ตอนที่ 42 ครอบครัวของผู้เฒ่าหลี่ปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วจากไปด้วยความสิ้นหวัง
“นั่นเป็นญาติห่าง ๆ ของฉันเท่านั้น เขาเป็นผู้จัดการในโรงงาน หลัวปิง…เธอเป็นคนแพร่ข่าวซุบซิบในหมู่บ้านใช่ไหม?”
หลัวปิงหลบสายตาแล้วปฏิเสธ “พูดเรื่องอะไรน่ะ? ฉันไม่รู้เรื่อง เธออย่ามากล่าวหากันนะ”
เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของหลัวปิง ลี่หรงจะเชื่อลงได้อย่างไร
คำพูดเหล่านี้ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงลี่หรงมาจากเธอ!
มีชาวบ้านมากมายที่มาเก็บผักป่าอยู่โดยรอบ แม้จะไม่รู้ว่าพวกเธอพูดอะไร ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนจึงค่อย ๆ รวมตัวกันและมองทั้งสองอย่างโจ่งแจ้ง ราวกำลังเพลิดเพลินกับละครเรื่องหนึ่ง
ดวงตาของลี่หรงฉายแววเป็นประกาย “แล้วทำไมเธอยังต้องมาที่ชนบทอยู่ล่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะหยางเต๋อเป่าไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้วเหรอ? ใช่แล้ว ฉันจำได้แล้ว ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา หยางเต๋อเป่าบอกว่าเขาเลิกกับเธอแล้ว เป็นเพราะเรื่องนี้ ถึงได้แก้แค้นฉันด้วยวิธีนี้หรือเปล่า?”
“เธอ!” หลัวปิงถูกแทงใจดำ ตนรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะลี่หรง หยางเต๋อเป่าจะตีตัวออกห่างจากเธอชัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไร
“อีกอย่างฉันไม่คบกับพวกคนใหญ่คนโตหรอกนะ นั่นเป็นเพียงญาติห่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในโรงงานเหล็กเท่านั้น อย่าพูดอะไรที่ใส่ร้ายชื่อเสียงของฉันอีก ไม่อย่างนั้นถ้ามันกระทบต่องานของเขา เราได้เห็นดีกันแน่!”
ลี่หรงพูดดังขึ้น “ต่อไปหากใครไม่ระวังคำพูดตัวเอง แล้วมาใส่ร้ายฉันอีก จะถือว่าเธอมีปัญหาทางทัศนคติ และต้องถูกส่งไปปรับทัศนคติเสีย!”
มีแต่คนไม่ดีเท่านั้นที่จะถูกส่งไปอบรมปรับทัศนคติ แต่ชาวบ้านไม่ต้องการเช่นนั้น
ฝูงชนมองหน้ากัน แล้วมีคนพูดว่า “กลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องโป้ปดไร้สาระของยุวชนหลัวเหรอ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ตอนนี้รู้แล้ว ยุวชนหลัว… ต่อไปอย่ากล่าวหาคนบริสุทธิ์แบบนี้อีกเลย”
หลัวปิงได้แต่อดกลั้นอารมณ์โมโหของตนไว้ เพราะฝูงชนเหล่านั้นล้วนเชื่อที่ลี่หรงพูด เธอจึงไม่มีโอกาสได้แก้ตัว พลันรู้สึกอับอายกับข้อกล่าวหาจากเหล่าชาวบ้าน
หลังจากนี้หากหลัวปิงพูดอะไร ก็คงจะไม่มีใครเชื่อเธออีกแล้ว
มีคนช่วยเสริม “ใช่แล้ว ยุวชนหลัว แม้ว่ายุวชนหยางจะไม่ต้องการเธอ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้หรอกนะ ชื่อเสียงของหญิงสาวนั้นล้วนสำคัญที่สุด”
“ฉันบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่ายุวชนลี่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่พวกเธอก็ยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่ได้”
“เธอบอกว่าเพิ่งรู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ลี่หรงไม่ฟังสิ่งที่ผู้หญิงเหล่านี้พูดอีก มันไม่ได้สลักสำคัญเลย
