ตอนที่ 48 คืนเงิน แบ่งหุ้นใหม่
“คงต้องเป็นอย่างนั้นครับ” จ้าวชิงซงจะไม่เข้าใจสิ่งที่ลี่หรงพูดได้อย่างไร เขากล่าวว่า “ผมจะคิดหาวิธีอื่น หากสุดท้ายแล้วยังไม่ได้ผล ผมค่อยเอาเงินของครอบครัวไปใช้จ่าย”
ลี่หรงตอบเบา ๆ ว่า “อืม”
จ้าวชิงซงกอดลี่หรงแล้วจูบเธอ พลันรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา เขาพูดว่า “ขอโทษนะครับที่รัก คุณต้องเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว ถ้าเกิดแก้ไขไม่ได้จริง ๆ”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “หลังจากเอาเงินของครอบครัวไปแล้ว ผมสัญญากับคุณว่าจะทำให้ดีที่สุด ฤดูใบไม้ผลิหน้าตอนลูกของเราเกิดมา ผมจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกต้องลำบาก”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ อย่าเครียดเกินไปเลย ทุกปัญหาย่อมมีทางออก”
“อืม ผมคิดถึงคุณมาก… ภรรยาของผม” จ้าวชิงซงลูบหลังเธอ “นอนเถอะครับ”
อาจเป็นไปได้ว่าจ้าวชิงซงได้เรียกพันธมิตรสองสามคนมาประชุมเล็ก ๆ พวกหุ้นส่วนบางคนเริ่มกังวลว่าธุรกิจจะไม่ทำเงิน จิตใจพวกเขาจึงเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ต้องรอถึงสองวัน โม่เซิงซึ่งคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามันจะไม่รอดแน่ เขาจึงตัดสินใจถอนตัวออกจากกลุ่ม
หากจ้าวชิงซงดื้อรั้นไม่ยอม ก็ปล่อยให้เขาทำงานเอง โม่เซิงไม่อยากทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ในตอนแรกมันเป็นเรื่องของการเลี้ยงและขายหมูเพื่อหารายได้
ทว่าตอนนี้หมูล้มป่วยจนเกือบจะตายหมดแล้ว โม่เซิงกลัวว่าสุดท้ายตนจะไม่ได้อะไรเลย
โม่เซิงวางแผนรอบคอบ เพราะตนไม่ต้องการจากไปเพียงคนเดียว จึงยุยงพันธมิตรคนอื่น ๆ อีกหลายคน
บางคนปฏิเสธการข้อเสนอแนะของเขาอย่างเด็ดขาด แล้วกล่าวว่า “ฉันเชื่อในตัวเหล่าจ้าว เรื่องนี้จะคลี่คลายได้ อย่าเพิ่งถอนใจเร็วนักเลย ยังไงฉันก็จะไม่ถอนตัวหรอก”
โม่เซิงรู้สึกราวคนเหล่านี้ถูกจ้าวชิงซงล้างสมอง เขาจะมีวิธีแก้ปัญหาได้สักแค่ไหนเชียว บัญชีของฟาร์มสุกรยังคงติดลบอยู่เลย
ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะต้องชดใช้
มีคนหนึ่งลังเล แต่ก็ไม่คิดอยากถอนตัว
โม่เซิงฉวยโอกาสโน้มน้าวชายคนนั้นอย่างสุดกำลัง ในที่สุดชายคนนั้นก็กัดฟันพูดว่า “ฉันขอถอนเงินคืนตอนนี้เลยได้ไหม?”
