ตอนที่ 50 พบผู้จัดการโรงงานเหล็กอีกครั้ง
จ้าวชิงซงไม่เคยเห็นซ่งเสี่ยวซานเป็นแบบนี้ จึงยกเท้าเตะอีกฝ่าย “เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมต้องทำหน้าเหม่อแบบนั้นด้วย”
ซ่งเสี่ยวซานก้มหน้าลง แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นอะไรไปน่ะเหรอ พี่ชิงซง… มีปัญหาเกิดขึ้นกับฟาร์มสุกรของพี่ แต่พี่ก็ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากผมเลย แม้ว่าผมจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่ก็ทำงานร่วมกับพี่มานาน จนเก็บเงินได้มากแล้ว”
ซ่งเสี่ยวซานล้วงมือเข้าไปหยิบของในกางเกง เผยให้เห็นถุงผ้าหนา ๆ ที่วางลงบนโต๊ะ
จ้าวชิงซงขมวดคิ้ว “จะทำอะไรน่ะ?”
ซ่งเสี่ยวซานเปิดถุงผ้า แล้วพูดว่า “นี่คือเงินเกือบพันหยวน พี่รับไปเถอะ”
จ้าวชิงซงเก็บถุงผ้า แล้วยัดกลับเข้าไปในมือของซ่งเสี่ยวซาน “ฉันจะขอเงินนายได้อย่างไรกัน ตัวเองก็แต่งงานมาระยะหนึ่งแล้ว อีกไม่นานภรรยาของนายก็คงจะตั้งท้อง ยังจำเป็นต้องใช้เงินมากมาย เอามันกลับไปเถอะ เงินเพียงเล็กน้อยนี้ช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก ไม่ต้องกังวล ฉันมีวิธีแก้ไขแล้ว”
ซ่งเสี่ยวซานไม่ได้พูดอะไร
จ้าวชิงซงตบไหล่เขา “เถอะน่า เชื่อใจฉันแล้วกลับไปเถอะนะ”
หลังจากที่ซ่งเสี่ยวซานจากไป จู่ ๆ ลี่หรงก็เดินออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากลี่หรงตั้งครรภ์ จ้าวชิงซงได้เตือนภรรยาให้เดินช้าลง เมื่อเห็นเธอเดินเร็วขนาดนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว ก่อนรีบก้าวเข้าไปกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน “ทำไมคุณถึงเดินเร็วแบบนี้ล่ะครับ?”
ลี่หรงคว้าแขนของจ้าวชิงซง แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันคิดวิธีได้แล้วค่ะ!”
จ้าวชิงซงพาภรรยากลับเข้าไปในห้อง แล้วขอให้เธอนั่งลงก่อนถามว่า “วิธีอะไรเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณขาดเงินหรอกเหรอคะ คุณอยากขายหมูให้ได้เยอะขึ้น เพื่อหาเงินใช่ไหมคะ?” ลี่หรงยิ้ม “ยังจำคนที่มาซื้อสูตรพะโล้ของฉันเมื่อก่อนได้ไหม เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายขนส่งสินค้าของโรงงานเหล็กลู่ซาน โรงงานเหล็กที่มีคนงานนับหมื่นคน จะต้องกินเนื้อหมูมากแค่ไหนทุกวัน ถ้าเขาเต็มใจรับซื้อ ไม่เพียงแต่หมูของคุณจะขายได้เท่านั้น แต่ยังขายได้ในราคาดีอีกด้วย!”
สีหน้าของจ้าวชิงซงเปลี่ยนไป นี่เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ
แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะยอมรับหมูของพวกเขาไหม และการพูดคุยธุรกิจกันคงเป็นการเผยปัญหาที่จ้าวชิงซงกำลังเผชิญอยู่แน่นอน
พวกเขาไม่สนิทกับชายคนนั้นมากนักจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับประกันว่าจ้าวชิงซงจะไม่ถูกรายงานเรื่องนี้ออกไป
จ้าวชิงซงบอกลี่หรงถึงข้อกังวลนี้
ลี่หรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เขาเป็นผู้จัดการตำแหน่งใหญ่ และยังคงไปที่ ‘ตลาดเสรี’ เพื่อซื้อของต่าง ๆ ถ้างั้นฉันจะลองคุยกับเขาในวันพรุ่งนี้นะคะ”
อู๋จื่อกังขอซื้อสูตรพะโล้ของลี่หรง เพื่อให้คนในโรงงานเหล็กได้กินอาหารที่ดีขึ้น ลี่หรงคิดว่าผู้จัดการฝ่ายขนส่งสินค้า อาจพิจารณาให้ความร่วมมือ
แม้ว่าอู๋จื่อกังจะไม่เห็นด้วย แต่เขาคงจะไม่รายงานเรื่องนี้แน่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดทั้งหมดของลี่หรง
ส่วนใจคนจะเป็นเช่นไร ก็ยากจะหยั่งถึง
สิ่งสำคัญคือนี่เป็นวิธีเดียวในตอนนี้ ไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูครับ” จ้าวชิงซงจับท้องของลี่หรง “ผมจะไปในเมืองกับคุณพรุ่งนี้ แล้วคุณจะตามหาชายคนนั้นเจอได้ยังไงเหรอครับ?”