สิ่งสำคัญคือหลังจากวันนี้ ลี่หรงเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นหยิบยก ‘ข่าวลือ’ เรื่องนี้ในหมู่บ้านอีก เธอจะได้สามารถแก้ผิดให้ตัวเองได้
วันนี้เรื่องที่หลัวปิงเป็นคนแพร่ข่าวซุบซิบถูกลงโทษแล้ว ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อลี่หรงมาก
เธอมองหลัวปิงที่ถูกรายล้อมไปด้วยชาวบ้านที่กำลังอบรมสั่งสอน ก่อนอุ้มเหอฮวาจากไป โดยไม่สนใจหลัวปิงที่เต้นเร่า ๆ อยู่ข้างหลังสักนิด
ลี่หรงทำเกี๊ยวผักจี้ไฉ่ และทำซุปผักป่าในตอนค่ำ เธอทำเกี๊ยวเยอะมาก และแบ่งปันกับเหอซิ่งและจ้าวชิงหลิ่วด้วย
บ้านของจ้าวชิงหลิ่วและหลี่ต้าไห่ไม่ใหญ่นัก มีเพียงสองห้องและห้องครัวขนาดเล็ก พวกเขาจึงสร้างกำแพงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ที่เหลือคือใช้การยกคานและนำกระเบื้องมามุงหลังคา
เป็นธรรมเนียมในหมู่บ้านต้าเจียง ที่จะต้องจัดงานเลี้ยงฉลองบ้านใหม่
ทั้งคู่ยืมเงินมาสร้างบ้าน ดังนั้นจึงไม่มีความตั้งใจที่จะจัดงานฉลองใหญ่โต แต่ก็ต้องจัดเป็นพิธี ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจจัดโต๊ะสองสามโต๊ะ แล้วเชิญผู้อาวุโสของตระกูลและเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยบางคน และเชิญเลขาประจำหมู่บ้านและคนสร้างบ้านมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
มีการวางเหล้าไว้ข้างบ้านใหม่ และตั้งหม้อต้มน้ำไว้บริเวณพื้นที่โล่งแจ้ง
หลี่ต้าไห่เป็นคนทำอาหาร ส่วนลี่หรงและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้าง ๆ ขณะที่รอร่วมรับประทานอาหาร
ครอบครัวของผู้เฒ่าหลี่รู้ว่าหลี่ต้าไห่ได้สร้างบ้านใหม่แล้ว จิตใจจึงเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา พูดให้ถูกคือแม่เลี้ยงของเขากำลังคิดจะสร้างปัญหาอีกครั้ง
แม่เลี้ยงลากพ่อของเขามาที่บ้านที่หลี่ต้าไห่สร้างอย่างไร้ยางอาย แล้วนั่งลงบนโต๊ะด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เหอซิ่งเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น เธอดึงแขนเสื้อของลี่หรงแล้วสะกิดให้อีกฝ่ายมอง
ลี่หรงไม่เคยพบกับพ่อและแม่เลี้ยงของหลี่ต้าไห่ เธอจึงคิดว่าพวกเขาเชิญคู่สามีภรรยาสูงอายุมากินข้าว จึงถามว่า “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
เหอซิ่งกระซิบ “คนเหล่านั้นคือพ่อสามีของพี่สาวใหญ่ และแม่เลี้ยงของสามีเธอ”
“อะไรนะ?” ลี่หรงขมวดคิ้ว “ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ พี่สาวใหญ่คงไม่ได้เชิญพวกเขามาแน่นอน”
เหอซิ่งส่ายหัว “ใครจะรู้ คนในครอบครัวของผู้เฒ่าหลี่เหล่านั้นไร้ยางอาย หลังจากได้ยินข่าวพวกเขาอาจจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง ”
จ้าวชิงหลิ่วและสามียุ่งจนหัวหมุน เลยไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์นี้
ลี่หรงวิ่งไปบอกแม่จ้าว
แม่จ้าวกำลังคุยกับพวกป้า ๆ แต่เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าแม่จ้าวก็เคร่งขรึมทันที “พวกเขาอยู่ที่ไหน ทำไมพวกเขาถึงกล้ามาที่นี่ พาแม่ไปดูเร็วเข้า!”