โม่เซิงพยักหน้า “นั่นต้องได้แน่นอน เหล่าจ้าวคงจะไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยก็สามารถเอาเงินจำนวนนั้นกลับมาได้”
ทั้งสองคำนวณกันสักพัก ก่อนไปหาจ้าวชิงซง
ความเป็นจริงส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดของฟาร์มสุกรเป็นของเจิ้งเต๋อหยาง เมื่อพวกเขาเข้ารับช่วงต่อ เจิ้งเต๋อหยางก็จะได้รับเงินมากที่สุดเช่นกัน
หุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองเป็นของจ้าวชิงซง
เขาลงทุนเป็นเงินจำนวนมาก และยังใช้ความพยายามอย่างมากในการบริหารกิจการนี้
เขายุ่งอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างในฟาร์มสุกร
แม้ว่าเจิ้งเต๋อหยางจะจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก แต่จ้าวชิงซงยังคงมีเงินเดือนสำหรับการทำงานแบ่งเงินให้ เมื่อรวมกันแล้วเป็นคนจำนวนมากทีเดียว
โม่เซิงพาคนไปที่บ้านของจ้าวชิงซง
มันไม่ใช่บ้านด้วยซ้ำ เป็นเพียงกระท่อมเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นในฟาร์มสุกร เพื่อเอาไว้ใช้พูดคุยหารือเรื่องต่าง ๆ และเพื่อให้จ้าวชิงซงตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่นี่
เรียกได้ว่าเป็นสำนักงานขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
“พี่โม่ พี่หยาน ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?” ไม่น่าแปลกใจที่จ้าวชิงซงรู้สึกประหลาดใจ นอกจากตอนแบ่งเงิน คนเหล่านี้ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ
โม่เซิงรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นไม่ค่อยมีศีลธรรม แต่ก็ทำได้แค่เผยรอยยิ้มประจบประแจง “เหล่าจ้าว วันนี้เรามีเรื่องจะบอกน่ะ”
จ้าวชิงซงหยิบดินสอมาเขียนบนกระดาษ พลางดีดลูกคิดในมืออย่างรวดเร็ว โดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนก้มหน้าลงแล้วพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “พี่โม่ ถ้ามีเรื่องที่ผมช่วยได้ก็บอกมาเลยครับ”
“นั่นสินะ” โม่เซิงถูมือไปมาแล้วมองไปยังคนที่ชื่อว่าพี่หยาน “สหาย พอดีว่าที่บ้านมีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ มันเลยค่อนลำบากที่จะพูดออกมา”
จ้าวชิงซงขมวดคิ้ว สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอบ่าง
เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่ต้องการความช่วยเหลือจากผมหรือเปล่า?”
“ไม่ต้อง ๆ” โม่เซิงโบกมือ “พอคิดดูแล้ว ทุกอย่างล้วนเกี่ยวกับเงิน อย่างที่รู้กัน เงินทั้งหมดของผมถูกเอามาลงทุนทำฟาร์มสุกรหมดแล้ว เลยอยากจะบอกเหล่าจ้าวว่าผมอยากจะขอถอนตัว แล้วเอาเงินส่วนนั้นกลับไปใช้แก้ปัญหาที่บ้านน่ะ”
เมื่อพูดเช่นนี้ จ้าวชิงซงก็รู้ว่าเพื่อนหลายคนเอาเงินเก็บมาลงทุนกับฟาร์มหมดแล้ว
แต่ในช่วงเวลานี้ ฟาร์มสุกรก็ผลิตหมูได้จำนวนมาก และมีแบ่งเงินปันผลหลายครั้ง แม้ว่าจะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หุ้นส่วนประสบปัญหาเรื่องขาดแคลนเงินแม้แต่น้อย
จ้าวชิงซงไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้เลย เขารู้ว่าเรื่องปัญหาเรื่องที่บ้านนี้เป็นเพียงข้ออ้าง จริง ๆ แล้วเขาแค่ไม่ต้องการเป็นหุ้นส่วนอีกต่อไป
ในความเป็นจริง จ้าวชิงซงไม่ได้มองโม่เซิงในแง่ดีตั้งแต่แรก
เดิมทีโม่เซิงไม่ได้รับเชิญมาเป็นหุ้นส่วน โม่เซิงเป็นเพียงญาติของอดีตเจ้าของฟาร์มสุกรคนเก่า เขารู้ว่าฟาร์มสุกรกำลังจะถูกเปลี่ยนมือ จึงรีบเข้ามาร่วมหุ้นส่วนด้วยเท่านั้น
ในเวลานั้นจ้าวชิงซงแทบไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน เมื่อคิดว่าเจ้าของฟาร์มคนเก่าช่วยรับประกัน จ้าวชิงซงจึงตอบตกลง เนื่องจากตอนนั้นหุ้นส่วนของเขายังมีไม่มากนัก
แม้ว่าจ้าวชิงซงจะไม่ได้มีเงินมากนัก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เขากลับรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย เพราะคนที่ต้องการเอาเงินออกไป ไม่ได้คำนึงถึงอนาคตของฟาร์มสุกรเลย
แต่ก็ไม่อาจขัดแย้งกับอีกฝ่ายได้
จ้าวชิงซงเหลือบมองทั้งสองอย่างไม่แยแส “พี่หยาน ที่บ้านของคุณก็มีเรื่องเดือดร้อนเหมือนกันเลยต้องการเงินคืนด้วยเหรอครับ?”