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองได้นั่งเทียมเกวียนวัวไปยังที่ว่าการอำเภอ
แม้ว่าลี่หรงจะรู้ว่าอู๋จื่อกังอยู่ที่โรงงานเหล็กลู่ซาน แต่ก็ไม่คิดจะไปหาเขาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ก่อนอื่นเธอไปที่สหกรณ์ เพื่อค้นหาสถานที่สำหรับคุยโทรศัพท์
ก่อนหน้านี้ ‘นามบัตร’ ที่อู๋จื่อกังมอบให้กับลี่หรง มีหมายเลขโทรศัพท์สำนักงานของเขาเขียนอยู่
หลังจากกดหมายเลขแล้ว ก็มีเสียงบี๊บตามมาสองสามครั้ง ก่อนที่ปลายสายจะรับสาย
เมื่อลี่หรงได้ยินเสียงชัดเจนแล้ว เธอก็รู้ว่านี่คืออู๋จื่อกัง ก่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้จัดการอู๋ ฉันลี่หรงเองค่ะ”
ลี่หรงอธิบายจุดประสงค์ในการโทรไปสั้น ๆ และคนที่อยู่ปลายสายก็เงียบไป
หัวใจของลี่หรงเต้นรัว เธอมองจ้าวชิงซงด้วยสีหน้าลุ้นระทึก
ยิ่งความเงียบกินเวลานานเท่าไหร่ จ้าวชิงซงและภรรยาก็ยิ่งกดดันมากขึ้นเท่านั้น
ลี่หรงเกือบจะสิ้นหวังและกำลังจะพูดว่า ‘รบกวนด้วยค่ะ’ แต่ก็ได้ยินอีกฝ่ายถามว่า “พวกคุณรีบไหมครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
ลี่หรงรู้สึกราวกับว่าคอที่ถูกรัดคลายออกแล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึก “ ฉันหวังว่าจะจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดค่ะ ตอนนี้ฉันกับสามีอยู่ที่สหกรณ์ หากคุณสะดวก พวกเราจะไปหาคุณในทันทีค่ะ”
อู๋จื่อกังไม่ปล่อยผ่าน ก่อนบอกให้พวกเขาไปหาที่รอในสหกรณ์
เกือบยี่สิบนาทีต่อมา อู๋จื่อกังก็ขี่จักรยานมาถึงสหกรณ์ มองปราดเดียวก็เห็นลี่หรงกับสามี
เขาโบกมือให้ตั้งแต่ยังไม่ลงจากจักรยาน เมื่อเท้าแตะพื้นก็เชิดคางขึ้น “เราไปคุยกันตรงนั้นเถอะครับ”
ทั้งสามมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่นอกตรอก ซึ่งมีเกวียนวัวของจ้าวชิงซงจอดอยู่
ปลอดจากผู้คน
อู๋จื่อกังเริ่มพูดก่อนว่า “ความจริงเราควรจะไปพูดคุยกันที่ร้านอาหารของรัฐ แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่งมาก เพราะจะมีการประชุมขึ้นหลังจากนี้ ดังนั้นเรามาคุยกันที่นี่เลยดีกว่าครับ”
ลี่หรงยิ้มอย่างรู้สึกผิด แล้วพูดว่า “เรามีเรื่องจะรบกวนคุณ ดังนั้นเราควรเป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารค่ำค่ะ คุณยุ่งมากแต่ยังยอมสละเวลามาพบ เท่านี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” อู๋จื่อกังยิ้ม “คุณผู้หญิง ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี”
ลี่หรงดึงชายเสื้อของจ้าวชิงซง แล้วพูดว่า “นี่คือสามีของฉันค่ะ เขามีธุระที่อยากคุยกับคุณ”
ลี่หรงพูดให้เห็นภาพรวมก่อน แล้วจ้าวชิงซงจึงค่อยเพิ่มรายละเอียด
พวกเขาทั้งสองได้เตรียมคำพูดมาจากที่บ้านแล้ว ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองจนเกินไป
ทำให้ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สิ้นหวัง จนต้องมาขอความร่วมมือ เพราะไม่มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ
อู๋จื่อกังถามว่า “คุณมีหมูอยู่เท่าไหร่ครับ?”