คู่สามีภรรยาอาวุโสของตระกูลหลี่นั่งอยู่บนโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง สายตาของพวกเขาจ้องมองบ้านหลังใหม่ของลูกสะใภ้ด้วยความไม่สบายใจตลอดเวลา
แม่จ้าวเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ทำไมพวกคุณถึงกล้ามาที่นี่อีก”
แม่เลี้ยงของหลี่ต้าไห่ไร้ร่องรอยเขินอายบนใบหน้า ริ้วรอยบนใบหน้าของเธอยิ่งเป็นรอยยับย่นเมื่อคลี่ยิ้ม “อ้าว! นี่ไม่ใช่งานฉลองบ้านหลังใหม่ของต้าไห่เหรอ ในฐานะพ่อแม่ ถ้าไม่มาก็คงจะดูไม่ดีนัก”
“ต้าไห่เชิญพวกคุณมาที่นี่หรือเปล่าล่ะ?”
“ทำไมต้องรอให้เขาเชิญมาด้วยล่ะ เราเป็นพ่อแม่ของเขานะ”
แม่จ้าวพ่นลมหายใจด้วยความโกรธ “พ่อแม่เหรอ… งั้นทำไมไม่ช่วยออกเงินค่าสร้างบ้านหลังใหม่ให้ต้าไห่ล่ะ?”
คุณแม่เลี้ยงหลี่บอกว่า “ต้าไห่น่ะร่ำรวย คงไม่ต้องการเงินเล็กน้อยจากพวกเราหรอก ฉันแค่มาดูว่าบ้านหลังนี้สร้างได้ดีหรือเปล่า ยังไงน้องชายต้าไห่จะแต่งงานเดือนหน้า ฉันตั้งใจจะให้น้องชายต้าไห่มาใช้ที่นี่เป็นเรือนหอ ก็เลยมาดูลาดเลาก่อน”
ลี่หรงยืนฟังจากด้านข้าง รูม่านตาก็ขยายออกกว้าง แม่เลี้ยงคนนี้ไร้ยางอายนัก ถึงกับกล้าคิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ!
เธอพูดประชดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินว่าพ่อแม่พี่เขยมาโดยไม่ได้รับเชิญ ไม่คิดเลยว่ากำลังจะจับคู่ให้ลูกตัวเอง แล้วมาเบียดเบียนคนที่นี่”
คนข้าง ๆ หัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้น
อีกฝ่ายอดพูดไม่ได้ว่า “เธอ! เป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมาพูดตรงนี้!”
“คุณสนใจด้วยเหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่นี่เพราะถูกเชิญมา แต่คุณทำได้แค่ ‘แอบมา’ เท่านั้น เจ้าภาพไม่ได้เชิญเสียด้วยซ้ำ!”
น่าละอายจริง ๆ ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อลูกชายที่เกิดจากสามีกับอดีตภรรยาของเขาอย่างไม่ไว้หน้า
พวกเขาไม่ได้รับเชิญด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังบอกให้พ่อของหลี่ต้าไห่พาตัวเองมาด้วย คิดเพียงว่าหากพ่อของเขาอยู่ที่นี่ หลี่ต้าไห่จะไม่กล้าไล่พวกเขาออกไปใช่ไหม?
นี่คิดแค่ว่าตัวเองมาเพื่อกินอาหารฟรี!