พี่หยานคนนี้เป็นเพื่อนที่จ้าวชิงซงรู้จักในกองทัพ เขาได้รับบาดเจ็บที่มือและถูกปลดออกมาในช่วงเวลาเดียวกับจ้าวชิงซง
ตอนแรกจ้าวชิงซงอยากจะมอบความช่วยเหลือให้เขา เพราะเห็นแก่การเป็นสหายในกองทัพด้วยกัน
พี่หยานไม่กล้าสบตาจ้าวชิงซง ก่อนพูดอย่างลังเลว่า “ภรรยาของผมกำลังจะคลอดในอีกสองเดือนข้างหน้า เลยต้องใช้เงินเยอะน่ะ”
จ้าวชิงซงระงับความโกรธแล้วพูดว่า “ผมไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ผมยังต้องหารือกับพี่น้องคนอื่น ๆ ก่อน ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ตอนบ่ายแล้วกันครับ”
พี่หยานกับโม่เซิงมองหน้ากัน แล้วตอบตกลง
ในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น จ้าวชิงซงและหุ้นส่วนอีกหกคนนั่งอยู่รอบโต๊ะไม้ยาวในกระท่อมฟาร์มสุกร
จ้าวชิงซงพูดตรงประเด็น “นั่นเป็นสิ่งที่ผมจะสื่อ นอกจากพี่โม่และพี่หยานแล้ว มีใครบ้างที่ขาดแคลนเงินและต้องการถอนหุ้นบ้างไหมครับ?”
จากสิ่งที่โม่เซิงพูดราวกับจ้าวชิงซงต้องคิดหาข้อแก้ตัวให้พวกเขาด้วยซ้ำ
เจิ้งเต๋อหยางเป็นคนแรกที่พูดว่า “ผมจะไม่ถอนตัวแน่นอน ผมยังเฝ้ารอโอกาสทำเงินอยู่”
อีกสองคนก็แสดงท่าทีเหมือนกัน สุดท้ายก็มีเพียงโม่เซิงและพี่หยานเท่านั้นที่ต้องการถอนตัว
จ้าวชิงซงคำนวณบัญชี เงินที่จะได้รับจากการเลี้ยงสุกรจนถึงเงินที่ได้ร่วมหุ้นลงทุนไป
หากคำนวณทุนเดิมหลังจากช่วงเวลานี้ หากไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เงินลงทุนคืนในจำนวนเท่าเดิม
ในที่สุดจ้าวชิงซงก็ให้เงินคืนตามส่วนแบ่งของพวกเขาไป
ด้วยจำนวนนี้จ้าวชิงซงจึงโล่งใจขึ้นมาก และไม่คิดค่าเสียหายสำหรับการถอนหุ้นก่อนกำหนด
แต่โม่เซิงไม่ค่อยพอใจนัก เพราะมันน้อยกว่าที่เขาลงทุนไปในตอนแรกมาก หากแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้
พี่หยานถอนหายใจแล้วพูดว่า “พี่โม่ อย่าน้อยใจไปเลย เหล่าจ้าวไม่ได้เก็บเงินที่ทำผิดสัญญาก็นับว่าดีแล้ว หากคุณทบเงินนี้กับส่วนแบ่งก่อนหน้า จะไม่ถือเป็นการขาดทุนแน่นอน เราจะหาคนที่คุยด้วยง่ายอย่างเหล่าจ้าวได้ที่ไหนอีก”
เจิ้งเต๋อหยางก็พยามยามโน้มน้าว และในที่สุดโม่เซิงก็ต้องยอม
พี่หยานไม่มีข้อโต้แย้งแน่นอน
ตอนนี้ฟาร์มสุกรมีเงินน้อยมาก ไม่สามารถจ่ายเองจำนวนมากคืนเราได้
ปัญหาใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว
คืนเงินให้หุ้นส่วนสองคนไป จะหาเพิ่มได้ที่ไหนอีก
จ้าวชิงซงกล่าวว่า “เมื่อพวกเขาถอนตัวออกไป ส่วนแบ่งจะที่ว่างเพิ่มขึ้น และหุ้นส่วนจะได้รับส่วนแบ่งตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่นะครับ”
เจิ้งเต๋อหยางไม่ได้คิดจะขอส่วนแบ่งเพิ่มอีกต่อไป จ้าวชิงซงมองชายอีกสองคน “พี่สวี เหล่าซ่ง?”
สองคนหลังจึงรับหุ้นส่วนใหญ่ไป ส่วนจ้าวชิงซงก็รับหุ้นที่เหลือไว้กับตัวเอง
โม่เซิงได้รับเงินแล้วก็รู้สึกมีความสุข ตอนนี้เหลือเพียงรอดูจ้าวชิงซงขาดทุนเท่านั้น!
พี่หยานรู้สึกเหมือนแบกภูเขาไว้ในอก ราวกับว่าตนกำลังคิดผิดเรื่องนี้ไป
MANGA DISCUSSION