จ้าวชิงซงบอกจำนวน
นั่นนับว่ามากทีเดียว
อู๋จื่อกังมองจ้าวชิงซงด้วยความตกใจ “โอ้โห! น้องชาย คุณกล้าทำธุรกิจใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ”
จ้าวชิงซงยิ้ม “ค่อนข้างต้องใช้ความกล้าพอสมควรเลยครับ แต่ผมแน่ใจว่าหมูเหล่านั้นมีสุขภาพดี เราไม่ได้ให้หมูกินน้ำเยอะ แต่ให้อาหารที่สมบูรณ์ครบถ้วนแทน หมูจึงแข็งแรงดีครับ”
อู๋จื่อกังพยักหน้า “พวกคุณไม่ใช่คนอ้อมค้อม ดังนั้นผมจะบอกตามความจริง ปริมาณเนื้อที่โรงงานเหล็กจะน้อยลงในช่วงปลายปี และผมจะไม่ปกปิดว่าตอนนี้เนื้อในโรงอาหารมีน้อยลงแล้ว และคนงานเองก็กินอาหารได้น้อยลง ทำให้ไม่ค่อยมีแรงทำงาน จึงเป็นปัญหาปัจจุบันในโรงงานพอดีครับ”
ลี่หรงกับสามีฟังเงียบ ๆ
อู๋จื่อกังมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ แล้วพูดว่า “ผมกำลังคุยกับหัวหน้าเกี่ยวกับเรื่องออกไปซื้อเนื้อข้างนอกพอดีครับ”
เขากำหมัดแล้วกระแอม “อะแฮ่ม! ผมจะบอกพวกคุณว่า ผมไม่กลัวว่าพวกคุณขึ้นราคาหรอก เพราะเราได้เตรียมช่องทางซื้อหลายช่องทางไว้แล้วครับ”
จ้าวชิงซงกล่าว “นั่นเป็นเรื่องปกติครับ แต่เนื่องจากผู้จัดการเต็มใจที่จะออกมาพบก็คงต้องมีความคิดที่จะร่วมมือกับเราอยู่แล้ว ราคาที่ฟาร์มสุกรที่จะขายให้คุณ ไม่ใช่ราคาต่ำสุด เพราะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม ด้วยหมูของผมแต่ละตัวมีน้ำหนักมากกว่าร้อยจิน ตรงตามมาตรฐานสำหรับการเชือดแน่นอนครับ”
อู๋จื่อกังพูดอย่างใจเย็น “คุณจะเสนอราคาเท่าไหร่เหรอครับ?”
จ้าวชิงซงยกนิ้วบอกจำนวน
อู๋จื่อกังต่อรองราคา จ้าวชิงซงกล่าวว่า “ผู้จัดการ คุณรับผิดชอบฝ่ายขนส่งสินค้า ผมเชื่อว่าคุณต้องซื้อเนื้อเยอะมากแน่ ราคาที่ผมตั้งไว้นั้นไม่แพงมากจนเกินไป เลยทำให้ไม่สามารถลดราคาลงไปได้อีกครับ”
อู๋จื่อกังยิ้ม “ใครจะทำข้อตกลงด้วยการเสนอราคาเดียวกันล่ะ ถ้าถูกลงกว่านี้ พวกเราจะรับหมูของคุณจำนวนเยอะมากขึ้นด้วยนะครับ”
จ้าวชิงซงยังคงปฏิเสธที่จะยอมแพ้
ยืนยันว่าราคาที่ตั้งไว้เป็นราคาต่ำสุดอยู่แล้ว
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เขาแสดงความจริงใจอย่างที่สุด และให้ราคาที่เหมาะสม
ลี่หรงมองอย่างใจจดใจจ่อ เป็นไปได้ไหมว่าเธอตกหลุมรักผู้ชายโง่เขลา?
ไม่รู้จักวิธีเสนอราคาที่สูงไว้ก่อน แล้วจึงลดราคาลงทีหลังหรือ?
อู๋จื้อกังหัวเราะ “หนุ่มสาวทั้งสอง งั้นไว้พวกคุณค่อยไปที่สำนักงานของผมเพื่อเซ็นสัญญานะครับ”
ลี่หรงมีความสุขมาก รีบจับมือของจ้าวชิงซงด้วยความดีใจโดยไม่พูดอะไร
จ้าวชิงซงก็ดีใจไม่แพ้กัน และจับมือของอีกฝ่ายไว้แน่น
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ทั้งสองฝ่ายก็เจรจากันสำเร็จ
วันนี้ท่ามกลางสายลมเย็นใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมด้วยเกวียนวัวและจักรยาน ทั้งสามคนได้เจรจาความร่วมมือกัน
เกิดเป็นความประทับใจกันไม่รู้ลืม
MANGA DISCUSSION