ใครจะคิดว่าลี่หรงจะกล้าพูดถึงเรื่องนี้!
ทุกคนที่เห็นรู้ดีว่าคู่สามีภรรยาเฒ่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ แต่เดินเข้างานมาเอง ทำให้คนหัวเราะเสียงดัง พลางชี้มาที่พวกเขาราวกับตัวตลก
แม่เลี้ยงหลี่รู้สึกเสียหน้า จนรีบปรี่เข้าไปหมายจะตบลี่หรงหนึ่งฉาด แต่หญิงสาวหลบได้
แม่จ้าวโกรธมากจนพูดไม่ออกกับพฤติกรรมอันธพาลของแม่เลี้ยงหลี่ ก่อนมองไปรอบ ๆ ในที่สุดก็พบไม้กวาดอยู่ที่มุมหนึ่ง จึงวิ่งไปคว้ามันขึ้นมา แล้ววิ่งไปจัดการแม่เลี้ยงหลี่
สีหน้าของแม่เลี้ยงหลี่เปลี่ยนไป เธอดึงสามีมาขวางไว้ แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ต้าไห่! ต้าไห่รีบมาเร็ว พ่อกำลังจะถูกทุบอยู่แล้ว!”
เมื่อคู่รักที่กำลังยุ่งอยู่กับงานได้ยินเสียงของแม่เลี้ยงหลี่ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแข็งทื่อ ความรังเกียจฉายแววในดวงตาของพวกเขา
จ้าวชิงหลิ่วไม่ได้ปิดบัง เธอถามว่า “ทำไมแม่เลี้ยงถึงมาที่นี่ได้?”
“ไม่รู้สิ เราออกไปดูกันเถอะ”
เมื่อทั้งสองออกไปก็เห็นเหตุการณ์นี้
แม่จ้าวยกไม้กวาดจะตีแม่เลี้ยงหลี่ แต่เธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังสามี ทำให้ไม้กวาดเกือบจะฟาดใส่พ่อหลี่อย่างหวุดหวิด
เมื่อเห็นหลี่ต้าไห่ออกมา แม่เลี้ยงหลี่จึงตะโกนว่า “ต้าไห่ เข้าใจแล้วใช่ไหม ดูสิ่งที่แม่เมียของลูกทำสิ!”
หลี่ต้าไห่เม้มปากจนเป็นเส้นตรง “พวกคุณมาที่นี่ทำไม?”
“เราได้ยินมาว่าลูกสร้างบ้านใหม่ พ่อกับแม่ก็เลยแวะมาแสดงความยินดี”
เส้นเลือดที่ขมับของหลี่ต้าไห่ปูดโปน สีหน้าของเขาราวอดกลั้นความโมโหไว้สุดขีด
ดูเหมือนแม่เลี้ยงหลี่จะเสียสติ และไม่ได้สังเกตคนตรงหน้าจึงพูดว่า “น้องชายของลูกกำลังจะแต่งงานเดือนหน้า ลูกไม่ได้ลืมสร้างห้องหอเผื่อให้เขาหรอกใช่ไหม?”
เมื่อจ้าวชิงหลิ่วได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที พลางชี้ไปข้างนอกแล้วตะโกนว่า “ออกไป! คุณจะรังแกพวกเราไปอีกนานแค่ไหน ให้เรือนหอเขาเหรอ คุณไล่พวกเราออกมาแล้ว ยังจะกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ดูเมียของลูกหน่อยสิต้าไห่ ทำไมถึงพูดกับพ่อแม่แบบนี้”
หลี่ต้าไห่กอดภรรยาที่ล้มตัวลง ริมฝีปากของเขาสั่นขณะพูดว่า “บอกแล้วว่าให้ไปให้พ้น…”
ดวงตาของแม่เลี้ยงหลี่เบิกกว้าง “ลูกว่าอะไรนะ?”
