหรอ?”
เจิ้งเต๋อหยางกับจ้าวชิงซงยิ้ม
จำนวนหุ้นของเจิ้งเต๋อหยางมากที่สุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ภายหลังโม่เซิงกับพี่เหยียนถอนตัวออก จ้าวชิงซงจึงครอบครองจำนวนหุ้นบางส่วนแทน ตอนนี้จึงมีจำนวนหุ้นเท่ากับเจิ้งเต๋อหยาง
ดังนั้น เงินส่วนแบ่งของทั้งสองจึงเท่ากัน
ทว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าหนึ่งหมื่น
จ้าวชิงซงส่ายหน้า “มีเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน เจ็ดพันกว่า ๆ เอง”
เขาบอกสวีฟู่อย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างจริงจัง “ปีนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น รอปีหน้าก่อนเถอะ พวกเราจะหาเงินให้ได้มากว่าเดิมอีก”
สวีฟู่ถูกเงินกระทุ้งจนเลือดเดือดพล่าน “ปีหน้าผมก็จะยังทำกับพี่!”
เจิ้งเต๋อหยางตบหลังสวีฟู่ “เป็นอะไรน่ะ พวกเราร่วมหุ้นกัน ไม่ใช่ซื้อขายกันครั้งเดียว ปีหน้าพวกเราก็ยังเป็นเถ้าแก่ฟาร์มสุกรอยู่นะ!”
จ้าวชิงซงกลับบ้านพร้อมกับเงินถุงหนึ่ง
ขณะกินอาหาร เขาก็คิดอยู่ตลอดว่าภรรยาจะทำท่าดีใจแบบไหนเมื่อเห็นเงินก้อนนี้
หลังเช็ดตัวเสร็จก็สวมเสื้อที่สะอาด
จ้าวชิงซงหยิบถุงผ้าออกมา
ลี่หรงถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เงินที่หาได้จากการเลี้ยงหมูเหรอคะ?”
เธอนั่งอยู่บนเตียงเตาแสนอบอุ่น โอบถุงพร้อมนับเงิน “โอ้สวรรค์! ทำไมคุณถึงหามาได้เยอะแยะขนาดนี้คะ?”
[1] ไก่แก่ คือ เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่มาแล้วหลายครั้ง ตัวจะมีขนาดใหญ่ กระดูกแข็ง เนื้อเหนียว แต่มีรสหวาน
MANGA DISCUSSION