จ้าวชิงซงและคนอื่น ๆ กลับมาทันเวลา เมื่อพวกเขาเห็นคู่สามีภรรยาของตระกูลหลี่ ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องคิดเลย ดวงตาจ้าวชิงซงแววรังเกียจ “ฉันยังเก็บใบเรียกเก็บเงินค่ายาไว้ ป้าจะจ่ายเมื่อไหร่ล่ะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน แม่เลี้ยงหลี่ไม่กล้าหืออีก จ้าวชิงซงดูเหมือนจะรับมือได้ยากในตอนแรกได้พาเลขาประจำหมู่บ้านมาด้วย แม่เลี้ยงหลี่จึงลากสามีออกไปด้วยความไม่พอใจ
ระหว่างรับประทานอาหาร ใบหน้าของจ้าวชิงหลิ่วยังคงไม่ค่อยดีนัก เธอพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “ทำไมเธอถึงมาที่นี่อีก เธอคงอยากจะฆ่าฉันจริง ๆ”
ลี่หรงปลอบเธอว่า “ไม่ต้องสนใจหรอกพี่สาวใหญ่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก หากพวกเขากล้าสร้างปัญหาขึ้นอีก ก็ต้องจัดการให้เด็ดขาด ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กันไปก็ต้องยอม”
จ้าวชิงหลิ่วถอนหายใจ “พูดน่ะมันง่าย แต่ใครล่ะที่จะกล้าตัดได้จริง ๆ”
งานวันนี้เป็นงานมงคล ทันทีที่ยกอาหารมา เรื่องร้ายก็ถูกมองข้ามไปโดยปริยาย
เมื่อผู้ใหญ่มารวมตัวกันที่โต๊ะ พวกเขาก็ต้องดื่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จ้าวชิงซงเคยเป็นทหาร เลขาประจำหมู่บ้านและคนอื่น ๆ จึงชอบพูดคุยกับจ้าวชิงซง คืนนั้นทุกคนล้วนดื่มกันไปไม่น้อย
หลังจากทานอาหารเสร็จ ลี่หรงก็ช่วยเก็บโต๊ะและมองจ้าวชิงซงอย่างประเมินท่าที และดูเหมือนอีกฝ่ายจะยอมแพ้ให้กับฤทธิ์น้ำเมาเสียแล้ว เธอจึงร่ำลาแม่จ้าวและคนอื่น ๆ ก่อนพาจ้าวชิงซงกลับบ้าน
เมื่อเดินผ่านทุ่งต้นอ้อ ก็ได้ยินเสียงครวญครางแผ่วเบาลอยมาตามลม
เมื่อได้ยิน ทั้งสองต่างก็รู้ว่าเสียงนั้นคืออะไร
ยังไม่ทันมืดเลยนะ ใครกล้ามาทำในที่แบบนี้กัน?
ใบหน้าของลี่หรงเปลี่ยนเป็นสีแดง จ้าวชิงซงจึงเอื้อมมือไปปิดหูของหญิงสาว ก่อนจูงเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
“ใครกำลังทำอะไรในทุ่งต้นอ้อกลางวันแสก ๆ กัน?” ลี่หรงถามด้วยความแปลกใจ
จ้าวชิงซงพ่นลมหายใจ ตอนแรกตนไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาก็ยิ้มมุมปาก พลางเข้าไปกอดลี่หรงแล้วกระซิบว่า “ ใครจะรู้ แต่ครั้งต่อไปเราลองกันบ้างดีไหมครับ”
ลี่หรงจ้องมองเขา “ใครจะอยากตามคุณไปที่ทุ่งต้นอ้อกัน”
เตียงที่บ้านไม่สบายกว่าเหรอ?
ลี่หรงพลันกระทืบเท้า “ต่อไปอย่าดื่มเหล้าอีก คุณนี่ชอบพูดเรื่องไร้สาระตอนเมาจริง ๆ”
MANGA DISCUSSION